อาชญากรรม

'แม่ไอ้ทอย' เผยนิสัยลูก บอกทำอะไรลงไป ก็รับกรรมไป เพื่อนเล่าพฤติกรรม ลั่น "มันกล้าแต่กับผู้หญิง"

โดย nattachat_c

22 ก.พ. 2567

139 views

วานนี้ (21 ก.พ.) พลตำรวจตรีสุพิไชย ลิ้มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยทางโทรศัพท์กับทีมข่าวว่า การตรวจพิสูจน์การเสียชีวิตของนางสาวชลลดา หรือ น้องนุ่น อายุ 27 ปี ที่ถูกสามีทำร้ายแล้วนำไปเผาอำพรางที่ จ.ปราจีนบุรี และถูกนำร่างส่งมาชันสูตรที่สถาบันนิติเวชฯ เมื่อกลางดึกวันที่ 20 ก.พ


เบื้องต้นผลการตรวจสอบจากภาพถ่ายยังไม่ได้มีการผ่าชันสูตรพลิกศพ แต่เท่าที่ดูจากสภาพศพร่างกายยังอยู่ครบเกือบครบสมบูรณ์ ทั้งศีรษะ ฟัน มือ เท้ามีร่องรอยไหม้ ขาดเพียงขากรรไกรล่าง แต่ยังสามารถพิสูจน์ได้ทางดีเอ็นเอ ซึ่งอาจตรวจกล้ามเนื้อ กระดูกต้นขา เรียกได้ว่า สภาพศพสมบูรณ์ไม่มีปัญหา ความร้อนไม่ได้ทำลายถึงชั้นกระดูก จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการตรวจพิสูจน์ สามารถตรวจสอบได้จากเนื้อเยื่อ ต้นขา และกระดูก


ส่วนร่องรอยการถูกทุบบริเวณใบหน้า ศีรษะ ยังไม่สามารถยืนยันบาดแผลได้ เนื่องจากร่างกายถูกไฟไหม้ ทำให้ไม่พบร่องรอยเลือดคั่ง และร่องรอยฟกช้ำที่บริเวณถูกทำร้าย ส่วนกะโหลกศีรษะหากแตกร้าวก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า เกิดจากความร้อนหรือเกิดจากการถูกของแข็งทำร้าย


กรณีการระบุอัตลักษณ์บุคคลว่าเป็นน้องนุ่นหรือไม่  ต้องใช้ระยะเวลา  อย่างเร็วสุดใช้เวลา 3 วัน โดยตรวจจากดีเอ็นเอกล้ามเนื้อต้นขา แต่ถ้าตรวจจากกระดูก ไม่เกิน 1 สัปดาห์ และจะมีการนำดีเอ็นเอเทียบเคียงกับบิดามารดาเพื่อยืนยันความชัดเจนของร่างที่พบ


ทั้งนี้จากการตรวจที่เกิดเหตุพบร่างที่ถูกเผาและสร้อยขัอมือทองคำ ทางนิติเวชไม่ได้ให้น้ำหนักในการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ แต่ทางพนักงานสอบสวนมีการระบุชื่อผู้เสียชีวิตคือ “น้องนุ่น” ดังนั้นจึงเป็นส่วนหนึ่งในการสันนิษฐานได้


ส่วนสาเหตุการทำให้เสียชีวิตหรือถูกเผาทั้งเป็นหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่สารถยืนยันได้ ต้องรอการผ่าพิสูจน์ให้แล้วเสร็จ โดยจะมีการตรวจสอบว่ามีเขม่า ควันไฟในหลอดลมหรือไม่ และการตรวจปริมาณคาร์บอนมอนอกไซด์ในเลือด แต่เท่าที่ดูเบื้องต้น ยอมรับว่า สภาพศพตั้งแต่ต้นคอถูกไฟไหม้หมด จึงไม่สามารถยืนยันว่าเสียชีวิตก่อนหรือหลังถูกเผาได้ เนื่องจากอวัยวะภายในถูกความร้อนเผาไหม้เสียหาย

-------------

ทีมข่าวโทรศัพท์ไปยังแม่ของน้องนุ่น เผยว่า คืนวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่าง DNA ของแม่ไปแล้วและได้เก็บตัวอย่าง DNA ของนายทอย สามีของน้องนุ่น ไปด้วยเช่นกัน ส่วนจะใช่ร่างของลูกสาวหรือไม่นั้นต้องรอทางตำรวจประสานมาอีกครั้ง ซึ่งหากใช่จริง ตนก็จะเดินทางมารับศพลูกสาวด้วยตัวเอง


