อาชญากรรม

ครอบครัวเหยื่อรถทัวร์มรณะร้องขอความเป็นธรรม พ่อเสียชีวิต-ลูกพิการ สู้คดีมา 4 ปี ต้องชดใช้ 8 ล้าน แต่จ่ายแค่ 1,000 บาท

โดย kanyapak_w

3 ก.ย. 2567

990 views

ครอบครัวเหยื่อรถทัวร์มรณะที่สูญเสียคุณพ่อและลูกชายต้องเป็นผู้พิการตลอดชีวิต ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อฯ หลังสู้คดีมานาน 4 ปี ซึ่งศาลสั่งให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายกว่า 8 ล้านบาท แต่คู่กรณีจ่ายมาให้แค่ 1,000 บาท อ้างว่าบริษัทไม่มีเงิน แต่พอสืบทรัพย์ดู กลับพบว่า มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินออกไปหมดแล้ว และทุกวันนี้ยังดำเนินกิจการอยู่ โดยรายได้เข้าบัญชีเครือญาติแทน



(3 ก.ยง) นายเอ และน.ส.บี สองสามีภรรยาครอบครัวเหยื่อที่สูญเสีย เล่าให้ทีมข่าว ฟังว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2563 บริเวณใต้สะพานข้ามแยกบนถนนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดที่ห้ามกลับรถ แต่รถทัวร์ฝ่าฝืนและกลับรถตรงจุดนี้ทำให้ชนเข้ากับรถตู้ฮุนได h1 ที่ตนเองและครอบครัวโดยสารมาอย่างจัง




ซึ่งในรถตู้ของตนเองมีทั้งหมด 8 คน มี พวกตน 2 ตนและคุณปู่คุณย่า , น้องสาว , ลูกสาวคนโต , ลูกสาวคนกลาง , และลูกชายคนเล็ก ซึ่งตัว น.ส.บี กรามหักฟันหัก 7 ซี่ , คุณปู่เสียชีวิตหลังจากรักษาตัวได้ประมาณ 1 เดือน , ลูกสาวคนโตเปลือกตาฉีกต้องเย็บ , ส่วนลูกชายคนเล็ก ซึ่งขณะนั้นอายุ 4 เดือน ปัจจุบันอายุ 5 ขวบ ต้องกลายเป็นผู้พิการตา มองไม่เห็นและสมองได้รับการกระทบกระเทือนจนเสียหายต้องใส่ท่อที่กระโหลกเพื่อระบายน้ำและเลือดที่คั่งในสมอง แล้วกลายเป็นผู้พิการติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องทำกายภาพบำบัดทุกวัน แต่โอกาสที่จะหายกลับมาเป็นปกติ หมอบอกว่า ค่อนข้างยาก ต้องดูแลกันไปแบบนี้ตามอาการ



โดย นายเอ ผู้เป็นพ่อ เราเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของคดีความ ว่าหลังจากเกิดเหตุมีการฟ้องร้องทั้งอาญาและแพ่ง ซึ่งในส่วนอาญาตัวคนขับรถถูกศาลตัดสินจำคุก 6 ปีให้การรับสารภาพลดโทษเหลือ 3 ปี ซึ่งปัจจุบันตัวคนขับก็พ้นโทษออกจากคุกมาแล้ว แต่ยังไม่มีการเยียวยาจากทางบริษัททัวร์เลย



มีเพียงทางประกันที่จ่ายมาแล้ว 2 ล้านบาท แต่ทางบริษัทเจ้าของรถทัวร์บอกว่า ขอต่อสู้และใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งศาลได้พิพากษาให้บริษัททัวร์ต้องชดใช้เงินในส่วนกรณีของคุณปู่ที่เสียชีวิต 1.4 ล้านบาท ในส่วนของลูกชายที่กลายเป็นผู้พิการต้องชดใช้เงินและเยียวยา 6.2 ล้านบาท



