อาชญากรรม

โศกนาฏกรรม 'โรงงานพลุสุพรรณฯ' ระเบิดพังราบ ดับ 23 ศพ ซ้ำรอยปี 65 หญิงเล่านาทีรอดตาย 2 ครั้ง

โดย nattachat_c

18 ม.ค. 2567

1.5K views

โรงงานพลุสุพรรณบุรีระเบิด พังราบเป็นหน้ากลอง เสียชีวิต 23 ศพ รวมเจ้าของโรงงาน-ลูก และภรรยา ชาวบ้านอัดคลิปนาทีเกิดเหตุได้ยินเสียงดังเป็นระยะๆ พบประวัติโรงงานนี้เคยเกิดเหตุระเบิดมาแล้ว เมื่อปลายปี 65 เสียชีวิต 1


วานนี้ (17 ม.ค. 66) เวลาประมาณ 15.30 น. ตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งเหตุ โรงงานผลิตพลุระเบิด ที่หมู่ 3 ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานมีพื้นที่ขนาด 1 ไร่ ตั้งอยู่กลางทุ่งนา


จากภาพมุมสูงจะเห็นว่าบริเวณโรงงานพังราบเป็นหน้ากลอง เหลือแต่ซาก ไม่มีเค้าโครงให้เห็นว่าเคยเป็นโรงงานมาก่อน โดยเศษซากของตัวโรงงานทั้งเหล็ก และหลังคา ได้กระเด็นกระจัดกระจายเป็นวงกว้างไปไกลว่า 100 เมตร


นอกจากนี้ ยังพบชิ้นส่วนของมนุษย์ กระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย กระจายอยู่รอบพื้นที่

-------------

ทีมข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุ พบว่า เจ้าหน้าที่มีการใช้ผ้าสีขาวคลุมชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ ที่กระจัดกระจายกระเด็นออกมาจากตัวโรงงาน และกั้นพื้นที่ไม่ให้เข้าไปเหยียบ


ส่วนร่างที่พอเป็นโครงของมนุษย์นั้นก็พบว่า มีจำนวน 10 ร่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำผ้าขาวผูกกับไม้ ทำสัญญาลักษณ์ไว้ในจุดที่พบชิ้นส่วนแต่ละจุดไว้ก่อน และจะมีการนำร่าง และอวัยวะต่าง ๆ ของผู้เสียชีวิต ขึ้นมาจากจุดเกิดเหตุ ในเช้าวันนี้ (18 ม.ค. 67)


ส่วนสภาพโดยรวมเป็นภาพที่สลดหดหู่ เพราะบนต้นไม้ก็ยังมีกระสอบ และอุปกรณ์ผลิตพลุติดอยู่บนต้นไม้ ด้วยแรงอัดระเบิดทำให้ชิ้นส่วนกระจายขึ้นต้นไม้ และปลิวลอยไปตามทุ่งนา

--------------

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยายกาศที่ศาลาวัดโรงช้าง หมู่ที่ 2 ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นที่นำร่างผู้เสียชีวิตมาพักไว้ เพื่อทำการตรวจสอบอัตลักษณ์ว่าเป็นใครบ้าง


และทางจังหวัดสุพรรณบุรี ได้จัดเจ้าหน้าที่มาตั้งโต๊ะ เพื่อให้ญาติของคนงานที่ยังหาตัวไม่เจอมาลงทะเบียน เพื่อตรวจสอบว่าผู้ตายเป็นใครบ้าง


สำหรับรายชื่อคนงานที่อยู่ในโรงงานทั้งหมด มีดังนี้ 


1. นางแสงเดือน ปานจันทร์ (เจ้าของ)

