อาชญากรรม

ปฏิเสธทุกข้อหา 'เจ๊มด' เมียเสี่ยต้น ถูกจับจ้างวานฆ่าสามี พร้อมแก๊งสังหาร อ้างปมขัดแย้งในครอบครัว

โดย petchpawee_k

4 มิ.ย. 2567

405 views

บุกรวบ 'เจ๊มด' ภรรยาเสี่ยต้น จ้างวานฆ่าสามี - พร้อมแก๊งลอบสังหาร 2 ราย ยังหลบหนีอยู่ 1 ราย เร่งไล่ล่า – ขณะที่เจ้าตัวยังปากแข็ง ปฏิเสธทุกข้อหา อ้างขัดแย้งภายในครอบครัว - ด้าน 1 ในก๊วนลอบยิง ยอมรับขับรถพามือยิงไปจริงคืนเกิดเหตุ แต่ไม่รู้ว่าจะไปยิงเสี่ยต้น เหตุมือยิงบอกเพียงว่าไปตามแฟน ขณะที่ทนายความเตรียมเงิน 1 ล้าน ยื่นประกัน


กรณีครอบครัวของนายพิชิต กลีบจินดา หรือต้น อายุ 44 ปี  เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เข้าร้องเรียนทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หลังสงสัยว่าเสี่ยต้น เสียชีวิตเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น อาจถูกฆาตกรรม นอกจากนี้ยังพบว่า เสี่ยต้น ถูกคนร้ายประกบยิง พื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนไปเสียชีวิตปริศนาที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม ซึ่งพบว่าสภาพศพใบหน้าดำคล้ำคล้ายกับถูกวางยาพิษอีกด้วย


ล่าสุดเช้าวานนี้ (3 มิ.ย.67) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 นำกำลังตำรวจเข้าจับกุม น.ส.วรรณิภา หะมาลา หรือมด  อายุ 37 ปี ภรรยาเสี่ยต้น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลในข้อหาเป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นทำความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน  โดยจับกุมได้ที่บ้านพักย่านหัวหมาก  ซี่งจากการรายงานการสืบสวนเบื้องต้น พบว่า น.ส.วรรณิภา หรือมด ทำหน้าที่จ้างวานพยายามฆ่า นายพิชิต หรือต้น เนื่องจากมีสาเหตุโกรธเคืองกับนายพิชิตเพราะถูกสามีนอกใจ และมีการทะเลาะกันหลายครั้งจนถึงขั้นมีการทำร้ายร่างกาย จากนั้นจึงเริ่มมีการวางแผนที่ฆ่าเอาชีวิตนายพิชิต โดยมีการว่าจ้างนายสาโรจน์ในการจัดหาอุปกรณ์อาวุธปืนในการก่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งรายละเอียดอยู่ระหว่างการขยายผล  ทั้งนี้พบว่าภรรยาเสี่ยต้นได้มีการค้นหากลุ่มมือปืนผ่านแอปพลิเคชั่นแอปหนึ่ง


ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกจับ น.ส.วรรณิภา พบว่า ระหว่างการจับกุม ตำรวจอ่านหมายจับตามกฎหมาย โดยน.ส.วรรณิภา อยู่ในท่าทีปกติ เบื้องพยักหน้ารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำตามข้อหาในหมาย ตำรวจถามย้ำว่าไม่ได้ทำข้อหาตามหมายจับใช่หรือไม่ น.ส. บอกว่า “ใช่ค่ะ”


หลังจากตำรวจคุมตัว น.ส.วรรณิภา ได้แล้ว มีการนำตัวมาทำบันทึกการจับกุมที่ กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 4 โดยพบว่าทนายความ พร้อมนางสาวส้ม น้องสาวของ น.ส.วรรณิภา ได้เดินทางมาด้วย โดยมานั่งรออยู่ที่ด้านหน้ากองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 4 สังเกตว่ามีท่าทีเครียดและเศร้า ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถาม นางสาวส้ม ถึงกรณีที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวระบุว่า ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ และยังไม่รู้กระบวนการของพี่สาว ตอนนี้กำลังรอทนายความอยู่


หลังจาก ทำบันทึกจับกุมเสร็จตำรวจได้คุมตัวภรรยาเสี่ยต้นไปสอบปากคำโดยละเอียดที่ศูนย์สืบนครบาล ช่วงนี้นักข่าวพยามสอบถามว่า ยอมรับในข้อกล่าวหาหรือไม่  มีอะไรอยากพูดอยากชี้แจงหรือไม่ ภรรยาเสี่ยต้น นิ่งเฉย ไม่ตอบคำถามอะไรกับสื่อฯ

