อาชญากรรม

ฆ่าล้างหนี้ 10 ล้าน สังหารหมู่ 6 ศพเวียดนาม มือวางยาตายด้วย เผยผลชันสูตรพบ 'ไซยาไนด์'

โดย nattachat_c

18 ก.ค. 2567

122 views

ตร.แถลงสางปมวางยาพิษชาวเวียดนาม 6 ศพ เปิดผลตรวจน้ำชาพบผสมไซยาไนด์ คาดปมหนี้สิน 10 ล้าน​ เชื่อหญิงวัย 56 ปี สัญชาติอเมริกัน หนึ่งในผู้ตายเป็นผู้ลงมือวางยาสารไซยาไนด์ในกาน้ำชา / สอบปากคำ พนง.ที่นำอาหารเครื่องดื่มเข้าไปในห้อง 502 เตรียมจะชงชาให้ แต่ผู้หญิงในห้องบอกเดี๋ยวจัดการเอง / หญิงวางยา โดนผัวเมียทวงเงิน 10 ล้าน จะไปเคลียร์ที่ญี่ปุ่นแต่ติดวีซ่าเลยมาไทย

-------------

จากรณีเหตุสะเทือนขวัญ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ภายในโรงแรมหรูย่านราชประสงค์ พบผู้เสียชีวิตในห้องพักถึง 6 ศพ ซึ่งหมดเป็นชาวเวียดนาม แต่มี 2 คน ที่มีสัญชาติอเมริกัน


โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย มีดังนี้

1. ธิ เหงียน เฟือง อายุ 46 ปี สัญชาติเวียดนาม

2. ธิ เหงียน เฟือง ลาน อายุ 47 ปี สัญชาติเวียดนาม

3. ดิน ซาน ฟู อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม

4. ฮุง ดัง วาน อายุ 55 ปี สัญชาติอเมริกัน

5. เชอรีน ชอง อายุ 56 ปี สัญชาติอเมริกัน

6. ฮง ฟาม ธาน อายุ 49 ปี สัญชาติเวียดนาม (เป็นสามีของผู้เสียชีวิตหมายเลข 1)


เจ้าหน้าที่ไล่เรียงจากไทม์ไลน์กล้องวงจรปิด ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. พบว่า นางสาวเชอรีน ชอง อายุ 56 ปี ชาวเวียดนาม สัญชาติอเมริกัน หนึ่งในผู้ตาย เป็นผู้เข้าพักห้อง 502 ห้องที่เกิดเหตุ


พนักงานเสิร์ฟ ให้การว่า ตอนเข้าไป พบเพียงแค่นางสาวเชอรีน   พนักงานบอกว่าจะชงชาให้ แต่นางสาวเชอรีน บอกว่าไม่ต้อง ขอจัดการเอง ทั้งนี้ พนักงานเสิร์ฟ  สังเกตเห็นว่านางสาวเชอรีน ชอง ผู้เสียชีวิต มีอาการค่อนข้างเครียด ไม่ยิ้มแย้ม ขนาดพนักงานเสิร์ฟแซวว่า แต่งชุดสวย ก็ยังไม่ยิ้ม


ญาติให้ข้อมูลว่า เชอรีน ชอง (ผู้ตายหมายเลข 5) ให้  ธิ เหงียน เฟือง ลาน (ผู้ตายหมายเลข 2) เป็นนายหน้าไปชักชวน ธิ เหงียน เฟือง (ผู้ตายหมายเลข 1) และนายฮง ฟาม ธาน  (ผู้ตายหมายเลข 6)  สองสามีภรรยา ที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทำถนนที่ประเทศเวียดนาม ชักชวนให้มาร่วมลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น คิดมูลค่าเป็นเงินไทย 10 ล้านบาท แต่ต่อมา ไม่เห็นความคืบหน้าของการลงทุนดังกล่าว สองสามีภรรยาจึงได้ทวงถามมาตลอด


ทั้งหมดนัดหมายจะไปเคลียร์เรื่องหนี้กันที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะ ธิ เหงียน เฟือง ลาน (ผู้ตายหมายเลข 2) ก็มีสามีทำธุรกิจอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ติดขัดเรื่องการขอวีซ่า จึงเปลี่ยนมาที่ประเทศไทยแทน และทราบว่าทั้งหมดมีแพลนที่จะไปไหว้พระที่วัดยานนาวาด้วย จึงยืนยันได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งในเรื่องส่วนตัว   ไม่ได้เกี่ยวกับแก๊งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ผลักดันมาก่อเหตุในประเทศไทย