2. น้ำฝน เกิดนอก

3. นางพเยาว์ บุญกล่อม

4. นางบุญเกื้อ ทองสัมฤทธิ์

5. นางรัชนี พันธ์ตัน

6. นายรุ่งโรจน์ อุ่มน้อย

7. นางสมนึก บุญกล่อม

8. นางมานพ จาดพันธ์อินทร์

9. นางสาวพรทิพย์ พันธ์แตง

10. นายวิชาญ บุญศรีราช

11. เตือนใจ ยิ้มแย้ม

12. สำราญ สายทอง

13. สมควร แจ้งวิถี

14. นางสุชาดา พันธ์เผือก

15. นางภัสสร นาคสมพงษ์

16. นายทวีศักดิ์ ทองสัมฤทธิ์

17. นางรำไพ เคนมา

18. นายโสพล สวยค้าข้าว

19. นายธนากร วัชระพิมลวัตร

20. นางแหม่ม ขวัญอ่อน

21. นางสมปอง นาคพิทักษ์

22. นายธงชัย กำเนิดนนท์

23. นายธารา วัชระพิมลมิตร (ลูกชายนางแสงเดือน)

--------------

ทั้งนี้ เพจ สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ประเทศไทย ได้เปิดเผยภาพมุมสูง ก่อนและหลัง ที่จะเกิดเหตุระเบิด 


ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า ก่อนเกิดเหตุมีอาคาร สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ แต่หลังเกิดเหตุแทบกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า

--------------

ทีมข่าวสอบถามชาวบ้าน เบื้องต้นทราบว่า โรงงานแห่งนี้มีคนงานประมาณ 20 กว่าคนที่เข้าไปทำงาน ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามีใครรอดออกมาได้บ้าง โดยต้องรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง


โดยจากการตรวจสอบพื้นที่รอบโรงงานของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียชีวิต ประมาณ 22 ราย


อีกทั้ง ยังพบว่า 1 ในผู้เสียชีวิตมีนางแสงเดือน ปานจันทร์ เจ้าของโรงงานและลูกชาย นายธารา วัชระพิมลมิตร รวมอยู่ด้วย ซึ่งมีคนงานเพียง 1 คนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เนื่องจากออกไปหาลูกก่อนเกิดเหตุ แต่อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

--------------

ในระหว่างที่ทีมข่าวสำรวจพื้นที่ความเสียหายอยู่นั้น ก็ได้พบกับครอบครัวของ คุณน้ำฝน เกิดนอก ซึ่งเป็นพนักงานภายในโรงงานพลุ โดยกลุ่มญาติ และหลานต่างพากันนั่งร้องไห้ เพราะเชื่อว่าคุณน้ำฝนเสียชีวิตแล้ว เพราะติดต่อไม่ได้


โดย คุณป้านกน้อย เล่าว่า น้ำฝนเพิ่งมาทำงานได้เพียง 1 ชั่วโมง เท่านั้น ก็เกิดเหตุ โดยญาติได้มาส่งตอนประมาณ 14:00 น. เข้าไปทำงาน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว และมารู้ว่าเป็นโรงงานพลุระเบิด


ครั้งแรกก็ไม่คิดว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากมายขนาดนี้ แต่พอมารู้ก็เสียใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าหลานของตนเองจะต้องมาเสียชีวิตในสภาพแบบนี้


และไม่รู้ว่าตอนนี้สภาพศพเป็นอย่างไร อยากขอให้เจอศพหลานเร็ว ๆ ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน ก็จะนำกลับไปบำเพ็ญกุศล


แต่...ในความเป็นจริงแล้ว คุณน้ำฝน เกิดนอก รอดชีวิต


โดย นางน้ำฝน บุญกล่อม อายุ 46 ปี ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ที่ทำงานอยู่โรงงานพลุดังกล่าว ได้เปิดใจกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า


เหตุการณ์เกิดขึ้น ในเวลา ประมาณ 15:00 น. ตอนนั้นตนเองก็ทำงานตามปกติ แล้วลูกชายโทรมาหาเพื่อมาขอเงิน ให้ไปจ่ายสินค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์ ซึ่งตามปกติลูกชายจะให้คนส่งของมารับเงินกับแม่ที่โรงงานพลุ