ต่อมา 12.05 น. คุมตัวภรรยาเสี่ยต้น มาถึงศูนย์สืบนครบาลฯ โดยเจ๊มด ได้มีการสวมหมวกแก๊ปสีดำ และใส่แมสปิดบังใบหน้า ระหว่างที่มีการคุมตัวขึ้นไปยังห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างวานฆ่าสามีหรือไม่ รวมถึงสาเหตุที่ต้องจ้างวานฆ่าสามีมาจากสาเหตุ และในวันที่เธอปรากฏตัวต่อหน้าสื่อทำไมถึงต้องพูดโกหกด้วย โดยตัวของเจ๊มดนั้น เดินก้มหน้าและไม่มีการตอบคำถามใดๆกับสื่อเลย


นอกจากนี้ตำรวจยังออกกหมายจับแก๊งมือปืนรับจ้าง อีก 3 ราย คือนายสาโรจน์ เสือสุวรรณ อายุ 25 ปี  นายณัฐพล ศิริโนนรัง อายุ 25 ปี และนายวีรภัทร โดยทั้ง 3 คนนี้ถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งจับได้แล้ว 2 ราย คือนายสาโรจน์ และนายวีรภัทร ส่วนนายณัฐพล อยู่ระหว่างไล่ล่ามาดำเนินคดี เบื้องต้นทราบเบาะแสว่าออกนอกพื้นที่กรุงเทพมหานครไปอยู่แถบภาคตะวันออกแล้ว


โดยกลุ่มนี้ ถูกว่าจ้างจาก น.ส.วรรณิภา หรือมด ซึ่งได้ว่าจ้างให้กลุ่มนายสาโรจน์ จัดเตรียมหาอาวุธเพื่อก่อเหตุลอบยิงเสี่ยต้น  ซึ่งในคืนเกิดเหตุ ทราบว่า นายณัฐพลเป็นผู้ซ้อนท้ายลงมือยิง ส่วนนายวีรภัทร ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์


ขณะที่แก๊งมือปืนรับจ้างพบว่าตำรวจชุดปฏิบัติการอีก 3 ชุด บุกเข้าจับเป้าหมายหลัก คือนายสาโรจน์ เสือสุวรรณ อายุ 25 ปี ทำหน้าที่รับงานจัดหาทีมมือปืนและอาวุธ ที่บ้านพักย่านรามอินทรา 62 ซึ่งการเข้าจับจุดนี้ตำรวจต้องใช้กำลังตำรวจกว่า 10 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เนื่องจากทราบว่าตัวนาย สาโรจน์ มีปืน แต่โชคดีที่ตอนเข้าจับนายสาโรจน์ เหมือนจะเพิ่งตื่นและไม่รู้ตัวมาก่อน ภายในบ้านตำรวจยึดปืนพกสั้นได้ 1 กระบอก และสอบเค้นทราบว่าอีก 1 กระบอกถูกโยนทิ้งที่บ่อน้ำหลังบ้าน ตำรวจจึงให้นาย สาโรจน์ งมขึ้นมา ทำให้ปืน 2 กระบอกนี้ถูกใช้เป็นหลักฐานทางคดีด้วย

ต่อมาเวลา 10.10 น. ที่ศูนย์สืบนครบาล พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสาโรจน์ หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาก่อเหตุพยายามลอบสังหารเสี่ยต้น เข้ามายังสอบปากคำ โดยตัวนายสาโรจน์ได้สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดปกคลุมใบหน้าอย่างมิดชิด ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น รวมทั้งประเด็นการจ้างวานและการก่อเหตุ แต่ปรากฏว่า นายสาโรจน์ไม่ตอบคำถามใด ๆ กับผู้สื่อข่าว บอกเพียงแค่ว่า "ขอทางหน่อยครับ ผมจะเดิน" 


ส่วนตำรวจอีกชุดเข้าจับนายวีรภัทร คนขี่รถ จยย. ได้ที่ห้องพักย่านลาดพร้าว 101 และยึดหมวกกันน็อคที่ใส่ในวันเกิดเหตุมาเป็นหลักฐานด้วย ก่อนที่ในเวลา 11.50 น. ตำรวจคุมตัวนายวีรภัทร คนขี่ จยย. พร้อมของกลางเป็นรถ จยย. ขับขับก่อเหตุ เข้าศูนย์สืบนครบาลฯ เจ้าตัวอ้างว่าไม่รู้จักกับมด ภรรยาเสี่ยต้น ไม่รู้ใครจ้างวาน ตนไม่รู้ว่าวันนั้นจะไปก่อเหตุ ไม่ตั้งใจจะทำ แต่ยอมรับว่าขี่รถพานายณัฐพล ไปในคืนนั้น บอกว่าพาไปตามแฟนเฉย ๆ


ขณะเดียวกันตนได้ส่วนแบ่งมา 4,000 บาท ตนตั้งใจจะเข้ามามอบตัวแต่ปรึกษารุ่นพี่ก่อน สำนึกผิดและขอโทษ เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าคืนนั้นจะไปก่อเหตุ

