ผู้เสียหายร้อง DSI เชียงใหม่ ถูกหลอกลงทุนแชร์ลูกโซ่คริปโต คาดเสียหายกว่า 1,700 ล้านบาท

กลุ่มผู้เสียหายร้องเรียนดีเอสไอภาค 5 เชียงใหม่ หลังถูกหลอกร่วมลงทุนแชร์ลูกโซ่คริปโต โดยไม่ได้รับเงินปันผลตามที่ตกลงไว้ เชื่อมูลค่าความเสียหายกว่า 1 พัน 700 ล้านบาท


นี่เป็นภาพนิ่งจากเพจดราม่า แอดดิค เมื่อวานนี้ที่ระบุข้อความว่า สื่อมวลชนไปเชียงใหม่กันโลดครับ วงแชร์ลูกโซ่มูลค่าหลายร้อยล้าน กำลังแตกโพล๊ะที่นั่น


โดยวันนี้ กลุ่มผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่คริปโตเคอเรนซี่ ทยอยเข้าร้องดีเอสไอภาค 5 เชียงใหม่ ระบุว่าเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทแห่งหนึ่งที่อ้างว่า ดำเนินธุรกิจซื้อขายเหรียญอิเล็กทรอนิกส์หรือ cryptocurrency และทำเหมืองขุด bitcoin


โดยชายคนนี้ ซึ่งมีโปรไฟล์เฟซบุ๊กเป็นเจ้าของบริษัทที่ถูกร้องเรียน ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม เกี่ยวกับการลงทุน ระบุว่า หลังจากวันที่ 9 สิงหาคม ทางเราขอปิดรับการลงทุน สำหรับบุคคลทั่วไปเพื่อให้ง่ายต่อการขยายธุรกิจในอนาคตข้างหน้าและรับรู้ข่าวสารและแนวทางการทำงานต่อไป สำหรับท่านใดอยากเข้าร่วมกลุ่ม VIP ให้ติดต่อที่


และ ข้อความ "เหตุผลที่ปิดรับบุคคลภายนอกเอาตรงๆนะครับ บางคนเอาแต่ได้ ซึ่งมองไปในทางอนาคตถ้าจะทำพาร์ทเนอร์ร่วมกันหรือการขยายธุรกิจต่างๆในอนาคต แฮชแท็ก ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์ ครับ


ส่วนโพสต์นี้ ระบุด้วยว่า "ระวังนะครับ เว็บไซต์ปลอมหรืออะไรก็ตามแต่ ถ้าไม่ใช่โอนเงินเข้าบัญชีผม นั้นไม่ใช่ผมนะครับ แจ้งไว้ตรงนี้เลย แฮชแท็กผมไม่ชักชวนใครลงทุน และผมไม่คุยกับคนทั่วไปเท่าไรครับ มีเรื่องมาให้ทุกวันพวก.." และนอกจากยังมีรูปที่ขับรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ และอยู่บ้านหรูอีกด้วย


ผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ได้รับการชักชวนจากคนรู้จักให้ร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าวซึ่งมีการเปิดให้ร่วมลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่ 30,000 บาทเป็นต้นไปจนถึงหลักหลายล้านบาท


โดยได้รับผลตอบแทนปันผลเป็นกำไรตามสัญญา 10-15% ตามมูลค่าการลงทุน ส่วนของตนเริ่มลงทุนไป 100,000 บาท เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 และในช่วง 2 เดือนแรกยังได้รับเงินปันผล จนเดือนนี้บริษัท ไม่ได้จ่ายเงินปันผลให้ตามสัญญา แล้วพบว่ามีผู้ลงทุนที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้เป็นจำนวนมาก


เมื่อสอบถามก็ถูกบ่ายเบี่ยงอยู่ตลอด จึงเชื่อว่าบริษัทนี้น่าจะเป็นลักษณะการหลอกให้ร่วมลงทุนเหมือนแชร์ลูกโซ่ เชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และทั่วประเทศรวมแล้วหลายพันคน และมีมูลค่าความเสียหายกว่า 1 พัน 700 ล้านบาท


เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้รับเรื่องเอาไว้และเปิดให้ผู้เสียหายรายอื่นๆ นำหลักฐานเข้าร้องเพิ่มเติมได้ จากนั้นจะรวบรวมข้อมูล เพื่อพิจารณาว่าเข้าหลักเกณฑ์ ในการรับดำเนินการเป็นคดีพิเศษหรือไม่


สำหรับบริษัทที่ถูกร้องเรียน มีการจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดเมื่อปี 2562 ด้วยทุนจดทะเบียน 500,000 บาท ซึ่งระบุวัตถุประสงค์คือ ประกอบกิจการรับจ้าง ออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ รับจดทะเบียนชื่อโดเมน


ต่อมาปี 2565 มาจดทะเบียนเป็นบริษัท ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 500,000 บาท ระบุวัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียนว่าประกอบกิจการรับจ้าง ออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ รับจดทะเบียนชื่อโดเมน บริการเช่าพื้นที่บนคอมพิวเตอร์


ซึ่งพบว่า เจ้าของผู้ก่อตั้งบริษัทที่ชักชวนคนให้ร่วมลงทุน มักจะอ้างว่าทำลงทุนเงินอิเล็กทรอนิกส์และใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทำเหมืองขุดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ ซึ่งได้มีการเปิดให้ผู้อื่นร่วมลงทุนตั้งแต่ปี 2563 พร้อมมีการโพสต์เรื่องราวและภาพการใช้ชีวิตหรูหรา จนกระทั่งช่วง 2-3 เดือน ที่ผ่านมานี้ เริ่มเกิดปัญหาในการ จ่ายเงินปันผลให้ผู้ร่วมลงทุน ทำให้ผู้เสียหายรวมตัวกันมาร้องเรียน

https://youtu.be/3k-3Fison8Q