เมื่อถามว่าอยากจะพูดอะไรกับนายทอยหรือไม่ กับสิ่งที่ทำกับลูกสาวขนาดนี้ แม่ของนุ่น บอกว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไร ยังมึนกับเหตุการณ์ ยังทำอะไรไม่ถูก ขอตั้งสติไล่เรียงเหตุการณ์ก่อน


ส่วนลูกของน้องนุ่น ทางแม่ของน้องนุ่นบอกว่า ให้ไปอยู่กับน้องของนุ่น เพราะยังอายุเพียงขวบเศษเอง ให้ไปอยู่กับใครก็ได้ ไม่ได้ร้องไห้งอแงอะไร ยอมรับว่าตอนนี้ ตนเองห่วงหลานมาก เวลากลางคืนหลานมีอาการผวา สะดุ้งขณะนอนหลับอยู่บ้าง วางแผนอนาคตอย่างไรตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก


เมื่อถามว่าสิ่งที่นายทอย ทำกับลูกสาวแม่นั้นโหดร้ายขนาดไหน และที่นายทอย มาขอโทษ ขอขมา นั้นแม่รู้สึกอย่างไร แม่บอกว่าตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไร อยากอยู่เงียบ ๆ ก่อน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันโหดร้ายมาก ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา

------------

เมื่อวานนี้ (21 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านของนางแหม่ม อายุ 66 ปี แม่ของนายทอย  ที่ จ.อุบลราชธานี  ซึ่งก็พบว่า แม่ของนายทอย นั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ชั้นล่างของบ้านพักเพียงลำพัง  ข้างหน้ามีจานข้าวสวยและไข่เจียว 1 จาน ผู้สื่อข่าวจึงขออนุญาตเข้าไปพูดคุยกับนางแหม่มถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น


นางแหม่ม ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองอยู่เพียงลำพัง สามีออกไปขายของ กะว่าจะทานข้าวแล้วทานยา เนื่องจากเป็นโรคหัวใจ แต่ก็ทานไม่ลง  


ส่วนเรื่องของลูกชายนั้น แม่ก็ได้ทราบเรื่องราวคร่าวๆ เมื่อประมาณวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา  เพราะญาติของน้องนุ่นโทรมาหา บอกว่าติดต่อน้องนุ่นไม่ได้  แม่เองก็ติดต่อนายทอยไม่ได้ เพราะทั้งสองคนอยู่กรุงเทพฯ


ส่วนใหญ่ทั้ง 2 คนมีอะไรก็โทรคุยกันกับแม่  แต่ไม่บ่อย เพราะต่างคนต่างอยู่  แต่ก็สนิทตามประสาแม่ลูก เวลาทั้ง 2 คนทะเลาะกัน ก็จะโทรมาบอก มาเล่าให้ฟัง ตนก็ได้แต่เตือนว่ามีอะไรก็ขอให้ค่อยๆ พูดกัน


แม่บอกว่า เรื่องที่ทอยทะเลาะกับนุ่นนั้น ส่วนใหญ่แม่จะรู้จากการที่ลูกโพสต์ในเฟซบุ๊ก แต่พอถาม ลูกก็จะบอกว่า ทะเลาะกันแบบธรรมดาผัวเมีย ไม่มีอะไร  แต่แม่ยอมรับว่า ลูกชายเป็นคนอารมณ์ร้อน


“เวลาแม่จะพูด บอกเตือนอะไรก็จะพูดสวนขึ้นมา แม่ก็เลยไม่อยากจะพูด กลัว เพราะจะทะเลาะกัน เลยไม่อยากจะพูด เรื่องการทำร้ายร่างกายกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนไม่มี เพิ่งมาทราบว่าก็ตอนเกิดเหตุแล้ว”


ถ้าถามว่าแม่เชื่อไหมว่าทอยเป็นคนลงมือฆ่าน้องนุ่น แม่เชื่อตามคลิปที่เห็น  เพราะไม่มีใครทำน้องได้ อยู่กันแค่ 2 คนผัวเมีย กับลูกที่ยังเล็ก   หลังจากที่น้องนุ่นหายตัวไป แม่ก็ได้โทรไปถามทอย  ทอยก็ไม่ยอมรับ แต่เมื่อมีคลิปชัดเจน แม่ก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำตามกระบวนการขั้นตอน ไม่ขอประกันตัวใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ปกป้องคนทำผิด แต่ความเป็นแม่ลูกอย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด


ส่วนน้องนุ่นเป็นเด็กน่ารัก น้องนุ่นเป็นลูกคนโต  น้องเป็นคนดีและน่ารักกับคุณแม่ตลอด มีอะไรก็จะโทรมาถามไถ่พูดคุยตลอด  เวลาทะเลาะกันก็จะโทรมาหา มาเล่าให้แม่ฟัง ส่วนใหญ่ที่ทะเลาะกันก็จะเป็นเรื่องชู้สาว แฟนเก่า แฟนใหม่ ซึ่งแม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง มีเพียงแต่สอนให้ค่อยพูดคุยและใจเย็น ผัวเมียก็มีทะเลาะกันบ้าง แต่นุ่นไม่เคยบอกว่าถูกทอยทุบตีทำร้าย


“แม่อยากจะบอกทอยว่า ถ้าลูกทำอะไรลงไป ก็รับกรรมไป กับครอบครัวนุ่นคุยกันแล้ว อยากจะขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียใจกับครอบครัวของน้องนุ่น เพราะครอบครัวของนุ่นดีกับครอบครัวของตน  หากฝากบอกน้องนุ่นได้ ขอให้ลูกไปเกิดในภพภูมิที่ดี แม่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ขอให้นุ่นไปเกิดในที่ดีๆ”

--------------

ทีมข่าวได้คุยกับนายแดน ในฐานะเพื่อนของนายทอยและน้องนุ่น บอกว่า ตนรู้จักกับนายทอย มาเกือบ 10 ปี แล้ว ส่วนน้องนุ่นรู้จักกันมา 4 ปี


จากนั้นนายแดน ได้เล่าถึงพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงของนายทอย ที่เคยเห็นมาตลอดว่า  ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปีใหม่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตนเคยชกหน้าเรียกสตินายทอย เพราะเห็นว่ากำลังทำร้ายร่างกายน้องนุ่น ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นเพียงแค่น้องนุ่นไม่ใส่รองเท้าส้นสูง เพราะกำลังจะกลับ จึงถอดรองเท้ามาถือ แต่นายทอยบอกว่าไม่ได้ เพราะเป็นผู้หญิงถอดรองเท้าส้นสูงเดินกลางห้างไม่เหมาะสม // จากนั้นนายทอย ได้กระชากแล้วจิกหัวน้องนุ่น ก่อนจะซัดกลางลานจอดรถ พอตนเห็นจังหวะนี้ก็วิ่งไปซัดนายทอยทันที เพราะเห็นแล้วทนไม่ไหว แต่ปรากฏว่านายทอยไม่สวนกลับ ตนถึงได้บอกว่ามันกล้าแต่กับผู้หญิง


นอกจากนี้ พฤติกรรมรุนแรงที่เคยได้ยิน  มีการเอาปืนไปตีผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่น้องนุ่น // แต่หลักๆนายทอยจะกล้าทำรุนแรงตอนอยู่กับน้องนุ่นเพียงลำพัง และถ้าน้องนุ่นอยู่กับกลุ่มผู้หญิงก็กล้าทำต่อหน้าแบบรุนแรงเช่นกัน แต่ถ้ามีผู้ชายอยู่จะไม่กล้าทำรุนแรง


ส่วนพฤติกรรมจริงๆของนายทอย ก็เป็นไปตามที่ทุกคนเห็นในข่าว แต่ว่าในส่วนของเพื่อนๆและคนรอบข้าง ทุกคนคิดว่าพอมีลูกแล้วนึกว่าจะดีขึ้น แต่สุดท้ายสันดานก็แก้ไม่ได้ // ตามปกติคนเราถ้ามีลูกแล้วควรคิดนิดนึงก่อนหรือไม่ แล้วยิ่งเหตุการณ์นี้ปรากฏว่า นายทอยลูกไปก่อเหตุด้วย


พอพูดถึงช่วงนี้นายแดน ร่ำไห้ด้วยความสะเทือนใจ พร้อมบอกว่า “ลูกร้องแล้ว แต่ไม่หยุด ควรหยุดมั้ย”


เมื่อถามว่าเคยมีการเตือนน้องนุ่นหรือไม่ นายแดน กล่าวว่า ทุกคนเตือน เตือนกันตลอดว่ากลับไปอีกทำไม ทุกคนก็งงกันหมดว่ากลับไปคบกับนายทอยทำไม ทุกคนอยากให้ไปแล้วไปเลย เลิกแล้วคือเลิกเลย เพราะความรุนแรงแบบนี้เกิดบ่อยครั้ง


