อาชญากรรม

เมียหนุ่มถูกยิงกลางโรงพัก วอนสังคมเข้าใจ พร้อมเตรียมแจ้งความเอาผิด ตร. ด้านแม่ประณามผู้ต้องหา ต้องได้รับโทษประหาร

โดย passamon_a

18 ธ.ค. 2565

321 views

ความคืบหน้ากรณี นายพีรสิน กุลชุติสิน ลูกชายเจ้าของโรงงานพริก ที่ก่อเหตุยิงนายคมสันต์ อินทร์ฤทธิ์ หรือม่อน เสียชีวิต และทนายความได้รับบาดเจ็บกลาง สน.หลักสอง



เมื่อวานช่วงสาย ตำรวจควบคุมตัวนายพีรสินไปฝากขัง ในส่วนของนายม่อน ผู้เสียชีวิต วานนี้ทางครอบครัว เดินทางมารับศพ ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์สิริราชพยาบาล



โดยนางนุชนารถ พุทธคุณ อายุ 58 ปี แม่นายม่อน และนางสาวปภาดา นิสสัยสุข อายุ 32 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต นางสาวไหมใจ ชีพวนิช อายุ 38 ปี (แมสดำ ถือรูป) ได้เดินทางมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา



แฟนนายม่อน ขอชี้แจงว่า อยากขอความเป็นธรรมให้กับนายม่อนด้วย หลังจากที่สังคม วิพากษ์วิจารณ์ ว่า นายม่อนเป็นคนอารมณ์ร้อนและทำร้ายร่างกายคู่กรณี จนนำมาสู่การถูกยิงเสียชีวิต เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกิดจากเพียงแค่การทะเลาะวิวาทกันบนท้องถนน



จุดเริ่มต้น เหตุการณ์วันที่ 27 กันยายน 2565 ตนและสามีขับรถมาบนถนนเพชรเกษมตามปกติ แต่ คู่กรณี ขับต่อท้ายมา และต้องการจะยูเทิร์น แต่คู่กรณีไม่ได้ต่อแถวเข้าคิว พยายามเบียดแทรก ซึ่งตอนนั้นสามีขับรถมาในทางตรงจึงไม่ให้ทาง ทำให้คู่กรณีไม่พอใจ เมื่อคู่กรณียูเทิร์นแล้วได้ขับรถตามรถตนมา พร้อมกับเปิดไฟสูงใส่ จากนั้นคู่กรณีขับแซงไป



ยอมรับว่าสามีโมโห ก็ขับรถปาดหน้ากัน ไปมา และต้องการให้คู่กรณีหยุดรถมาคุยกัน จึงหยิบขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่ดื่มแล้ว ปาออกไปใส่รถของคู่กรณี เจตนาที่ปาขวด คือ เพื่อจะให้คู่กรณีหยุดรถ ไม่ได้หาเรื่อง  ซึ่งคู่กรณีก็หยุดรถแล้วและสามีตนก็ไปจอดข้าง



แล้วคู่กรณีก็ลดกระจกลงมาพร้อมกับใช้มือถือยกขึ้นมาถ่ายคลิป สามีตนไม่พอใจที่ถ่ายคลิป จึงปาขวดเครื่องดื่มชูกำลังไปอีกรอบ ทางคู่กรณี ก็ปาของใส่สามีตอบโต้ไปมา ทำให้สามีโมโหลงรถ เข้าไปต่อยคู่กรณี ซึ่งต่อยเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ส่วนคู่กรณีก็ต่อยคืนมาเช่นกัน ซึ่งไม่แน่ใจว่า สามีใช้สนับมือต่อยหรือไม่ เพราะตนไม่ทราบว่าสนับมือเป็นแบบไหน แต่สภาพบาดแผลคู่กรณีก็เป็นแค่ภายนอก หากใช้สนับมือ หรืออาวุธ คงเป็นมากกว่านี้



เหตุการณ์ทะเลาะวิวาท จบลงที่ต่างคนต่างแยกย้าย ไม่คิดว่าจะเป็นคดีความ เพราะคิดว่าเป็นการทะเลาะกันระหว่างลูกผู้ชาย ซึ่งฝั่งตนเองไม่มีกล้องหรือหลักฐานมายืนยันว่าโดนคู่กรณี กระทำเช่นกัน



ส่วนเหตุการณ์ ในห้องสอบสวน ก่อนเกิดการยิงกันเกิดขึ้นแฟนผู้ตาย เล่าว่า ในขณะที่พนักงานสอบสวนสอบถามฝั่งคู่กรณี อ้างว่า ฝ่ายตนเป็นคนผิด และไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆ ช่วงนั้น สามีก็ไม่พอใจ และถามตนว่าจะเอายังไงดี ตนบอกว่าถ้าเรื่องมันจบเร็ว ไม่ต้องยึดเยื้อ ก็ยอมรับก็ได้ จากนั้นคู่กรณี ก็ลุกขึ้นยืน และมีการถามว่า ไม่คิดจะขอโทษบ้างเหรอ



จากนั้นสามีตน ซึ่งนั่งอยู่เก้าอี้ ก็หันหน้าไปพูดว่า ขอโทษ แล้วหันหน้ากลับมา ซึ่งไม่ใช่การพูดประชดหรือไม่พอใจ เป็นสียงปกติ แล้วคู่กรณี ก็เดินออกไปเอาปืนมายิงทันที



เหตุที่เกิดขึ้นไม่เป็นธรรมกับตน สามีตนต้องมาตาย หากคู่กรณีไม่พอใจ ทำไมไม่ต่อยคืนเหมือนที่สามีทำ ทำไมต้องฆ่า



ท้ายที่สุดตนอยากถามคนก่อเหตุว่า จิตใจทำด้วยอะไร ตอนที่ยิงสามีของตน ตนและลูกก็นั่งอยู่ตรงนั้น ลูกเห็นพ่อเขาถูกยิง ล้มลงไปต่อหน้าต่อตา ส่วนสามีอยากบอกว่าให้กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน ตนและลูกรออยู่



ส่วนประเด็นเงิน 9 ล้านที่คู่กรณีเรียกค่าเสียหาย แฟนผู้ตายบอกว่า เป็นทนายของคู่กรณีแจ้งกับพนักงานสอบสวน ซึ่งยังไม่ทราบรายละเอียดว่า ทำไมมีจำนวนมากถึง 9 ล้าน และยืนยัน สามีไม่ได้พูดว่าไม่มี ไม่จ่าย แต่พนักงานสอบสวน เห็นว่า การไกล่เกลี่ยไม่เป็นผล ก็บอกว่าจะส่งฟ้องศาลตามขั้นตอน



ทั้งนี้ เชื่อว่าคู่กรณีจงใจที่จะก่อเหตุยิงสามีตนหรือไม่ เพราะมีการพกปืนมาด้วย และลักษณะการจอดรถจอดรถ ที่สน.ก็จอด ที่หน้าประตู พอดีเหมือนเตรียมตัว พอยิงเสร็จ ทั้งคู่กรณีและเมีย ก็วิ่งไปขึ้นรถและหลบหนีไป และมีคนสั่งเกตุเห็นว่าเมียผู้ก่อเหตุมีการใส่เอียร์ปั๊ก ที่คนซ้อมยิงปืนใส่ป้องกันเสียงดัง จึงตั้งข้อสังเกตว่าถ้าไม่ได้เตรียมการ หรือมีส่วนรู้เห็นจะมีการใส่เอียร์ปั๊กมาก่อนเพื่ออะไร



ทางด้าน นางสาวไหมใจ ชีพวณิต ญาติ นายม่อน (คนถือรูป) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำรุนแรงเกินเหตุ อีกทั้งที่เกิดเหตุ เป็นสถานีตำรวจเป็นที่พึงพาของประชาชน แต่ระหว่างสอบปากคำ กลับถูกยิงตายบนโรงพัก และตั้งข้อสังเกตว่า ขณะเกิดเหตุ หากตำรวจมีการระงับเหตุอย่างทันท่วงที ก็คงไม่ตาย



หลังจากนี้อาจจะมีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาเกิดเหตุด้วย เนื่องจากมองว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่



ทางด้านนางนุชนารถ พุทธคุณ คุณแม่ของนายม่อน กล่าวทั้งน้ำตา ว่า หลังจากนี้ไม่มีเสาหลักดูแลครอบครัวก็คงลำบาก เสียใจมากที่ลูกต้องมาเสียชีวิต เรื่องเกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่ผ่านมา ลูกชายตนเป็นคนดี มีมารยาทในการขับขี่ บางครั้งนั่งรถไปด้วยกันแล้วมีรถคันอื่นหยุดให้รถของลูกไปก่อน ลูกก็ก้มหัวคำนับ ขอบคุณ ลูกชายไม่เคยขับรถก่อกวนหรือทำความเดือดร้อนให้ใคร เขาเป็นที่รักของเพื่อนและครอบครัว



วันที่เกิดเหตุเชื่อว่าหากลูกไม่ถูกกระทำก่อนคงไม่ลงไปทำร้ายคู่กรณี เมื่อถูกตำรวจเรียกเข้าไปเจรจากับคู่กรณี ก็พร้อมไปทุกครั้ง แต่ฝ่ายคู่กรณีเป็นคนเลื่อนนัดหลายครั้ง “หากสังคมจะมองว่าลูกแม่เป็นคนหัวร้อน ก็คงทำร้ายคู่กรณีไปตั้งแต่วันแรกแล้ว”



แต่สิ่งที่คู่กรณีทำกับลูกแม่มันเกินไป ขอให้ผู้ก่อเหตุให้ได้รับโทษประหาร นอกจากนี้หลังเกิดเหตุ ทางครอบครัวของคู่กรณีก็ยังไม่ติดต่อมาขอโทษ หรือ พูดคุยค่าเงินเยียวยา มีแต่ลูกสะใภ้มาบอกว่า ทางครอบครัวคนก่อเหตุ บอกว่าหากจะให้ชดใช้ค่าเสียหายที่ยิงลูกชาย จะต้องให้ฝั่งตนชดใช้ค่าเสียหายกรณีรถชน และทำร้ายร่างกายผู้ก่อเหตุก่อน



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/CNSDMGOBCAc

คุณอาจสนใจ

Related News