พ่อแม่ ม.1 ร้องปวีณา ลูกถูกครูชายฝ่ายปกครองตบกกหูขวา แก้วหูทะลุ เหตุเข้าแถวช้า แต่งตัวผิดระเบียบ

วันที่ 14 มี.ค.67 นายบี และนางซี (นามสมมุติ) พ่อแม่ได้พา ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ชาวอ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงกสุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ตนกับสามีได้ส่งลูกเรียนชั้นม.1 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.สระบุรี กระทั่งวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังลูกกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านก็บอกกับแม่ว่า พรุ่งนี้ช่วยลาครูที่โรงเรียนให้ด้วยเพราะคงไปโรงเรียนไม่ไหว

แม่จึงสอบถามลูกชายว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกชาย เล่าว่า เมื่อเช้าลูกชายกับเพื่อนนักเรียนชายอีก 3 คน ไปโรงเรียนเวลา 08.10 น. ถูกครูชายฝ่ายปกครองตบที่กกหู ตอนนี้หูอื้อ ปวดมาก และมีเลือดไหลออกจากในหู ส่วนเพื่อนอีก 3 คน ก็ถูกครูตบที่ศีรษะ เพราะลูกชายกับเพื่อนไปเข้าแถวช้า และครูบอกว่าแต่งกายผิดระเบียบ จากนั้นพ่อแม่จึงได้พาลูกไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล แพทยท์ระบุ เยื่อแก้วหูขวาทะลุ

ต่อมาพ่อแม่ได้ติดต่อครูที่ก่อเหตุก็บอกว่า ยอมรับว่าที่ทำกับเด็กไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ พร้อมจะจ่ายค่ารักษาให้ 1 หมื่นบาท และครูยังกล่าวหาลูกชายอีกว่า เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทำให้เด็กเสียใจมาก วันที่ไปพบแพทย์แม่จึงให้ทางโรงพยาบาลตรวจหาสารเสพติดในตัวลูกชายก็ปรากฎว่าไม่มีแต่อย่างใด แม่คิดว่าครูทำเกินกว่าเหตุจึงปฏิเสธที่จะรับเงิน และครูก็ไม่น่าจะมากล่าวหาเด็กว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งที่ไม่เป็นความจริง

“แม่ต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดในเรื่อง ทำร้ายร่างกาย และหมิ่นประมาทฯ เพราะตอนนี้ลูกชายมีอาการหวาดกลัว ไม่กล้าไปเรียนที่โรงเรียนอีก ขณะที่แพทย์ก็บอกว่าต้องรักษาเรื่องแก้วหูขวาทะลุอย่างต่อเนื่อง ให้ระยะเวลาร่างกายฟื้นฟู ถ้าไม่ดีขึ้นอาจจะต้องทำการผ่าตัดรักษา ซึ่งทุกวันนี้ลูกชายยังปวดหูข้างขวา และไม่ได้ยินเสียง แม่ได้แจ้งความไว้แล้วที่สภ.หนองแค จ.สระบุรี วันที่ 7 มี.ค.67 ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี”

หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ เเสนวงศ์สิริ ผกก.สภ.หนองแค จ.สระบุรี โดยมอบหมาย พ.ต.ท.เชิดศักดิ์ นัยนา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.หนองเเค เพื่อให้พ่อแม่และลูกชายผู้เสียหายไปพบและเร่งสอบสหวิชาชีพด.ญ.เอ ขณะที่ผลตรวจร่างกายใบรับรองแพทย์ระบุชัดเจนอยู่แล้วว่า เยื่อแก้วหูขวาทะลุ และผลตรวจร่างกายที่ไม่พบสารเสพติด และแม่ต้องการจะแจ้งข้อหาหับครู หมิ่นประมาทเพิ่มเติมด้วย โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะประสาน พัฒนาสังคมฯ ปทุมธานี เข้าไปช่วยเหลือครอบครัว และประสานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับเงินเยียวยา ซึ่งมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป