อาชญากรรม

มติเอกฉันท์ คกก.กลั่นกลอง เสนอ อธิบดีดีเอสไอ รับคดี ‘ดิไอคอน’ เป็นคดีพิเศษ

29 ต.ค. 2567

40 views

คณะกรรมการกลั่นกรองดีเอสไอ มีมติเอกฉันท์ คดีบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป เข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งอยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.คดีพิเศษ เสนออธิบดี พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ



เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองคดี ดีเอสไอ เพื่อพิจารณาคดีบริษัทดิไอคอน กรุ้ป เป็นคดีพิเศษหรือไม่

หลังจากที่เมื่อวานนี้ ตำรวจ ปคบ. ได้นำสำนวนการสอบสวนคดีบริษัท ดิไอคอน มาส่งมอบให้ โดยทางดีเอสไอได้เชิญ พลตำรวจตรีมนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม และ ตำรวจ ปคบ. มาร่วมประชุมด้วย

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษเปิดเผยว่า เอกสารที่ได้รับจากทางตำรวจสอบสวนกลางมีทั้งหมด 92,289 แผ่น ซึ่งหลังจากนี้จะต้องนำมาพิจารณาว่า เป็นคดีพิเศษที่จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 หรือไม่

สำหรับเอกสารที่ได้รับตอนนี้มีเพียงบางส่วน เพราะสำนวนคดีมีอยู่ทั่วประเทศ จากที่ผุ้เสียหายได้แจ้งความไว้ตามที่โรงพักต่าง ๆ ซึ่งจะต้องรอทางตำรวจส่งมาให้กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่ม

และในวันนี้ได้เชิญตำรวจมาร่วมประชุมเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในสำนวนคดี และสอบถามว่าตำรวจได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง ส่วนการตัดสินใจว่า จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ขึ้นอยู่กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณา

หลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ร้อยตำรวจเอกวิษณุ เปิดเผยว่า จากการรับฟังข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานซึ่งมีการเชิญพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บังคับการกองปราบปรามและพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องในคดี มาให้ข้อเท็จจริงกับพยานหลักฐานเป็นประโยชน์ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ของดีเอสไอพิจารณา ชัดเจนว่าเป็นความผิดที่เข้าข่าย พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมถึง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งอยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ

คณะกรรมการกลั่นกรองจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ โดยจะรีบเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ในช่วงบ่ายวันนี้

โดยพยานหลักฐานที่นำมาสู่มติเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ว่าคดีเข้าข่ายคดีพิเศษ คือข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่ตำรวจสอบสวนกลางนำมาให้ ทั้งแผนประทุษกรรม แผนการตลาดจากคอมพิวเตอร์ งบการเงิน รวมถึงพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

โดยสำนวนที่รับมาจากตำรวจที่จะเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาบ่ายนี้ จะแยกเป็นอีกคดี ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีฟอกเงินที่ดีเอสไอรับดำเนินการก่อนหน้านี้ เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์ต่างกรรมกัน

พร้อมยืนยันว่าจะไม่ใช่การนับหนึ่งใหม่แต่นับก้าวไปเลย เป็นการทำงานบูรณาการร่วมกันกับตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งหลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ตำรวจก็ยังสามารถมาสอบปากคำร่วมได้ การรับเป็นคดีพิเศษจะไม่ใช่การตัดอำนาจของตำรวจแต่เป็นการทำงานคู่ขนานกันอย่างที่ทำมาตลอด

และขอชื่นชมการทำงานของกองบัญชาการตรวจสอบสวนกลาง ที่ใช้เวลาจำกัดรวบรวมพยานหลักฐานมีประโยชน์และมีประสิทธิภาพ จนกระทั่งมีการส่งเรื่องมาให้ดีเอสไอเป็นเจ้าภาพ ทั้งการออกหมายจับที่ทำได้รวดเร็ว เป็นการป้องกันการทำลายเป็นหลักฐาน

ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาล็อตที่สอง ยังตอบไม่ได้ว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไร แต่จะทำให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ก่อนครบกำหนดฝากขัง ผลัดสุดท้ายของผู้ต้องหา ซึ่งหากเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนได้เพียง 4 ฝาก แต่ถ้าพิจารณาความผิดจนสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มใน พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จะฝากขังได้ 7 ผลัด โดยจะมีหนังสือเชิญอัยการสูงสุดมาเป็นที่ปรึกษาในคดี รวมถึงเชิญผู้เชี่ยวชาญทุกด้านที่เกี่ยวข้องมาดูเรื่องข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา เพื่อให้คดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนที่ทนายบอสพอลบอกว่าจะส่งข้อมูลกลุ่มแม่ข่ายมาให้ก็เป็นเรื่องที่ดี จะต้องมาดูว่ามีลักษณะอย่างไรและมีพฤติการณ์สามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้อย่างไรได้บ้าง


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/xfMUvFleA8g

คุณอาจสนใจ

Related News