รวบหญิงเวียดนามแสบ กรีดกระเป๋าหญิงไทยทำบุญไหว้พระสงกรานต์ในวัดดัง

ภาพวงจรปิดภายในวัดแห่งหนึ่งย่านท่าเตียน สามารถจับภาพเหตุการณ์ขณะที่ผู้เสียหายหญิงรายหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดดอกไม้สงกรานต์สีส้ม สะพายกระเป๋าข้างสีขาวบริเวณฝั่งขวา กำลังทำบุญหยอดเหรียญในศาสนสถาน ปรากฏว่าถูกหญิงสาว 2 คน คนหนึ่งมีร่างใหญ่ แต่งกายชุดคลุมสีดำ ห่มคอด้วยผ้าขาวม้า อีกคนร่างขนาดเล็ก แต่งกายชุดสีน้ำเงินทั้งชุด เดินมาประกอบข้าง ทำทีเหมือนจะทำบุญด้วย ก่อนที่จะเห็นว่า หญิงชุดคลุมสีดำ ห่มคอด้วยผ้าขาวม้า ได้ใช้สิ่งของบางอย่างกรีดที่กระเป๋าข้างของผู้เสียหายและพยายามใช้มือเข้าล้วงกระเป๋าถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกล้วงบริเวณภายในศาสนสถาน แต่ไม่สำเร็จ และครั้งที่ 2 ล้วงบริเวณประตูศาสนสถาน ซึ่งสามารถล้วงได้สำเร็จ ก่อนที่จะหยิบสิ่งของที่ลักได้ให้หญิงที่แต่งกายชุดสีน้ำเงินทั้งชุด แล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปจากวัดอย่างแนบเนียน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.

ล่าสุด ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง ร่วมกับตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้จับกุม น.ส.เหงียน ทิ จำ อายุ 42 ปี สัญชาติเวียดนาม ผู้ต้องหา ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอมหน้า หรือทำด้วยประการอื่น เพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ ในสถานที่บูชาสาธารณะ โดยสามารถจับกุมได้เมื่อวานนี้ ช่วงเวลา 17:30 น. ที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ถนนรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี

โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 11:25 น. มีผู้เสียหายหญิงชาวไทย อายุ 56 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ว่า เมื่อเวลาประมาณ 09:30 น.ในวันเดียวกัน ผู้เสียหายได้เดินทางมาไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่งย่านท่าเตียน โดยขณะที่ผู้เสียหายกำลังเดินเข้าไปสักการะศาสนสถานของวัด พบว่ากระเป๋าสะพายข้างสีขาวของตนถูกกรีด โดยคนร้ายสามารถเอากระเป๋าตังลายสก็อตสี่เหลี่ยมราคาประมาณ 300 บาทไปได้ ซึ่งข้างในกระเป๋ามีสิ่งของประกอบไปด้วย 1.เงินสด 3,000 บาท 2.บัตรประชาชน 1 ใบ 3.บัตรเครดิตธนาคาร 5 ใบ และ4.บัตร ATM 1 ใบ มูลค่าความเสียหายรวม 3,300 บาท

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นที่ห้องพักภายในซอยลาดพร้าว 134 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ ยึดของกลางได้ดังต่อไปนี้

1.ชุดเดรส สีน้ำเงิน จำนวน 1 ชุด

2.ผ้าคลุมสีน้ำเงิน จำนวน 1 ผืน

3.รองเท้าหุ้มส้นสีดำ จำนวน 1 คู่

4.กระเป๋าสะพายข้างยี่ห้อ Louis Vuitton สีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ

5.หน้ากากอนามัย สีขาว จำนวน 1 ถุง

6.โทรศัพท์ ยี่ห้อ SAMSUNG GALAXY A9 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง

7.เงินธนบัตรต่างประเทศ ประกอบด้วย เงินดอลลาร์สหรัฐ / เงินรูเปียห์อินโดนีเซีย / เงินริงกิตมาเลเซีย / เงินดองเวียดนาม

8.กระดาษฟอยล์ จำนวน 4 ม้วน

9.กระเป๋าสตางค์ จำนวน 3 ใบ

10.ผ้าที่ใช้คลุมไหล่ จำนวน 3 ผืน

11.มีดคัตเตอร์ จำนวน 2 เล่ม

12.ใบมีดคัตเตอร์ จำนวน 1 อัน

13.สำเนาหนังสือเดินทาง แสดงชื่อ MRS.NGUYEN THI TRAM จำนวน 1 ฉบับ

เบื้องต้นจากการสอบปากคำ ตอนแรก น.ส.เหงียน ทิ จำ ให้การภาคเสธ อ้างว่าถูกผู้ต้องหาหญิงอีกรายที่อยู่ในระหว่างการติดตามตัว ชักชวนให้ไปเที่ยววัดเพื่อทำบุญ แต่จากภาพวงจรปิดจะเห็นว่า น.ส.เหงียน ทิ จำ ได้เดินทางมาพร้อมกับผู้ต้องหาหญิงอีกราย และมีลักษณะท่าทางการคุยเพื่อเลือกเป้าหมาย ก่อนจะลงมือก่อเหตุในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ จึงทำให้ น.ส.เหงียน ทิ จำ ให้การรับสารภาพ ยอมรับว่าทำเป็นขบวนการกับผู้ต้องหาอีกรายในลักษณะแก๊งชาวเวียดนามกรีดกระเป๋า อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุได้มีการแบ่งเงินกันบางส่วน และกระเป๋ากับบัตรที่เหลืออยู่ที่ผู้ต้องหาอีกราย

ทั้งนี้ ทางตำรวจ สน.พระราชวัง ได้ให้ น.ส.เหงียน ทิ จำ ติดต่อหาผู้ต้องหาอีกรายเพื่อดำเนินการจับกุม แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเชื่อว่า ผู้ต้องหาหญิงอีกรายได้ทราบข่าวจากเครือข่ายชาวเวียดนามด้วยกันและได้หลบหนีไป ซึ่งขณะนี้ ฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง อยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี รวมทั้งได้ประสานให้ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขึ้น Black list สกัดตามด่านตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับประวัติการก่ออาชญกรรมของ น.ส.เหงียน ทิ จำ พบว่า เคยถูกดำเนินคดีลักทรัพย์และเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตมาก่อนเมื่อปี 2566 โดยครั้งนั้นต้องคำพิพากษาศาลแขวงดุสิตให้จำคุก 5 เดือน ปรับ 10,000 บาท ซึ่งได้รับการรอลงอาญา 1 ปี ก่อนถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองผลักดันออกนอกราชอาณาจักรในปีเดียวกัน คาดว่า น.ส.เหงียน ทิ จำ น่าจะลักลอบเข้าราชอาณาจักรช่วงก่อนสงกรานต์ผ่านช่องทางธรรมชาติ