อาชญากรรม

อสส.สั่งตรวจสอบ 6 คดีสำคัญ หากมีหลักฐานใหม่ รื้อคดีได้

โดย attayuth_b

2 มี.ค. 2566

75 views

อัยการสูงสุด มีคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ในคดี สำคัญ 6 คดี เช่นคดีเสี่ยกำพลค้ามนุษย์ คดีเผาสวนงูภูเก็ต เพื่อให้สิ้นกระแสสงสัยของสังคม ขณะที่รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยันชุดทำงานที่แต่งตั้งขึ้น มีดีกรีระดับว่าที่อัยการสูงสุดหลายท่าน และหากพบหลักฐานใหม่ที่เข้าเงื่อนไขก็สามารถรื้อคดีขึ้นมาใหม่ได้


นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยหลังจากที่นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด มีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง 6 คดีสำคัญ หลังก่อนหน้านี้อัยการที่รับผิดชอบสำนวนคดี มีคำสั่งไม่ฟ้อง


ประกอบด้วยคดีเผาสวนงูภูเก็ต คดีของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ กับพวกในคดีค้ามนุษย์ คดีซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก หรือคดีที่บริษัทเครือของนายเปรมชัย กรรณสูต ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่า คดีของนายแทนไท ณรงค์กูล กับพวกที่เกี่ยวข้องกับเวปพนันออนไลน์ คดีบ่อนพนันออนไลน์มาวินเบตดอทคอม และคดีจับยาเสพติดเมทแอมเฟตามีน 400,000 เม็ดที่จังหวัดนนทบุรี โดยแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบรวม 5 คณะ


โดยสาเหตุที่มีการรื้อตรวจสอบทั้ง 6 คดี เนื่องมาจาก ทีมงานของอัยกาสูงสุดได้ตรวจสอบข่าวต่างๆที่มีการนำเสนอต่อสื่อมวลชน และจากบุคคลหลายส่วนรวมถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พี่มายื่นเรื่องร้องเรียนต่ออัยการสูงสุด และคณะทำงานเห็นว่าเป็นคดีที่อาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร


จึงต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าคำสั่งและสำนวนคดีเป็นไปด้วยความถูกต้องหรือไม่ และอาจมีการเรียกพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน ผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือสื่อมวลชนที่มีการเผยแพร่ข่าว เข้ามาให้ข้อมูลด้วย โดยหากพบว่ามีประเด็นใดบกพร่องก็จะรายงานต่ออัยการสูงสุดโดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่ากรอบระยะเวลาจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 เดือน


ส่วนพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบทั้ง 6 คดีนั้นเบื้องต้นไม่ใช่พนักงานอัยการคนเดียวกัน ส่วนแต่ละคนจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหรือไม่ ต้องให้คณะทำงานตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนและระหว่างที่คณะทำงานมีการตรวจสอบทั้ง 6 คดีก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องสั่งพักงาน หรือปลดอัยการผู้รับผิดชอบ 6 คดีที่เป็นประเด็นออกจากคดีอื่นที่ทำอยู่


เพราะในชั้นนี้เป็นเพียงการตรวจสอบชั้นต้นเท่านั้น และยังไม่พบข้อบกพร่องต่อหน้าที่ และหากพบข้อพกพร่อง ก็ต้องนำเสนออัยการสูงสุดพิจารณาก่อนว่าจะดำเนินการทางวินัยอย่างไรหรือไม่

หากพบว่ามีคดีใดบกพร่อง แล้วอัยการสูงสุดจะสามารถรื้อคดีที่พนักงานอัยการเคยมีคำสั่งไม่ฟ้องได้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าข้อบกพร่องที่พบเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายให้สามารถรื้อคดีได้หรือไม่ เช่น จะต้องพบพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งเบื้องต้นกฎหมายมีแนวทางไว้ให้อยู่แล้ว


ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานกลางเข้ามาช่วยตรวจสอบนั้น เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานอื่นอ่าจไม่ทราบรายละเอียด และแนวทางการทำงานของพนักงานอัยการเท่าคณะทำงานที่แต่งตั้งขึ้นมาซึ่งคณะที่ถูกแต่งตั้งให้เข้ามาตรวจสอบในครั้งนี้เป็นว่าที่อัยการสูงสุดหลายท่าน ที่จะมาทำงานสานต่อภารกิจจากอัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ซึ่งกำลังจะหมดวาระในอีกประมาณ 7 เดือน ขอให้ประชาชนไว้วางใจในการทำงานได้



รับชมทางยูทูปที่ :  https://youtu.be/32zhPMRBOKU

คุณอาจสนใจ

Related News