อาชญากรรม

“ศรีสุวรรณ” นำเอกสารคำให้การ 16 แผ่นมอบให้ตำรวจ ปปป. ยันไม่เอี่ยวตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

โดย kanyapak_w

23 ก.พ. 2567

39 views

“ศรีสุวรรณ” นำเอกสารคำให้การ 16 แผ่นมอบให้ตำรวจ ปปป. ยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์จากอธิบดีกรมการข้าว เชื่อการร้องเรียนคดีทุจริตที่ผ่านมา อาจไปกระทบนักการเมืองบางคน จนทำให้ตัวเองถูกดำเนินคดี ขณะที่ ปปป. เตรียมขยายวงที่ 3 หลังมีผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลเพิ่ม



เมื่อเวลา 13.30 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้ต้องหาคดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว พร้อมทนายความเดินทางมาที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำเอกสารคำให้การมาให้พนักงานสอบสวนตามนัดหมาย



เมื่อมาถึงนายศรีสุวรรณ ทักทายสื่อมวลชน และถามว่า “ยังคิดถึงถึงพี่ศรีอยู่หรอ?”



จากนั้น นายศรีสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์ โดยบอกว่า วันนี้เดินทางมาพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจตามการนัดหมาย เพราะนัดให้มารายงานตัวทุกเดือน และได้เขียนคำให้การมายื่นเพิ่ม ซึ่งตนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ไม่สามารถชี้แจงเนื้อหาของข้อกล่าวหาได้ แต่อยากพูดอยู่บางประเด็น



เรื่องแรกคือ ตนไม่ได้มีโทรศัพท์มือถือใช้เลยตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.67 สื่อมวลชนไม่สามารถติดต่อได้เลย หลายคนอาจจะมองว่าตนหยิ่ง แต่ขอยืนยันว่าไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้จริงๆ เพราะอยู่กับตำรวจ แม้แต่ชาวบ้านที่ต้องการติดต่อ รวมทั้งคนที่มอบอำนาจให้ตนฟ้องคดีทั่วทั้งแผ่นดิน ก็ไม่สามารถติดต่อได้ แต่เชื่อว่าหลายคนคงติดตามทางข่าวอยู่แล้ว พร้อมบอกว่า ตนยังสบายดี ยังมีกำลังใจ 100%



เรื่องต่อมาคือ ตนคิดว่าสื่อทุกคนรู้จักตนดีมามากกว่า 10 ปี แต่ตนรู้สึกว่า บางครั้งการเขียนข่าว นำเสนอข่าว ก็ดราม่ามากเกินไป เช่น “พี่ศรีไม่ได้ทำงานอะไร ร้องเรียนอย่างเดียว แล้วมีทรัพย์สินเยอะแยะมากมายได้อย่างไร”



โดยเรื่องนี้ขอชี้แจงว่า ตนเองเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจากชาวบ้านมาทั้งแผ่นดิน แล้วคดีที่ฟ้อง ต่างเป็นคดีที่หลายคนให้ความสนใจตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตนฟ้องมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5,000 คดี และน่าจะมากที่สุดในประเทศไทยด้วยซ้ำไป คดีใหญ่ที่ชนะคดี และเป็นคดีระดับประเทศ ระดับโลกก็ยังมี เช่น คดีรถเมลล์ ขสมก. ควันดำ ,คดีปิดโรงงานมาบตาพุด 67 โรงงาน เมื่อปี 2560 ,คดียุติโครงการบริหารจัดการน้ำ 35 แสนล้าน และคดีล่าสุดคดีแอชตัน อโศก ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของตนทั้งนั้น ซึ่งตนทำงานช่วยเหลือคนมาทั้งแผ่นดิน ไม่ใช่ว่าศรีสุวรรณไม่มีอาชีพอะไร



บางคนตั้งคำถามว่า “เรียนจบด้านเกษตรมา มาทำอย่างนี้ได้อย่างไร?” ขอเรียนว่า ตนจบมา 6 ปริญญา ปริญญาตรี 3 ใบ ใบแรกจบด้านเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ,ใบที่ 2 จบสารนิเทศ และใบที่ 3 จบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วน ปริญญาโท 2 ใบแรกนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และใบที่ 2 ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ส่วน ปริญญาเอก 1 ใบ คือด้าน Public policy and management เพราะฉะนั้น ตนมีความรู้ที่มาช่วยชาวบ้านทั้งแผ่นดิน



ส่วนกรณีที่บางคนบอกว่า ไม่มีอะไรแต่ทำไมมีทรัพย์สินเยอะ ขอบอกว่าทรัพย์สินตนได้มาจาก น้ำใจของชาวบ้าน ที่มอบให้ตลอดระยะเวลา 20-30 ปี หลายคนบอกว่าศรีสุวรรณสะสมงาช้าง ขอบอกว่างาช้างซื้อมาจากบ้านถวาย ซึ่งเป็นไม้แกะสลักทั้งนั้น ส่วนครุฑซื้อมาจากร้านของเก่า ไม่ได้มีมูลค่าตามที่ข่าวรายงาน



นายศรีสุวรรณ ย้ำว่างานที่ตนทำและช่วยเหลือประชาชนเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงทั้งสิ้น ซึ่งข้าราชการและนักเมือง 100% ไม่มีใครชอบขี้หน้าศรีสุวรรณตน รังเกียจศรีสุวรรณตลอด ถ้ามีโอกาสที่จะกระทืบศรีสุวรรณ คงทำเต็มที่ ซึ่งทุกคนคงอยากให้ศรีสุวรรณล้มหายตายจากประเทศไทยด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่มีคนทุกคนคงสบายใจ ทำอะไรก็ได้ตามสบายใจ



นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนเตรียมเอกสารคำให้การมา 16 หน้า เป็นการอธิบายขั้นตอนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พนักงานสอบสวนเข้าใจ พร้อมยืนยันว่า มั่นใจในข้อมูลที่มี พร้อมสู้คดีนี้อย่างเต็มที่ โดยกระบวนการยุติธรรมนั้นไม่ได้จบในวันสองวัน ยังต้องสู้กันไปอีกนาน



ทั้งนี้ วิกฤตครั้งนี้ ก็เป็นโอกาสเหมือนกัน เพราะก่อนหนานี้บางคนเดือดร้อน ก็มาหาตน แต่พอถึงคราวตนเดือดร้อน จะขอคำปรึกษา ก็ปิดมือถือไม่รับสายกัน จึงทำให้ได้เห็นจิตใจของแต่ละคน และในอนาคตถ้าตนมีโอกาสได้กลับไปทำงานต่อ ก็อาจจะต้องเลือกคนให้ดี



เมื่อถามว่า สังคมมองว่านายศรีสุวรรณ รู้ขั้นตอนด้านกฎหมายและข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ จึงนำมาใช่เป็นช่องทางหากินหรือไม่ นายศรีสุวรรณ ตอบว่า สิ่งนี้ก็ถือเป็นข้อกล่าวหา แต่ตนทำงานนี้มานับ 10 ปี แล้ว ถ้าทำตามที่กล่าวหามานานแล้วจริง ทำไมเรื่องเพิ่งมาแดงตอนนี้ โดนตนมองว่า เป็นเพราะระยะหลัง ตนร้องเรียนอย่างหนักแทบทุกวัน คงไปเหยียบตาปลาขนาดใหญ่ ซึ่งคนธรรมดาไม่กล้าทำ ต้องคนชื่อศรีสุวรรณทำเท่านั้น และตนเล่นแต่นักการเมือง ตาปลาที่ไปเหยียบในครั้งนี้ก็คงเป็นนักการเมือง



เมื่อถามถึงประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ร่วมขบวนการเดียวกันกับ เจ๋ง ดอกจิก และ อาจารย์เอก หรือไม่นั้น นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตนขอไม่พูดเรื่องที่เป็นเนื้อหาของคดี เพราะตอนนี้ตนเป็นเป้าหลัก เชื่อว่าสุดท้ายกระบวนการยุติธรรมจะสีคำพิพากษาออกมาเอง ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ตนก็ไม่ได้พูดคุยกับผู้ต้องหาคนอื่นเลย



ส่วนเรื่องการฟ้องกลับ ตอนนี้ตนยังไม่ได้คิด ขอเอาเรื่องตัวเองให้มันพ้นวิกฤตไปก่อน ยอมรับว่าหนักใจพอสมควร แต่ไม่ถึงที่สุด คดีแบบนี้ ถูกกล่าวหา ก็แค่แสวงหาข้อมูลพยานหลักฐานข้อกฎหมายให้หนาแน่น ตนมีทีมงานหลายๆ คน ช่วยกันระดมสมองในการต่อสู้ทุกวิถีทาง จึงมั่นใจมาก



เมื่อถามถึงภรรยาที่โดนแจ้งข้อกล่าวหาด้วย นายศรีสุวรรณ บอกว่า ภรรยาตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง อะไรแน่นอน ปกติต้องเป็นคนต้อนรับแขกอยู่แล้ว พร้อมชี้ให้เห็นว่า การเอาเงินไปแขวนหน้าบ้านนั้น มีพิรุธหรือไม่



ด้าน พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า วันนี้ได้นัดหมายผู้ต้องหาให้ทำคำให้การมาส่งตามกำหนดที่ขอเลื่อนไว้ และได้ให้พนักงานสอบสวน สอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังต้องการข้อมูลอยู่ โดนยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานสำคัญชัดเจน ทั้งเส้นทางการเงินก่อนเกิดเหตุ และธนบัตรขณะเกิดเหตุ



ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ตอนนี้ผู้เสียหายบางกลุ่มเริ่มลังเลที่จะมาให้ข้อมูล พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยืนยันว่าไม่มี ตอนนี้มีแต่จะเพิ่มวงขึ้น ตอนนี้เข้าสู่วงที่ 3 แล้ว กำลังประสานพูดคุยกับผู้เสียหาย เพื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แล้วค่อยไล่สอบตามไทม์ไลน์



สำหรับโทรศัพท์ของนายศรีสุวรรณนั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่า อันไหนเป็นของกลาง อันไหนให้คืนได้



กรณีที่นายศรีสุวรรณบอกว่า การนำเงินไปแขวนเงินหน้าบ้าน เป็นการพยายามดิสเครดิตตัดขา พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง จะไปดิสเครดิตทำไม วันนั้นตนก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอดที่มีการเจรจาพูดคุยกันกับผู้เสียหาย ส่วนที่บอกว่าน่าจะไปเหยียบตาปลานั้น มองว่าน่าจะเหยียบไว้เยอะด้วย ไม่ใช่แค่เคสเดียว



ต่อมา ภายหลังให้ปากคำเพิ่มเติมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นายศรีสุวรรณ ก็เดินทางกลับทันที โดยบอกว่า พนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้มารายงานตัวอีกครั้งวันที่ 22 มี.ค. 67 ส่วนโทรศัพท์มือถือ ยังไม่ได้คืน เนื่องจากพนักงานสอบสวนต้องนำเรื่องนี้เข้ามติที่ประชุมก่อน พร้อมฝากถึงลูกความ และเอฟซีว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ตนยังรับว่าความ ทำคดีช่วยชาวบ้านตลอดเวลา และขอให้เชื่อมั่นในตนเองเหมือนเดิม




คุณอาจสนใจ

Related News