นายแดน ยังเล่าอีกว่า นายทอยเคยโดนข้อหาทำร้ายร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่น้องนุ่น แล้วเคยติดกำไล EM  ก่อนจะย้ำว่าพฤติกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่านายทอยเก่งแต่กับผู้หญิง


ทั้งนี้ เพื่อนๆหลายคนเคยเตือนนายทอย และก่อนที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงก็พยายามห้าม เพราะสังเกตเห็นว่านายทอยเริ่มอารมณ์ขึ้น เช่น บางช่วงน้องนุ่นมีการพูดบางอย่าง ซึ่งทุกคนมองว่าพูดปกติ แต่นายทอยก็อารมณ์ขึ้นและต่อว่า // บางครั้งตนก็สามารถห้ามได้ เพราะนายทอยจะเรียกตนว่าเฮีย และบอกว่านับถือ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็จะเห็นได้ชัดว่า “มันเก่งแต่กับเมียมันคนเดียว”


เมื่อถามว่าตอนที่มีข่าวน้องนุ่นหายไป คิดหรือไม่ว่าเป็นนายทอย เรื่องนี้นายแดนบอกว่า ตัวเองรู้สึกตะหงิดๆ ตอนที่ทอยบอกแม่น้องนุ่นว่า 50-50 ก็เลยงงว่าพูดทำไม แล้วบอกว่าเมียอาจจะหนีไปปอยเปต แล้วถ้าหนีไปจริงทำไมถึงไม่ตามไป


เมื่อถามต่อว่าช่วงที่น้องนุ่นหายไป นายทอยพยายามโทรศัพท์ไปบอกกลุ่มเพื่อน มีการโพสต์ตามหา ให้รู้ว่าพยายามตามหา มองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายแดน บอกว่า นายทอยเป็นคนที่ชอบสร้างภาพ เวลาจะกินอะไรก็จะถ่ายรูปลงก่อน แล้วน้องนุ่นไม่สามารถกินก่อนได้ แม้ว่าอาหารน้องนุ่นจะมาก่อนก็ตาม นายทอยต้องได้ถ่ายรูปก่อน ขัดใจไม่ได้ กินก่อนไม่ได้


เมื่อถามว่าพอทราบหรือไม่ว่านายทอยทำงานอะไร นายแดน บอกว่า ขายรถ หากถามว่ารวยไหม ก็เป็นคนที่พอมีพอกิน // เมื่อถามย้ำว่า งานสีเทาหรือไม่ นายแดนบอกว่า “รถจำนำเทาไหม?” ก่อนจะเล่าต่อว่า แต่ถ้าส่วนใหญ่ หากโดนจับก็จะเสียค่าปรับ ไม่ได้มีคดีอะไร ส่วนเทามากกว่านี้หรือไม่ตนไม่ทราบข้อมูล


ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรอยากฝากถึงทั้งตัวนายทอยและน้องนุ่นหรือไม่ นายแดน บอกว่า สำหรับตัวนายทอย ก็ใช้เวรใช้กรรมไปแล้วกัน // ส่วนน้องนุ่นอยากบอกว่า “ตอนนี้น้องหลุดพ้นแล้ว น้องไปสบายแล้ว”

--------------
ย้อนไทม์ไลน์ในวันก่อนเกิดเหตุ 17 ก.พ.67 นุ่นจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ทอย สามี ที่ร้านอาหารย่านเลียบด่วนรามอินทรา  บรรยากาศงานวันเกิดเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีการถ่ายคลิปในงานเอาไว้ด้วย  โดยจากข้อมูลพนักงานในร้านวอเตอร์ไซด์ สถานที่จัดงานเลี้ยง  พบว่า ทอยและนุ่นออกจากบ้านย่านเมืองทองธานี ช่วงหัวค่ำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ และไปถึงร้านค่อนข้างดึก


นอกจากนี้พนักงานยังให้ข้อมูลว่า รถของทอยต้องไปจอดลานจอดรถที่ 4 เพราะลานจอดรถที่ 1-3 เต็มหมดแล้ว จากนั้นก็เข้าไปภายในห้องจัดงานเลี้ยงวันเกิด ซึ่งเป็นห้องคาราโอเกะ  งานวันเกิดงาน นุ่นเป็นคนจัดให้ทอย


ในคืนเดียวกัน  เฟซบุ๊กส่วนตัวของนุ่นยังโพสต์ 2 โพสต์ สุดท้าย ได้พูดถึงนายทอย สามีสุดที่รักของเธอด้วย