แต่ครั้งนี้ ลูกชายไม่รู้เกิดอะไรขึ้น กลับไม่ยอม และขอให้แม่กลับมาบ้าน เพื่อที่จะจ่ายเงินคนส่งของ โดยโทรมาหาแม่หลายครั้ง จนทำให้เพื่อนๆ ที่อยู่แผนกทำพลุด้วยกันบอกว่า "ให้ออกไปหาลูก"



คุณน้ำฝนจึงขี่รถออกจากโรงงาน และกลับไปหาลูกที่บ้าน หลังจากนั้น ประมาณ 20 นาที โรงงานพลุก็ระเบิดขึ้น พอข่าวระเบิดออกมา ลูกชายอีกคนก็โทรมาหาว่าแม่อยู่ที่โรงงานหรือไม่ ตนบอกไม่ได้อยู่ และอยู่ที่บ้าน ลูกชายก็ร้องไห้ทันที


ผู้สื่อข่าวสอบถามคุณน้ำฝนว่า เป็นคนเดียวใช่หรือไม่ ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้

คุณน้ำฝน ตอบว่า ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนในโรงงานก็ไม่มีใครรอดเลย แม้กระทั่งแม่ของตนเอง และน้าสะใภ้ ก็เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย


ยอมรับว่า ตกใจเหมือนกันกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งตนเองทำงานที่โรงงานพลุมากกว่า 16 ปี ซึ่งตอนระเบิดรอบแรกปี 2565 ตนเองก็รอดชีวิตมาได้ มาปีนี้ ตนก็รอดชีวิตมาได้อีก หลังจากนี้ คงจะไม่ทำงานโรงงานพลุอีกแล้ว


สำหรับคุณน้ำฝนนั้น นอกจากตนเองจะรอดชีวิตแล้ว แต่ยังมีคุณแม่ และน้าสะใภ้ทำงานอยู่ในโรงงานเสียชีวิต


โดยคุณน้ำฝนถึงกับน้ำตาซึม เมื่อพูดถึงคุณแม่ โดยเล่าว่า ในขณะที่ทำงานในโรงงานก็ไม่ค่อยมีเวลาได้คุยกัน ต่างคนต่างทำงาน พอเลิกงานก็กลับบ้านใครบ้านมัน


แต่มีช่วงนึงที่ผ่านมา ตนเองยืมเงินแม่มา 4,000 บาท และเพิ่งนำมาคืนเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนจะเกิดเหตุ เหมือนเป็นลางว่านำเงินมาให้แม่ แล้วแม่ก็จากไป


ตอนนี้ ตนเองรู้สึกแย่มาก และไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อน ๆ วิ่งเข้ามากอดดีใจที่ตนรอดชีวิต แต่ในใจตนเองนั้นเสียใจ เสียใจที่แม่ และน้าสะใภ้ ต้องจากไปโดยไม่ทันได้ร่ำลา

------------

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Rin Abu Narinthoin Panting ได้ไลฟ์เหตุการณ์


ซึ่งพบว่า คลิปดังกล่าวยังได้ยินเสียงพลุดังอยู่เป็นระยะ ๆ โดยชาวบ้านได้ถ่ายรอบ ๆ ซึ่งไกลจากที่เกิดเหตุนับร้อยเมตร พบหินที่เป็นกำแพงบ้าน และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ กระเด็นอยู่เต็มท้องนา


ซึ่งชาวบ้านบอกว่า ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะเสียงระเบิดยังคงดังอยู่ ต้องรอเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วย และยังบอกอีกว่า แบบนี้ตายหมดแน่


ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตกใจของชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยชาวบ้านบอกว่า ไม่มีใครออกมาจากโรงงานเลย 10 กว่าคนอยู่ในนั้นหมดเลย


ต่อมาพบว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยเริ่มเข้าพื้นที่ พบว่า ร่างกระเด็นออกมาจากโรงงานถึงกว่า 50 เมตร

