อาชญากรรม

ฟังจากปาก 'ลุงเปี๊ยก' รับสารภาพเพราะเมา ยันแต่งเรื่องขึ้นเองให้มันจบ 'บิ๊กโจ๊ก' จ่อฟันตำรวจชี้นำข่มขู่

โดย nattachat_c

17 ม.ค. 2567

56 views

บิ๊กโจ๊กลงพื้นที่สระแก้ว นั่งหัวโต๊ะดูคดีป้าบัวผัน หลังกัน จอมพลัง พาญาติเข้าพบ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ลั่นไม่ปกป้อง หากตำรวจทำผิด ย้ำลุงเปี๊ยกปลอดภัยดี แต่หากพบให้การเท็จ จะต้องถูกดำเนินคดี รอฟันตำรวจชี้นำข่มขู่ เห็นด้วยกับ ผบ.ตร.ลดอายุอาชญากรเด็ก แต่มองว่าเป็นมาตรการระยะยาว

ด้านลุงเปี๊ยกระบุ ปมรับสารภาพก่อนหน้านี้ รับสร้างเรื่องขึ้นมาเพราะเสียใจที่เมียเสียชีวิต และถูกชาวบ้านหาว่าเป็นคนฆ่าเมีย

วานนี้ (16 ม.ค. 67) เวลา 16.00 น. นายปัญญา คงแสนคำ (ลุงเปี๊ยก) อายุ 54 ปี สามีของ นางบัวผัน ตันสุ (ป้ากบ) หญิงสติไม่สมประกอบ ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่น 5 คน ก๊วนลูกตำรวจ รองสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ รุมทำร้ายเสียชีวิต ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธร จังหวัดสระแก้ว ภายหลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 67 เพื่อรอพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.


โดย นายปัญญา เข้าไปนั่งภายในห้องชุดปฏิบัติการสืบสวน ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธร จังหวัดสระแก้ว เจ้าตัวนั่งนิ่ง ใส่เสื้อแขนยาวสีเทาลายเขียว ใส่หน้ากากอนามัย โดยนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ภายในห้องดังกล่าว บางช่วงหันหน้าผ่านกระจกออกมามองนักข่าว ที่กำลังถ่ายภาพอยู่บริเวณด้านนอก


ต่อมา นางลมุล ศรีประเสริฐ อายุ 64 ปี พี่สะใภ้ของนายปัญญา เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธร จังหวัดสระแก้ว ระหว่างนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามพี่สะใภ้ของนายปัญญา เพราะเป็นญาติที่ตำรวจพาไปส่งบ้านแถว ๆ สำนักสงฆ์บ้านปากฮ่อง ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ


นักข่าวถามว่า ลุงเปี๊ยกได้ไปที่บ้านมั้ย แล้วลุงเปี๊ยกได้พูดอะไรบ้างรึเปล่า

พี่สะใภ้ ตอบแค่ว่า ‘ไม่ ๆ ไม่มี’


นักข่าวถามว่า ได้ถามลุงเปี๊ยกมั้ยว่า ทำไมถึงรับสารภาพ

พี่สะใภ้ บอกว่า ไม่รู้เลยเรื่องของเขา ตอนนี้ ไม่มีปัญหาอะไร และเจ้าตัวเขาไม่สะดวกที่จะพูดคุย และให้ข้อมูลใด ๆ


จากนั้น พี่สะใภ้ของลุงเปี๊ยกก็โทรศัพท์ติดต่อใครสักคน แล้วก็เดินมาที่ห้องด้านหลังตึกของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพาเข้าไปด้านในห้อง ซึ่งนักข่าวถ่ายภาพส่องเข้าไปเจอลุงเปี๊ยกที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

-------------

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 ม.ค. 67) ลุงเปี๊ยกเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่คนละชุดกับวันที่ปล่อยตัวจากเรือนจำ โดยใส่เสื้อแขนยาวสีขาวลายเขียว ใส่แมสก์ นั่งอยู่บนเก้าอี้ สักพักหนึ่ง ตำรวจก็นำตัวพี่สะใภ้กับลุงเปี๊ยก ขยับเข้าไปสอบถามพูดคุยอีกห้องหนึ่ง


จากนั้น เจ้าหน้าที่ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสระแก้ว และ เจ้าหน้าที่ยุติธรรม จังหวัดสระแก้ว ก็เดินทางมาถึง และเข้าไปภายในห้องที่ลุงเปี๊ยกและพี่สะใภ้ของลุงเปี๊ยกอยู่ โดยยังไม่มีใครให้ข้อมูลใด ๆ มีเพียงตำรวจมาบอกว่า รอ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. มาถึงทีเดียว


