สืบนครบาลรุดช่วย 3 อินเดียถูกเพื่อนร่วมชาติจับเรียกค่าไถ่

ตำรวจกองบังคับสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจ หรือสืบนครบาล ร่วมกับกองกำกับการสืบสวนนครบาล 6 และสืบสวน สน.ยานนาวา นำกำลังบุกไปช่วยเหลือชาวอินเดียที่ถูกแก๊งชาวอินเดียด้วยกันจับตัวไปเรียกค่าไถ่และมัดมือขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยสันติคาม 8 หรือสุขุมวิท 109 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

โดยภายในบ้าน พบชาวอินเดียกลุ่มผู้ก่อเหตุ 6 คนและผู้เสียหายชาวอินเดีย 3 คน ซึ่งพบว่าในจำนวนนี้เป็นผู้เสียหาย 2 คนที่ถูกล่อลวงไปจากโรงแรมแห่งหนึ่งแถวถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก อีกส่วนเป็นผู้เสียหายชาวอินเดีย 1 คน ที่ถูกล่อลวงมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ในระหว่างการขยายผล

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งความจากนาย SANJEEV KUMAR อายุ 27 ปี สัญชาติอินเดียว่า นาย RAMESH SHARMAR และนาย AMANDEEP KAJAL ถูกคนร้ายอุ้มไปเรียกค่าไถ่คนละ 2.5 ล้านรูปี หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 1 ล้านบาท ตำรวจจึงวางแผนเข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหายในวันนี้

ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา นาย RAMESH SHARMAR และนาย AMANDEEP KAJAL จะเดินทางไปเที่ยวต่อที่ประเทศเวียดนาม แต่นาย SANJEEV KUMAR วีซ่าไม่ผ่าน จึงไม่สามารถเดินทางไปกับเพื่อนได้ ต่อมาในวันดังกล่าวได้มีชายชาวอินเดีย 1 คน เรียกรถแท็กซี่ให้ไปรับนาย RAMESH SHARMAR และนาย AMANDEEP KAJAL ที่โรงแรมแถวถนนสีลม แต่ไม่ได้พาไปขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปเวียดนาม กลับพาไปที่เซฟเฮาส์ซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่งในซอยสันติคาม 8

จากนั้นกลุ่มคนร้ายก็ได้ติดต่อไปยังญาติของผู้เสียหายที่ประเทศอินเดีย โดยเรียกเงินค่าไถ่เพื่อแลกกับการปล่อยตัว จากนั้นญาติของผู้เสียหายก็ติดต่อมาที่นาย SANJEEV KUMAR ว่า เพื่อนถูกจับเรียกค่าไถ่ จากนั้นนาย SANJEEV KUMAR จึงไปแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เพื่อให้ความช่วยเหลือ

นอกจากนี้ ทางตำรวจยังขยายผลไปจับกุมชายชาวอินเดียอีก 1 คนที่อยู่ใน จ.ชลบุรี หลังพบว่าเป็นผู้โทรศัพท์ไปข่มขู่ญาติผู้เสียหายเพื่อให้โอนเงินเรียกค่าไถ่ให้ ซึ่งอยู่ในระหว่างการนำตัวมาที่ สน.ยานนาวา

เบื้องต้น ทางตำรวจ สน.ยานนาวา จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งหมด 7 คน ในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวและร่วมกันพยายามเรียกค่าไถ่ ส่วนจากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้เสียหายเล่าว่า ผู้ก่อเหตุได้ขู่ตัดอวัยวะและทุบตีด้วยไม้พันเทปตามร่างกาย เพื่อติดต่อญาติให้โอนเงินค่าไถ่ให้

ด้านนายวิรัตน์ อายุ 53 ปี คนขับแท็กซี่ที่เคยรับผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายไปส่งที่บ้านเซฟเฮาส์ที่กักขังผู้เสียหาย กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ในวันเกิดเหตุมีชายชาวอินเดีย 1 คนซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุ โบกรถให้ตนเองจอดรับหน้าโรงแรมแถวสีลม โดยบอกว่าให้รอสักครู่ เพราะจะมีเพื่อนลงมาแล้วเดินทางไปด้วยกัน

จากนั้นก็มีชายชาวอินเดียอีกสองคนพร้อมกระเป๋าเดินลงมาจากโรงแรมแล้วขึ้นรถ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะบอกให้ตนไปส่งภายในซอยสันติคาม 8 หรือสุขุมวิท 109 ระหว่างทางชายชาวอินเดียทั้ง 3 ก็ได้มีการพูดคุยกันตลอดทาง ซึ่งตนเองก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดีย แต่ไม่ได้มีการขู่บังคับหรือใช้น้ำเสียงพูดจาที่รุนแรงต่อกันแต่อย่างใด เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง ก็พบว่าชายชาวอินทั้ง 3 คนก็เดินเข้าบ้านไป โดยไม่มีการบังคับหรือมีพิรุธแต่อย่างใด