-------------

พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า  ได้ตรวจชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเกตุ เก็บพยานหลักฐาน และสืบสวนสอบสวน ซักถามพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง พยานแวดล้อม และญาติผู้เสียชีวิต มากกว่า 10 ปาก รวมถึงตรวจหลักฐานกระเป๋าเสื้อผ้า 8 ใบ เรียบร้อยแล้ว


ประเด็นที่มีการจองโรงแรมเพื่อเข้าพัก 7 คน จากการตรวจสอบของ ตม. พบว่า คนที่ 7 เป็น น้องสาวของ ธิ เหงียน เฟือง ลาน หนึ่งในผู้ตาย ซึ่งเดินทางเข้าไทยมาพร้อมกับพี่สาว เมื่อวันที่ 4 ก.ค. แต่น้องสาวเดินทางกลับไปก่อนแล้ว เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ซึ่ง ตม.อยู่ระหว่างประสานเพื่อสอบถามสาเหตุที่เดินทางกลับก่อน และขณะนี้ ยังไม่พบว่า น้องสาวมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว


ขณะที่ การตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรม พบว่า ทุกคนมาเช็กอินเข้าพักด้วยตัวเอง ไม่มีบุคคลอื่นเข้าพักด้วย และภาพจากกล้องวันที่ 14-15 ก.ค. ตามไทม์ไลน์ที่เกิดเหตุ  สามารถยืนยันได้ว่า ไม่ได้มีบุคคลอื่น นอกเหนือจาก 6 คนนี้ เข้าไปในห้อง 502 ที่เกิดเหตุเลย ทั้งทางประตูหน้า และประตูหลัง นอกจากพนักงานเสิร์ฟอาหาร ที่ได้เรียกมาให้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว


วันที่พบศพคือ วันที่ 16 ก.ค. เวลา 16.30 น. พนักงานโรงแรมได้เข้าไปตรวจสอบห้อง เพราะเลยเวลาเช็กเอาต์แล้ว พอส่องไฟไปที่ใต้ประตูพบมีคนนอนอยู่  นึกว่าเป็นลม จึงไปนำเครื่องปั๊มหัวใจจะมาช่วยเหลือ แต่ประตูหน้าห้องล็อกจากด้านใน จึงอ้อมไปด้านหลัง พบทั้ง 6 คนเสียชีวิต จึงมาเปิดประตูด้านหน้า เรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ


เจ้าหน้าที่ไล่เรียงจากไทม์ไลน์กล้องวงจรปิด ตั้งแต่วันที่  14 ก.ค. พบว่า เชอรีน ชอง อายุ 56 ปี ชาวเวียดนาม สัญชาติอเมริกัน หนึ่งในผู้ตาย เป็นผู้เข้าพักห้อง 502 ห้องที่เกิดเหตุ  ส่วนผู้ตายอีก 5 คน มาที่ห้องนี้ ในช่วง 23.00 - 24.00 น. แล้วแยกย้ายกลับห้องตัวเองไป


พอวันที่ 15 ก.ค. ทั้งหมดเช็กเอาต์ออกจากห้องอื่น ๆ แล้วขนกระเป๋ามารวมกันที่ห้อง 502 โดย ฮุง ดัง วาน สัญชาติอเมริกัน ได้สั่งอาหารจากโรงแรม ตอนเวลา 11.42 น. โดยสั่งข้าวผัด 5 จาน / ต้มยำกุ้ง 4 จาน / ผัดผัก 4 จาน / ผัดผักบุ้ง 1 จาน / และชาร้อนอังกฤษ 2 กา พร้อมแก้วน้ำชา 6 ใบ 


หลังจากนั้น ดิน ซาน ฟู สัญชาติเวียดนาม สั่งอาหารเพิ่ม เป็นข้าวผัด 1 จาน และขอให้มาส่งที่ห้อง 502 ซึ่งพนักงานเสิร์ฟมาส่งอาหารเวลา 13.52 น. ถึง 13.58 น. ใช้เวลาเข้าไปเสิร์ฟอาหาร 5.34 นาที


