อาชญากรรม
"ทนายวิฑูรย์" ตัดพ้อ ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังไม่ได้รายละเอียดพฤติการณ์ข้อกล่าวหา
โดย kanyapak_w
4 ชั่วโมงที่แล้ว
53 views
"ทนายวิฑูรย์" ตัดพ้อ ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังไม่ได้รายละเอียดพฤติการณ์ข้อกล่าวหา ขอ อย่าทำคดีตามกระแสสังคม ยัน ไม่ได้ข่มขู่ผู้เสียหาย แต่ใช้สิทธิ์ทางกฎหมายเอาผิดพวกฟ้องเท็จ
วันนี้ (23 ธ.ค. 67) เวลา 14.30 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล และผู้ต้องหาคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ให้สัมภาษณ์ภายหลัง DSI ส่งสำนวนคดีของ the icon group ให้อัยการคดีพิเศษ พิจารณาเพื่อมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องในคดีดังกล่าว โดยยอมรับว่าคดีนี้ตนเองยังไม่พร้อมที่จะต่อสู้คดีให้กับลูกความแต่ละคน
เนื่องจากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการได้ข้อมูลทางคดีมาให้ลูกความพิจารณาในการต่อสู้คดี จึงได้รวมตัวกับทนายความของผู้ต้องหาทุกคนร่างคำร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานอัยการสูงสุดใน 4 ประเด็นคือ เรื่องการสอบปากคำพยานของฝั่ง the icon group ซึ่งขณะนี้ทาง DSI ได้สอบปากคำพยานในฝั่งของตนเองไปเพียง 30 ปากจากจำนวนมากกว่า 2,400 ปาก
ซึ่งในประเด็นนี้ก็ยังถือว่าไม่ติดใจมากนัก อีกส่วนหนึ่งคือประเด็นการสอบปากคำโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ของ the icon group ซึ่งทางกรมสอบคดีพิเศษก็มีการสอบให้ตามคำขอ แต่ประเด็นสำคัญคือเรื่องรายงานพฤติการณ์ของผู้เสียหาย 9000 กว่าราย ให้สรุปพฤติการณ์มาให้โดยละเอียด รวมถึงรายชื่อของพยานและผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ว่ามีบุคคลใดบ้างและมีมูลค่าความเสียหายและรูปแบบพฤติการณ์ของลูกความตนเองอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้ทำคำให้การได้ถูกต้องแต่ปรากฏว่าไม่ได้ตามที่ขอไป
โดยเรื่องนี้ตนได้ทำเรื่องขอไปทาง DSI ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ DSI ก็ปฏิเสธที่จะไม่ให้ข้อมูลดังกล่าว ซึ่งตนเองได้ทราบข้อมูลว่า ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ หรือพนักงานสอบสวนคดีดิไอคอนกรุ๊ป ให้สัมภาษณ์ในรายการดังว่า ขณะนี้ได้มีการสอบปากคำโรงงานไปเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และมีรายชื่อของผู้แจ้งความทั้งหมด ซึ่งมองว่าเรื่องนี้ก็ต้องทำอยู่แล้ว และต้องให้หลักฐานดังกล่าวแก่ตนเพื่อใช้ในการต่อสู้คดี เพราะเป็นไปตามกฎหมายมาตรา 134
เนื่องจากการสอบสวนผู้ต้องหาต้องเป็นธรรม และรวดเร็ว และต้องให้โอกาสในการต่อสู้คดีซึ่งเรื่องนี้ไม่มี ฉะนั้นต้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าการที่ตนเองร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นการยื้อคดีเรื่องนี้ โดยมองว่าตนเองก็ไม่ได้อยากทำ และถ้า DSI ให้ข้อมูลดังกล่าว ก็คงไม่ร้องขอความเป็นธรรมแบบนี้ และเชื่อว่าทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว แต่หากเรื่องไปถึงชั้นศาลตนเองก็คงต้องให้ลูกความไม่รับข้อเท็จจริงของพยาน และผู้เสียหายซึ่งอาจทำให้ศาลต้องสอบพยานทุกคน มองว่าจะยิ่งทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่จะเสียเวลาทั้งศาล และทุกคน
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการดำเนินคดีกับแม่ข่ายของ the icon group เพิ่มเติมเรื่องนี้มองว่าหากจะทำจริงต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน และไม่อยากให้เรื่องนี้เลยเถิด อย่าทำไปตามกระแส และดำเนินการไปความเป็นจริง และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งก็จะต่อสู้ไปตามกระบวนการของกฎหมาย และพยานหลักฐานที่มี
ส่วนประเด็นที่มีแชทถึงผู้เสียหายเป็นลักษณะคล้ายการข่มขู่เรื่องนี้ ยอมรับว่าหมายถึงตนก็ขอให้ทางDSIสอบสวนไป ตนใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเหมือนกับที่พนักงานสอบสวนใช้สิทธิ์ของตนเอง ซึ่งกฎหมายให้สิทธิ์ในการแจ้งข้อกล่าวหาแต่หากเป็นการแจ้งความเท็จ ตนก็สามารถใช้สิทธิ์ทางกฎหมายในการดำเนินคดีกลับได้ ไม่ใช่มองว่าเป็นผู้ต้องหา และจะปิดหูปิดตาทำแบบนี้ก็ไม่ถูก ซึ่งตนยืนยันว่าแค่จะตรวจสอบผู้ที่แจ้งความเท็จมาดูเพื่อที่จะพิจารณาดำเนินคดี “ถ้าหากไม่ได้แจ้งความเท็จ จะไปเดือดร้อนอะไร และผมไปข่มขู่ตรงไหน เอาให้เป็นธรรมตรงไปตรงมาอย่าเอาสะใจ มันไม่ดี”
ทนายวิฑูรย์ เชื่อว่า ทางอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมตามกฏหมาย จะไม่เพิกเฉยในเรื่องพวกนี้ เพราะจะกลายเป็นการสั่งคดีไม่ชอบ ซึ่งถ้าหากไม่เป็นตามที่ตนเองวางไว้ก็จะไปสู้ในชั้นศาล / เมื่อถามว่าจะมีการยื่นประกันตัวอีกหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ระบุว่าเบื้องต้นมีคนยื่นประกันตัวไปแล้ว 4 คน ครั้งนี้ก็อาจจะมีการยื่นประกันตัวในวันที่อัยการสั่งฟ้องก็เป็นได้ เบื้องต้นยังไม่ได้คุยเรื่องหลักทรัพย์การประกันตัวจะไปถามกับญาติของผู้ต้องหาก่อน
ในช่วงท้ายทนายวิฑูรย์กล่าวว่า “ท้ายที่สุดหาก อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง เราก็ต้องพร้อมสู้คดี แต่ในชั้นสอบสวนตอนนี้เรายังมีหลายประเด็นที่ต้องการที่ต้องการให้สอบสวนต่อ และยังสอบสวนไม่ครบ และยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่ได้รับสิทธิ์ตามกฏหมายเลย”
เมื่อถามว่าได้คุยกับทีมทนายความแล้วหรือยัง ในเรื่องของการยื่นประกันตัวผู้ต้องหาพร้อมกัน ถ้าทนายวิฑูรย์ ระบุว่าก็มีการคุยกันอยู่เป็นประจำแต่ไม่สามารถที่จะเปิดเผยแนวทางได้
แท็กที่เกี่ยวข้อง อาชญากรรม ,ดิไอคอน ,บอสพอล