------------

ขณะที่ มีภาพนาทีที่ญาติผู้เสียชีวิตมาดูที่เกิดเหตุ ต่างพากันร้องไห้ระงม


โดยบางคนโทรศัพท์แจ้งกับครอบครัวทั้งน้ำตา โดยระบุว่า "ไม่มีใครออกมาเลยพี่ ไม่มีเลยพี่เอ้ย" พร้อมกับร่ำไห้ออกมาอย่างหนัก


ขณะที่ ญาติของผู้เสียชีวิตอีกราย ก็ได้โทรศัพท์แจ้งครอบครัวเช่นกัน โดยบอกว่า "ไม่เหลือ ไม่เหลือเลย"

------------

ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า


โรงงานแห่งนี้มีคนงานประมาณ 20 กว่าคน เป็นชาวบ้าน หมู่ 2 // หมู่ 3 และ หมู่ 10 เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเสียชีวิตทั้งหมด โดยชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิตได้กระเด็นทั่วบริเวณรอบโรงงาน แม้กระทั่งในทุ่งนาก็เต็มไปด้วยเศษซากชิ้นส่วนของมนุษย์  และซากของโรงงาน


ขณะที่ ชาวบ้านอีกราย เล่าว่า


ขณะเกิดเหตุ มีเสียงดังรุนแรงมาก โดยบ้านตนอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. ได้ยินเสียงดังจนหน้าอกสะเทือน


ตนจึงรีบมาที่เกิดเหตุ โดยคนงานมีอยู่กว่า 20 คน ไม่เห็นใครออกมาสักคน โดยมีเจ้าของโรงงานที่เป็นผู้ชายออกไปทำธุระพอดี จึงรอดมาได้ แต่ภรรยากับลูกอยู่ในโรงงาน

------------
หลังเกิดเหตุทาง นายสุริยา วัชระพิมลมิตร  เจ้าของโรงงาน ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ โดยกล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่อยู่ที่โรงงาน ออกไปส่งพลุ ยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้น ไม่ทราบจริง ๆ ว่าเกิดจากอะไร


ต่อมา นายสุริยา ได้เปิดเผยอีกครั้ง โดยระบุว่า


คนงานที่มาทำงานเป็นแรงงานแบบเหมา ซึ่งบางวันมา บางวันก็ไม่มา เลยไม่รู้ว่าแต่ละวัน มีแรงงานกี่คน เพราะส่วนมากก็เป็นคนทำนา วางเว้นจากการทำนา ก็มาทำ เริ่มงานประมาณ 7 โมง เลิกงานก็ประมาณ 17.00 - 18.00 น. แล้วแต่บางวัน


ตอนนี้ ตนพูดอะไรไม่ออกเลย พอเห็นในสภาพนี้ มันตันไปหมดเลย ก็เป็นกำลังใจให้กับทุกคน แม้แต่ตนเองก็ต้องมีกำลังใจเหมือนกัน


ตอนนี้ ก็ได้พวกน้อง ๆ มาช่วย และก็มีลูกสาวอยู่บ้าน หลังจากนี้ ก็น่าจะยุติการทำพลุทั้งหมด เพราะภรรยาตนก็เสียไปแล้ว มันไม่มีคู่คิดอะไรแล้ว ตนมีลูกอีก 3 คน ที่ต้องดูแลอยู่


ในวันนี้ มันเกิดอะไรขึ้นเราไม่รู้เลย เราไม่รู้เลยว่าเหตุเกิดจากอะไร เราไม่ทราบอะไรเลย แล้วตนก็ยังไม่พร้อมที่จะเข้ามาโรงงานวันนี้

------------

นายธนวุฒิ บุญมา สามีของ น.ส.สุชาดา พันธุ์เผือก หนึ่งในคนงานผู้เสียชีวิต กล่าวว่า


เมียเข้าไปทำงานที่โรงงานพลุมา 2-3 ปี แล้ว ตอนระเบิดครั้งที่แล้ววิ่งหนีทัน วันนี้ภรรยาออกจากบ้านมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า โดยเขาจ้างเป็นงานเหมา ทำมากก็จะได้มาก โดยได้เฉลี่ยประมาณวันละ 300 - 400 บาท ตนมีลูกสามคน อายุ 20 ปี // 7 ปี และ 2 ขวบ


ตอนที่ที่เกิดเหตุ ตนรับจ้างทำงานอยู่อีกที่ ซึ่งตอนนี้ ยังไม่รู้จะทำยังไง


นายสมเกียรติ สวยค้าข้าว น้องชายคนงานที่ทำงานในโรงงาน กล่าวว่า


พี่ชาย กับพี่สะใภ้ มาทำงานอยู่ที่โรงงานนี้นานแล้ว ตอนนี้ ยังไม่เจอ แต่คิดว่าอยู่ในนี้


ทั้งนี้ ตนเคยเตือนพี่แล้วแต่เขาไม่ฟัง บอกเขาไม่ต้องมาทำ แต่เขาก็มาทำ เพราะอยากมีเงิน ครั้งที่แล้วที่เกิดเหตุเขาก็รอดไปทีนึงแล้ว เวลาก่อนเกิดเหตุ ทำไมพวกตัวใหญ่ ๆ ไม่มาทำพิธีก่อน พอตายแล้วมา ศพก็นอนรอ 3-4 ชั่วโมง ยังไม่ได้เก็บ ทางญาติก็อยากจะรู้ เพราะเฝ้ารอนานแล้ว พี่ชื่อนายโสพล กับ นางรำไพ ตอนนี้อยากจะให้เอาศพออกมาไว ๆ เพราะว่าจะได้รู้ว่าเขาตายแล้วแน่นอน
------------

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 โรงงานแห่งนี้เคยเกิดเหตุระเบิดมาแล้ว 1 ครั้ง สภาพที่เกิดเหตุหลังคาตัวอาคารพังเสียหาย มีเศษซากเหล็ก และหลังคาโรงงานหล่นลงมา มีรถจักรยานยนต์เสียหาย 5 คัน มีชิ้นส่วนลูกบอลไล่นกกระจายเต็มพื้นที่ พบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกไฟคลอกตามร่างกาย 3 ราย ถูกไฟลวกตามตัวอาการสาหัสทั้ง 3 คน และยังพบผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายบัวลอย บุญประเสริฐ 53 ปี สภาพถูกไฟคลอกทั้งร่างไหม้เกรียม


โดยในครั้งนั้น ขณะก่อนเกิดเหตุ มีคนงานกว่า 10 คน กำลังทำงานอยู่ จากนั้น มีกลุ่มควันจากกองถ่านลอยขึ้นมา ด้านนายธารา (ลูกเจ้าของโรงงาน) เห็นประกายไฟ ได้รีบเอาถังดับเพลิงไปฉีด ทำให้สะเก็ดไฟจากกองถ่านกระเด็นไปถูกกองดินปืน


จากนั้น นายบัวลอย (คนตาย) ได้พยายามวิ่งเอาน้ำไปดับ ซึ่งคาดว่า ผู้ตายคิดว่าไฟดับแล้ว จึงได้หันหลังกลับไปเพื่อเดินไปขยับจักรยานยนต์ ปรากฏว่า เกิดเปลวเพลิงลุกขึ้นอีกครั้งที่กองกองดินปืน ทำให้เกิดเกิดระเบิดขึ้นมา จนแรงระเบิดทำให้ไฟลามไปที่ตัวนายบัวลอยอย่างจัง จนต้องทิ้งรถ และวิ่งหนี แต่ไปล้มลง และเสียชีวิตจากการถูกไฟคลอก และผลจากการระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน จากการถูกไฟลวก


จากนั้น คนงานคนอื่นเมื่อได้ยินเสียระเบิด ต่างวิ่งหนีตายออกมา บางคนวิ่งหนีลงคูน้ำ ส่วนคนตายถูกไฟคลอกวิ่งออกมา กระทั่งทนพิษบาดแผลไม่ไหว ล้มลงเสียชีวิต

--------------





คุณอาจสนใจ

Related News