พนักงานเสิร์ฟ ให้การว่า ตอนเข้าไป พบเพียงแค่ สาวเชอรีน พนักงานบอกว่าจะชงชาให้ แต่นางสาวเชอรีน บอกว่าไม่ต้อง ขอจัดการเอง ทั้งนี้ พนักงานเสิร์ฟ  สังเกตเห็นว่า สาวเชอรีน ชอง ผู้เสียชีวิต มีอาการค่อนข้างเครียด ไม่ยิ้มแย้ม ขนาดพนักงานเสิร์ฟแซวว่าแต่งชุดสวย ก็ยังไม่ยิ้ม


หลังจากนั้น ตั้งแต่เวลา 14.03 - 14.17 น. กล้องวงจรปิดจับภาพผู้เสียชีวิตคนอื่น ๆ  ทยอยเข้ามาที่ห้อง 502 และหลังจากนั้น ไม่พบใครเข้า-ออกอีกเลย จนกระทั่งพบศพ

-------------

ขณะที่ผลการตรวจของ พฐ. ในเบื้องต้น พบว่า ที่กระติกชา และแก้วทั้ง 6 ใบในห้องพัก พบสารไซยาไนด์ ดังนั้น ฝ่ายสืบสวนจึงเชื่อว่า 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิต เป็นคนใช้สารไซยาไนด์ผสมกับเครื่องดื่ม หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟกลับออกมา


จากพฤติการณ์ และจากการสอบปากคำพยานแวดล้อม เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักต้องสงสัยว่า สาวเชอรีน ชอง อาจเป็นคนวางยาไซไนด์


ส่วนที่มาของสารไซยาไนด์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมว่า เป็นการนำเข้ามา หรือสั่งซื้อในประเทศไทย รวมไปถึงมาที่โรงแรมได้อย่างไร รวมทั้งหีบห่อที่ใช้บรรจุสารดังกล่าวก่อนผสมในเครื่องดื่ม ซ฿่งต้องรอผลอย่างละเอียดจาก พฐ. อีกครั้ง


พล.ต.ต.นพศิลป์ บอกอีกว่า ได้เรียกมาสอบปากคำญาติของผู้เสียชีวิตบางส่วนแล้ว  เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ค. โดยญาติให้ข้อมูลว่า เชอรีน ชอง (ผู้ตายหมายเลข 5) ให้ ธิ เหงียน เฟือง ลาน (ผู้ตายหมายเลข 2) เป็นนายหน้าไปชักชวน ธิ เหงียน เฟือง (ผู้ตายหมายเลข 1) และ ฮง ฟาม ธาน  (ผู้ตายหมายเลข 6)  สองสามีภรรยาที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทำถนนที่ประเทศเวียดนาม ชักชวนให้มาร่วมลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น คิดมูลค่าเป็นเงินไทย 10 ล้านบาท แต่ต่อมา ไม่เห็นความคืบหน้าของการลงทุนดังกล่าว สองสามีภรรยาจึงได้ทวงถามมาตลอด


จนล่าสุด ทั้งหมดนัดหมายจะไปเคลียร์เรื่องหนี้กันที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะ ธิ เหงียน เฟือง ลาน (ผู้ตายหมายเลข 2) ก็มีสามีทำธุรกิจอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ติดขัดเรื่องการขอวีซ่า จึงเปลี่ยนมาที่ประเทศไทยแทน และทราบว่าทั้งหมดมีแพลนที่จะไปไหว้พระที่วัดยานนาวาด้วย จึงยืนยันได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งในเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับแก๊งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ผลักดันมาก่อเหตุในประเทศไทย


ส่วนความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้เสียชีวิต นอกจากนางสาวเชอรีน และนางสาว ธิ เหงียน เฟือง ลาน  ที่ไปชักชวนสองสามีภรรยา มาร่วมลงทุนแล้ว  


ยังมี ดิน ซาน ฟู อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม (ผู้ตายหมายเลข 3) และ ฮุง ดัง วาน อายุ 55 ปี สัญชาติอเมริกัน (ผู้ตายหมายเลข 4)  พบว่า 2 คนนี้ ยังไม่ได้ให้เงินร่วมลงทุน แต่เชื่อว่าน่าจะถูกชักชวนมาเพื่อพูดคุยให้ลงทุนเช่นกัน และพบว่า เชอรีน เป็นผู้จองห้องพักให้ ฮุง ดัง วาน แต่นายฮุง ดัง วาน ใช้บัตรเครดิตของตนเองในการรูดจอง