ขณะที่บรรยากาศในช่วงเย็นภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหาแล้วเสร็จ โดยใช้เวลาเกือบ 4 ชม. ตำรวจได้ทยอยส่งตัวผู้ต้องหาไปคุมขังที่ สน.วังทองหลาง โดยนายสาโรจน์ ยังคงไม่ตอบคำถามสื่อ และมีท่าทีหงุดหงิด โดยก่อนขึ้นรถ ได้พูดว่า “หลบหน่อยครับ พี่ให้เกียรติตำรวจหน่อยดิ”


ต่อมาตำรวจก็ได้มีการคุมตัวนายวีรภัทร ลงมาจากห้องสืบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อคุมตัวส่งไปยังที่ สน.วังทองหลาง ระหว่างที่คุมตัวมาทีมข่าวก็ได้มีการสอบถามว่าในวันที่มีการลงมือลอบยิงเสี่ยต้น เพราะอะไรนายวีรภัทร ถึงไม่กล้าที่จะลงมือยิงหลังจากนายณัฐพล ได้มีการส่งปืนมาให้ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า สาเหตุเป็นเพราะไม่กล้า และกลัวที่จะลงมือเอง ที่สำคัญตนเองไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวอะไรกับทางเสี่ยต้น จึงได้มีการนำปืนไปซ่อนไว้ในพงหญ้า


จากนั้นตัวของนายณัฐพล ก็ได้มีการบังคับให้ตนเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ประกบรถของเสี่ยต้น ซึ่งตอนนั้นตนเองพยายามเบี่ยงรถให้ยิงยาก โดยขี่มาทางฝั่งซ้ายมือของรถเสี่ยต้น เพื่อให้วิถีกระสุนเป้าหมายไม่ตรงตามเป้าหมาย ทั้งนี้ขอยืนยันว่าในวันที่เกิดเหตุนายณัฐพล เป็นคนที่พกปืนมาด้วยแต่ไม่ได้บอกตนเอง


ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและนายณัฐพล ได้รู้จักกันผ่านเพื่อน แต่ที่ผ่านมาไม่ได้มีการติดต่อพูดคุยอะไรกัน เพียงแต่ว่าในวันที่เกิดเหตุนายณัฐพล เป็นคนมารับตนเองออกจากบ้าน

พร้อมกันนี้ ยังพบว่า ช่วงควบคุมตัว น.ส.วรรณิภา หรือ เจ๊มด ออกจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อนำตัวส่งไปดำเนินคดีต่อที่ สน.วังทองหลาง นั้น นักข่าวยังคงถามอีกครั้งว่า มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่ ยังยืนยันในความบริสุทธิ์หรือไม่ แต่เจ๊มด ยังคงไม่ตอบคำถามใดๆ เช่นเดิม และมีสีหน้านิ่ง เรียบเฉย


โดยระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวมาถึง สน.วังทองหลาง ก่อนนำตัวเข้าห้องคุมขังของโรงพัก ทีมข่าวได้มีโอกาสสอบถามกับเจ๊มดว่า ได้มีการจ้างวานให้คนไปยิ่งสามีจริงหรือไม่ หรือสาเหตุที่จ้างวานฆ่าเพราะหึงหวงหรือเพื่อมรดกทรัพย์สินหรือไม่ มีอะไรอยากพูดหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้เปิดใจพูดกับสื่อตลอด ตอนนี้มีโอกาสอยากสื่อสารอะไรหรือไม่  แต่เจ๊มดก็ยังคงไม่ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน อีกทั้งยังมีท่าทีเรียบเฉย ไม่มีท่าทีเครียดหรือกดดันใดๆ จนกระทั่งตำรวจสามารถคุมตัวเข้าไปในห้องคุมขังได้สำเร็จ


จากนั้นพบว่ามีทีมทนายความ เข้ามาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ทั้งหมดเข้าไปเยี่ยม โดยหลังจากที่ทีมทนายเข้าเยี่ยมเจ๊มดเสร็จ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเปิดเผยว่า ในเรื่องรายละเอียดยังไม่สามารถให้ได้เพราะยังไม่ได้พูดคุยกับเจ๊มด ซึ่งเบื้องต้นได้พูดคุยกันเรื่องการเตรียมประกันตัว ซึ่งน่าจะต้องเตรียมหลักทรัพย์ไว้ในการประกันตัวประมาณ 1 ล้านบาท และจะเอาไว้ประกันในชั้นศาล ซึ่งจากการพูดคุยเจ้มดยังมีท่าทีปกติไม่ได้เคร่งเครียดอะไร ยังสามารถพูดเล่นหยอกล้อกันได้ แต่ก็ยอมรับว่าเจ้มดมีความกังวลบ้างเล็กน้อย เพราะอาจจะไม่เคยมาอยู่ในสถานที่แบบนี้มาก่อน


เบื้องต้น เจ๊มดยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งคดีในท้องที่สน.วังทองหลาง และคดีในพื้นที่ จ.มหาสารคาม



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/n7S6BGDiUTs

คุณอาจสนใจ

Related News