ปรากฏว่าสู้คดีกันมา 4 ปี บริษัททัวร์ยังไม่ชดใช้เงินตามที่ศาลสั่ง โดยอ้างว่าบริษัทขาดทุน แล้วพอไปสืบทรัพย์เพื่อบังคับคดีก็พบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทเงินในบัญชี , ที่ดินและทรัพย์สินต่างๆไปเป็นของบุคคลอื่นในเครือญาติ ซึ่งพวกตนเห็นว่าบริษัททัวร์ก็ยังดำเนินกิจการตามปกติ เปิดกรุ๊ปทัวร์ต่างประเทศ แต่กลับอ้างว่าไม่มีเงินที่จะชดใช้เยียวยา



ทุกวันนี้พวกตนลำบากและเดือดร้อนมาก หมดเงินกับรักษาลูกชายที่เป็นผู้พิการไปหลายล้านบาท ส่วนลูกสาวอีก 2 คนก็มีปัญหาด้านสภาพจิตใจ ลูกสาวจะบ่นคิดถึงคุณปู่อยู่ตลอดแล้วเวลาเจอใครก็มักจะเล่าถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเอง และเวลาพาไปไหว้พระ สวดมนต์ขอพร ลูกสาวทั้งสองคนจะเอาแต่นั่งร้องไห้ ไม่สามารถขอพรได้ ซึ่งพวกตนต้องพาลูกสาวทั้งสองคนไปพบจิตแพทย์อยู่เป็นประจำเพื่อรักษาอาการทางจิตใจ



ขณะที่ทีมข่าวติดต่อไปยังเจ้าของบริษัททัวร์ บอกว่าตนเองก็เดือดร้อนต้องทำมาหากินและช่วงที่เกิดอุบัติเหตุปี 2563 เป็นช่วงโควิดระบาด กิจการทัวร์มันกระทบ ทำให้รายได้ขาดหายไป และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตนก็ได้คุยกับทางครอบครัวผู้เสียหายแล้วว่าไม่มีใครอยากให้เกิด ซึ่งทางครอบครัวผู้เสียหายก็บอกว่าเข้าใจ แต่วันนี้กลับมาเรียกร้องผ่านสื่อฯ และตามมาส่องใน facebook ของตนเองว่ากินหรู อยู่สบาย ตนก็อยากบอกว่า บางอย่างที่ลง facebook ก็แค่สร้างภาพให้ดูดี แต่จริงแล้วตนไม่มีเงิน



ยอมรับว่า ตอนนี้ยังเปิดบริษัททัวร์อยู่ แต่รายได้ก็ไม่มากนัก มีรถทัวร์อยู่คันเดียว ก็คือคันที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งตนเคยบอกกับครอบครัวผู้เสียหายแล้วว่า ให้เอารถคันนี้ไปขายหรือทำอะไรก็ได้ที่มันได้เงิน ได้เท่าไหร่ก็เอาเงินไป



ส่วนเรื่องการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ตนเองยืนยันว่า ไม่จริง พวกเงินในบัญชีและทรัพย์สินต่างๆไม่ใช่ของตน แต่เป็นสมบัติของสามี ซึ่งตอนนี้ตนก็เลิกรากับสามีแล้ว ส่วนที่ดินที่ตนมีมันเป็นที่ดินต่างจังหวัดขายได้ไม่เท่าไหร่ ไม่เหมือนคนในกรุงเทพฯที่ดินนิดเดียวแต่ขายได้เป็นล้าน



และตนก็มีหนี้สินต้องใช้เหมือนกัน ตนอยากถามกลับไปว่า ที่เคยคุยกันแล้วบอกเข้าใจ เข้าใจแบบไหน วันนี้กลับมาร้องเรียนต่างๆนาๆ ถ้าจะให้ผ่อนตนไหวที่เดือนละ 2,000 - 3,000 บาท จะให้ผ่อนเดือนละเป็นหมื่น เป็นแสน ตนไม่ไหว อย่าคิดว่า ทำทัวร์แล้วมันจะมีเงินเยอะ อยากให้ลองมาทำดู จะสืบทรัพย์จะทำอะไร เชิญ หลังจากนี้ตนก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย


คุณอาจสนใจ

Related News