ส่วนเหตุผลที่ทำไมถึงเลือกมาประเทศไทย ในการมาเคลียร์กัน พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า เนื่องจากประเทศไทย เข้าออกได้สะดวก และสบายใจ ประกอบกับเคยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นปมฆ่าล้างหนี้ปมเดียวหรือไม่ จากการตรวจสอบข้อมูล ณ เวลานี้ ยังเป็นปมเดียว แต่ยังอยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม


ส่วนการตรวจสอบกระเป๋าเดินทางทั้ง 8 ใบ ของผู้เสียชีวิต ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ แต่พบเอกสารการฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับที่ดินของ เชอรีน แต่คู่ความเป็นบุคคลอื่น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้เสียชีวิต  


หลังจากนี้ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ไปไล่ตรวจสอบไทม์ไลน์ของกลุ่มผู้เสียชีวิตทั้งหมด ตั้งแต่เดินทางถึงประเทศไทยว่า ได้เดินทางไปที่ไหน ไปพักที่โรงแรมแห่งใดบ้าง พบปะใครบ้าง เพื่อหาความชัดเจนว่า ทั้งหมดทำธุรกิจอะไร และเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่ออะไร โดยให้ ตม.ประสานกับสถานทูต ตรวจสอบประวัติภูมิหลังของทุกคนด้วย

-------------
พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า
ในส่วนของ ตม.ได้ประสานขอข้อมูลผ่านทางสถานทูตเวียดนาม และสถานทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาประกอบกับข้อมูลของชุดสืบสวน ซึ่งจะทำให้ได้ความชัดเจนของคดีนี้มากขึ้น


ขณะที่ทาง FBI ได้มาขอข้อมูล แต่การสอบสวนยังอยู่ที่ตำรวจไทย และยืนยันได้ว่า ทั้งหมดไม่มีใครมีหมายจับ ไม่ว่าจะเป็นหมายจับสีใด เพราะหากมีหมายจับก็ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้อยู่แล้ว รวมถึงจากการตรวจสอบประวัติภายในประเทศต้นทาง ก็ไม่พบประวัติคดีอาชญากรรม

-------------

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ  เมื่อวานนี้ ให้สัมภาษณ์ 2 รอบ  รอบแรกแถลงร่วมกับรอง ผบช.น. ที่ สน.ลุมพินี  และรอบสอง ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) หลังจากฟังรายงานการตรวจวัตถุพยานหลักฐาน โดยระบุว่า  


จากการเก็บวัตถุพยาน  ทั้งแก้วกาแฟ กระติกชา และตัวอย่างของเหลวในกระติกชา ขวดน้ำผึ้ง กล่องชา เพื่อไปหาสารพิษ พบว่า ‘'มีสารไซยาไนด์' อยู่ที่แก้วทั้ง 6 ใบ  / ส่วนกาโลหะที่มีทั้งหมด 3 กา พบว่า มี 1 กา ที่ตรวจพบสารไซยาไนด์ และพบถุงชาในกามีสารไซยาไนด์ ส่วนถุงชาอีก 1 ถุง ที่พบในถังขยะ ก็มีสารไซยาไนด์เช่นเดียวกัน เนื่องจากถุงชามีสีเข้มถึงดำ ส่วนรายการอื่น ๆ เบื้องต้นไม่พบสารไซยาไนด์เลย ส่วนการตรวจสอบตัวอย่างเลือดทั้ง 6 ศพ พบว่าเลือดมีส่วนผสมของไซยาไนด์ทั้งหมด


สำหรับการออกฤทธิ์ของสารไซยาไนด์ เมื่อผสมน้ำ จะไม่มีรสชาติ ไม่มีกลิ่น ผู้ดื่มไม่สามารถรู้ได้ และเมื่อดื่มสารไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เม็ดเลือดไม่แลกเปลี่ยนออกซิเจน  ออกฤทธิ์ไม่ถึง 5 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณ และเมื่อเสียชีวิต ตามร่างกายผิวจะออกสีชมพู ลมหายใจจะมีกลิ่นอัลมอนด์


ส่วนรายละเอียดการวางยาวางเป็นอย่างไรยังตอบไม่ได้ ขณะที่กระบอกสแตนเลส 2 กระบอกที่พบในที่เกิดเหตุ พนักงานโรงแรมยืนยันว่าเป็นของโรงแรม


มีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เล่าว่า สารไซยาไนด์ที่ถูกพบนั้น ถูกใส่ไว้กับ 'ใบชา' เนื่องจากการตรวจสอบใบชาที่อยู่ในกาน้ำร้อน พบว่า ใบชานี้มีสารพิษไซยาไนด์ในปริมาณที่มาก เนื่องจากหากชงชาตามปกติ ใบชาจะมีสีน้ำตาลอ่อน แต่ลักษณะใบชาที่ตรวจสอบพบว่าใบชามีสีเข้มมาก ทำให้คาดว่าน่าจะมีปริมาณสารพิษอยู่จำนวนมาก

-------------

เวลา 15.00 น.  รศ.นพ.กรเกียรติ วงศ์ไพศาลสิน หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ และ ผอ.ศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยว่า


เบื้องต้น ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายในทุกราย แต่อวัยวะภายในพบการคั่งเลือดในปริมาณมาก ทีมแพทย์ประเมินว่าทุกรายมีระยะเวลาการเสียชีวิตประมาณ 12-24 ชั่วโมง โดยประเมินจากการตรวจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังการตาย ทั้งการคลายตัวของกล้ามเนื้อ, การตกสู่เบื้องต่ำของเม็ดเลือด ซึ่งทุกศพมีลักษณะสอดคล้องกัน


จากการตรวจผ่าแยกร่าง พบว่าทั้ง 6 ราย มีร่องรอยของการขาดอากาศ คือ ริมฝีปากเป็นสีม่วงเข้ม ปลายเล็บมือมีสีม่วง การตกสู่เบื้องต่ำของเม็ดเลือดพบเม็ดเลือดมีสีแดงสด อวัยวะมีสีแดงสด บ่งชี้อย่างหนึ่งได้ว่า อาจมีการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการขาดอากาศหายใจที่เกิดจากสารพิษร่วมด้วย


ทำให้ทีมชันสูตรตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ทุกรายเสียชีวิตจากสารไซยาไนด์ ทำให้เกิดการขาดอากาศในระดับเซลล์ของอวัยวะที่สำคัญ คือ ระบบประสาทและหัวใจ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุการตายของผู้เสียชีวิตทุกราย แต่จะมีปริมาณเท่าใด และมีสารประกอบอื่น ๆ ที่ส่งเสริมฤทธิ์ด้วยหรือไม่ ต้องรอผลการตรวจเลือดเพื่อยืนยันอีกครั้ง คาดว่าจะทราบผลในวันศุกร์นี้  และจะทราบผลภาพรวมทั้งหมดใน 1-2 สัปดาห์


อย่างไรก็ตาม  ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเสียชีวิตก่อนหลัง หรือชักเกร็งก่อนตายหรือไม่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลังการตายนั้นมีปัจจัยรบกวนหลาย อย่างเช่น อุณหภูมิ ระยะเวลา จึงอาจมีความคลาดเคลื่อน


ส่วนการตรวจสอบสารไซยาไนด์ที่พื้นผิวอื่น ๆ ของศพนั้นเป็นเรื่องยาก  แพทย์ตรวจเฉพาะไซยาไนด์ในเลือด จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีไซยาไนด์ติดที่อวัยวะภายนอกของบุคคลใดใน 6 รายนี้บ้าง โดยหลังจากนี้จะมีการตรวจภายนอก

-----------

ด้าน รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณะบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า เบื้องต้น จากลักษณะที่ตรวจพบทั้งภายนอก และอวัยวะภายใน ไม่พบว่ามีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นเหตุให้เสียชีวิต นอกจากสารไซยาไนด์ ต้องรอผลตรวจอวัยวะภายในเชิงลึก เพื่อหาสารบางอย่างเพิ่มเติม


แต่เบื้องต้น หากได้รับสารไซยาไนด์ในปริมาณเกิน 3 มิลลิกรัมต่อเลือด 1 cc. หรือรับในปริมาณมากผ่านการกินดื่ม จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหงื่อออกชักเกร็ง เพราะขาดออกซิเจนในสมองเฉียบพลัน ก่อนเสียชีวิตภายในเวลาหลักนาที



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XN73J6ibzqE

คุณอาจสนใจ

Related News