โดยโพสต์แรก เวลา 23.04 น. เป็นภาพ 3 คนพ่อแม่ลูก พร้อมข้อความระบุว่า “สุขสันต์วันเกิดนะที่รักเป็นแฟนที่น่ารักของเขาแบบนี้ตลอดไปนะร่ำรวยๆการงานราบรื่นสมหวังทุกปารถนาน๊า”


อีกโพสต์ คาดว่าโพสต์ในช่วงที่งานเลี้ยงใกล้จะจบแล้ว เพราะนุ่นโพสต์ว่า “ขอบคุณทุกคนที่มาทานข้าววันเกิดพี่ทอยด้วยกันนะคะ รักน๊า ไว้เจอกันใหม่นะคะ”  ซึ่งงานเลี้ยงวันเกิดเลิกประมาณตี 1  ทอยและนุ่นจึงออกจากร้านขับรถกลับบ้าน ตอนที่ออกจากร้านทั้งคู่ดูปกติดี แต่ก็คาดว่ามีการทะเลาะกันบนรถระหว่างทางที่กลับบ้าน

--------------

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน  กล้องวงจรปิดบริเวณถนนเลียบคลองประปา อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เวลาที่ปรากฎบนกล้อง 22.47 น. แต่จริงๆแล้ว เวลาในกล้องไม่ตรงกับเวลาที่เกิดเหตุจริง เพราะห่างจากเวลาจริงประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที  ดังนั้น เหตุการณ์ที่ทอยทำร้ายร่างกายนุ่นริมถนน น่าจะเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 01.50 น.ของวันที่ 18 ก.พ. กล้องจับภาพทอยขณะทำร้ายร่างกายนุ่นอย่างโหดเหี้ยม  มีการกระชากหัว  เตะไปที่ใบหน้าหลายครั้ง จนนุ่นนอนลงไปกองกับพื้น ก็ยังไม่หยุดทำร้ายร่างกาย  ลากตัวนุ่นไปยังจุดอับที่มีเสา มีตู้ชุมสายบังตา และเป็นจุดมืดไม่ค่อยมีแสงสว่าง แล้วเอาก้อนหินทุบหัวนุ่นหลายครั้ง ก่อนที่ทอยจะเดินกลับไปที่รถ  อุ้มลูกวัย 1 ขวบ 7 เดือนออกมา และเอาหินทุบหัวนุ่นอีกหลายครั้ง  ก่อนจะนำนุ่นขึ้นรถแล้วขับกลับบ้าน


ต่อมาภาพกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านของทอย บันทึกภาพเวลาประมาณ 02.26 น. วันที่ 18 ก.พ.67 นายทอยขับรถหรู ยี่ห้อBMW สีขาว เข้ามาในบ้าน


หลังจากนั้น ในช่วงเวลา ตี 2.29 น. นายทอยลงมาจากรถ และเห็นนายทอยก้มลงต่ำ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นการมาปิดประตูบ้าน หรือ ลากสิ่งของบางอย่างลงจากรถหรือไม่ ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนคนตะโกน


ต่อมา คลิปช่วง ตี 2.31 น. หรือ 4 นาทีหลังจากมาถึงบ้าน  จะได้ยินเสียงคล้ายกับมีของบางอย่างกระทบกัน ก่อนจะมีเสียงเด็กร้องไห้ขึ้นมา และจากนั้นก็มีเสียงของนายทอยตะโกนขึ้นมาอีก


จนกระทั่งเช้า เวลา 09.02 น. วันที่ 18 ก.พ. ทอยได้ขับรถ BMW คันเดิมออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับลูกน้อย ในรถมีกระเป๋าเดินทางที่บรรจุร่างของนุ่น  แล้วไปแวะซื้อน้ำมัน 2 แกลลอน แกลลอนละ 5 ลิตร รวมเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 1,420 บาท ก่อนนำร่างนุ่นที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง ไปเผาอำพรางศพที่สวนยาง ในจังหวัดปราจีนบุรี  และขับรถกลับมาที่หมู่บ้านเวลา 17.16 น. และพักผ่อนตามปกติ


ก่อนที่วันต่อมาวันที่ 19 ก.พ. เวลา 09.21 น. ได้ขับรถพาลูก ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่า ภรรยาหายตัวไปหลังจากทะเลาะกันในรถ แล้วภรรยาลงจากรถ ไปขึ้นรถแท็กซี่และหายตัวไป ติดต่อไม่ได้อีกเลย

---------------



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/kXLkTmkU7EA




คุณอาจสนใจ

Related News