อาชญากรรม

รวบคาสนามบิน! 1 ใน 5 จีนปล้นจีน 12 ล้าน อุกอาจกลางห้วยขวาง เร่งล่าอีก 4 มาดำเนินคดี

โดย petchpawee_k

22 ต.ค. 2567

84 views

ความคืบหน้ากรณีคนร้าย 5 คน ใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปในสำนักงานบริษัท แอนเก็ท พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ย่านห้วยขวาง อุ้มตัวนายเจ เค (Xie chuanqio) และนายเจ เซ่ (Xie chuanfa) นักธุรกิจจีน ไปบังคับรีดเงินกว่า 3 ล้านบาท โดยเหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้เสียหายจะมาแจ้งความเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา

วานนี้ (21 ต.ค.67) ผู้สื่อข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์ บุกเข้ามาที่สำนักงานของผู้เสียหายชาวจีน  ทั้งหมดสวมหมวกปิดบังอย่างมิดชิด มีอาวุธปืนครบมือ ทั้งปืนสั้นและปืนยาว เข้าไปคุยกับชาวจีน 2 คนที่อยู่ในสำนักงาน

หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งมีคนไทย 2 คน และชาวเมียนมา 3 คน บุกเข้ามาในสำนักงาน ข่มขู่เอาเงินสดไป 3 ล้าน 2 แสนบาท จากนั้นก็บังคับนำตนกับเพื่อนขึ้นรถไปมุ่งหน้าไปจังหวัดนครนายก และข่มขู่เอาเงินสกุลสหรัฐอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งตนได้ยืมเงินเพื่อนชาวจีนด้วยกันและโอนให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ขับรถมาที่ถนนนวมินทร์ แล้วปล่อยตัวตนกับเพื่อน แต่เอาโทรศัพท์มือถือของตนไปหักซิมการ์ด ก่อนจะหลบหนีไป ซึ่งพวกตนไม่เคยรู้จักกับชายฉกรรจ์กลุ่มนี้มาก่อน  หลังเกิดเหตุ จึงตัดสินใจมาแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร โดยให้เพื่อนชาวจีนอีกคนซึ่งสามารถพูดภาษาไทยได้ มาช่วยดำเนินการ

พันตำรวจเอกพรเทพ เฉลิมเกียรติ ผู้กำกับการ สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า ผู้เสียหาย ทำธุรกิจเป็นนายหน้าจัดสรรหาที่พักให้แก่ชาวจีนที่มาประเทศไทย มีการจดทะเบียนบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย วันเกิดเหตุผู้เสียหาย ได้รับการติดต่อจากบุคคลหนึ่ง ที่เคยติดต่อขอแลกเงินดิจิตอลกันมาก่อน โดยบอกว่าจะขอแลกเงินดิจิทัลคริปโตเคอเรนซี่ โดยให้เตรียมเงินสดไทยไว้จำนวน 3 ล้านบาท  

ต่อมากลุ่มผู้ก่อเหตุได้บุกเข้ามาในออฟฟิตของผู้เสียหาย โดยมีปืนมาด้วย และได้ถามถึงชายชาวจีนชื่อไมเคิล ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหาย จากนั้นได้รื้อค้นเพื่อหาเงินและทรัพย์สิน ก่อนจะพาผู้เสียหายชาวจีน 2 คน ไปที่จังหวัดนครนายก โดยผู้ก่อเหตุขับรถมา 2 คัน  แยกผู้เสียหายให้อยู่บนรถคนละคัน เมื่อไปถึงจังหวัดนครนายก ผู้ก่อเหตุได้ย้อนกลับและนำตัวผู้เสียหายมาปล่อยที่ย่านบางเขน  ซึ่งจากการตรวจสอบรถที่ใช้ก่อเหตุ พบว่าเป็นทะเบียนปลอม

ส่วนชายชาวจีน ชื่อไมเคิล ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหายพบว่ามีตัวตนจริง และอยู่ระหว่างประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า นายไมเคิล เข้ามาในประเทศไทยโดยถูกกฎหมายหรือไม่  ขณะที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า สงสัยอดีตภรรยาคนไทยที่มีลูกด้วยกัน แต่ตอนนี้ได้เลิกลากันไปแล้วว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุ จะเป็นคนไทยและเมียนมาหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ

ต่อมา เวลา 15.10 น. ตำรวจนครบาล 2 และตำรวจ สน.สุทธิสาร พร้อมด้วยตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ไปที่อาคารพาณิชย์ภายในซอยรัชดาภิเษก 24 ซึ่งเป็นสำนักงานของผู้เสียหายและเป็นสถานที่เกิดเหตุ  โดยมีผู้เสียหายชาวจีนและล่ามแปลภาษาร่วมตรวจค้นหาเบาะแสเพิ่มเติม

หลังจากตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้เสียหายไปสอบปากคำต่อที่ สน.สุทธิสาร ระหว่างทางผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายระบุสั้น ๆ เพียงแค่ว่า ตนไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของภรรยาเก่าหรือไม่ ยอมรับว่า ที่ยอมจ่ายเงินให้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุ เป็นเพราะความกลัวเนื่องจากถูกขู่ฆ่า เลยยอมจ่ายไป 2 ครั้งเป็นหลักสิบกว่าล้านบาท  

ต่อมาช่วงค่ำวานนี้ (21 ต.ค.67) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 ได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ด่าน ตม.สนามบินสุวรรณภูมิ ตรวจพบ นายหลิว บู ผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ กำลังจะเดินทางออกจากไทย ด้วยเที่ยวบิน ZA679 ไปพนมเปญ  จึงได้ควบคุมตัว เพื่อประสานงานตำรวจนครบาล 2 และสน.สุทธิสาร มารับตัวเพื่อไปดำเนินการทางคดี


พล.ต.ต.เชิงรณ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ประสานกับชุดสืบตำรวจนครบาล 2 เพื่อสืบสวนหาตัวคนร้าย โดย พล.ต.ต.พันธนะ ได้สั่งการให้ลงข้อมูลผู้ต้องสงสัยในระบบ APPS ซึ่งเป็นระบบแจ้งเตือนการเดินทางของผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยของ สตม. จนกระทั่งพบว่า นายหลิว บู กำลัง check in เพื่อเตรียมเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่คุมตัวนายหลิว บู มาซักถามและตรวจค้นสัมภาระติดตัว พบสายรัดข้อมือพลาสติกจำนวนมาก เงินสด หนังสือเดินทาง ฯลฯ  

ต่อมา เวลา 00.50 น. ตำรวจสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำตัวนายหลิว บู ผู้ต้องสงสัยมาส่งให้กับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร สอบปากคำ โดยมีพันตำรวจเอกพรเทพ เฉลิมเกียรติ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร เข้าร่วมสอบปากคำด้วยตัวเอง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนายหลิว บู ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุอุ้ม 2 นักธุรกิจชาวจีนแล้ว เจ้าหน้าที่ยังพบว่า ผู้ที่ร่วมก่อเหตุอีก 4 คน น่าจะเป็นชาวจีนด้วยเช่นกัน โดยก่อเหตุอุ้มรีดไถเงินคนชาติเดียวกัน  ขณะนี้กำลังเร่งตามล่าผู้ร่วมก่อเหตุที่เหลือ มาดำเนินคดีต่อไป



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/_oZ2MHpOwOs

คุณอาจสนใจ

Related News