ทั้งนี้ ก่อนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเดินทางมายัง บก.ภ.จว.สระแก้ว เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี

ลุงเปี๊ยกได้เข้ามาพูดคุยกับตำรวจอีกครั้ง พร้อมเผยสาเหตุที่รับสารภาพในตอนแรกว่า เป็นคนลงมือฆ่าป้าบัวผัน ว่า “ที่รับสารภาพไป เพราะผมเสียใจที่แฟนผมเสียชีวิต แล้วชาวบ้านก็หาว่าผมฆ่าเมียผมเอง ผมเลยตัดปัญหาให้มันจบไปซะเลย แล้วผมก็เลยมาสร้างเรื่อง แต่งเรื่องขึ้นมาเอง”


เมื่อตำรวจถามว่า ตอนนั้น ดื่มเหล้าหรือไม่

ลุงเปี๊ยก กล่าวว่า “ตอนนั้น ผมกินกั๊กนึงตอนเช้า กินมาตั้งแต่อายุ 17 ปีแล้ว”

-------------

วานนี้ (16 ม.ค. 67) ทีมข่าวไปสอบถามรายละเอียดทางคดีกับ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผู้กำกับการ สภ.อรัญประเทศ ว่า ตกลงแล้ว การทำคดีป้ากบ ที่ถูก 5 เยาวชน ทำร้าย และนำไปโยนทิ้งน้ำจนเสียชีวิต เป็นอย่างไรกันแน่


ซึ่งผู้กำกับฯ ยืนยันว่า ตำรวจได้กล้องวงจรปิด และพบเห็นกลุ่มเยาวชนที่รุมทำร้ายป้ากบ ก่อนที่นักข่าวจะเผยแพร่ข้อมูล


แล้วก็ไล่เรียงการทำคดีว่า หลังจากฝากขังลุงเปี๊ยกไปในช่วงเที่ยง ชุดสืบสวนก็ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด และเห็นการกระทำของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 คน ในเวลา 12.41 น. ที่น่าเชื่อได้ว่า กลุ่มวัยรุ่นกระทำผิด และเป็นเหตุให้ป้ากบถึงแก่ความตาย และจากการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมก็พบว่า ลุงเปี๊ยกไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ


ซึ่งตอนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ได้เร็วที่สุด เพื่อคืนเสรีภาพให้กับลุงเปี๊ยกอย่างรวดเร็ว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้ชัด


จนกระทั่งพบว่า กลุ่มคนร้ายมี 5 คน และพิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นใคร จึงได้ไปเชิญตัวมาอย่างรวดเร็ว ประมาณบ่าย 3 โมงเศษ ๆ ของวันที่ 13 ม.ค. พร้อมกับตรวจยึดจักรยานยนต์มาทั้ง 2 คัน เป็นคันที่ใช้ก่อเหตุ และได้เชิญตัวของผู้ปกครองทั้ง 5 คนมาร่วมสอบ โดยในการสอบปากคำ เด็กให้การรับสารภาพอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีใครบังคับ


ส่วนกรณีที่ ทำไมลุงเปี๊ยกถึงเข้ามารับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุนั้น

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ระบุว่า หลังรับแจ้งเหตุ ตำรวจก็เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านทุกคนต่างรู้ว่า ลุงเปี๊ยกมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา และมักจะดื่มสุราร่วมกับป้ากบเป็นประจำ และเวลาดื่มก็จะลงไม้ลงมือทำร้ายป้ากบ เป็นประจำ


ประกอบกับป้ากบไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ใด ชาวบ้านทุกคนจะให้เงินหรือให้อาหาร จึงทำให้รู้ว่าคู่กรณีมีแค่ลุงเปี๊ยก จึงเป็นที่มีว่า ทำไมถึงเชิญลุงเปี๊ยกมาซักถามปากคำ


ซึ่งขณะตรวจสอบที่เกิดเหตุ ลุงเปี๊ยกก็มาดูที่เกิดเหตุด้วย และชาวบ้านก็ช่วยกันสังเกตุว่า มีอะไรผิดปกติ มีหลักฐานอะไรที่เป็นข้อบ่งชี้บ้าง


โดยตอนเชิญลุงเปี๊ยกมาซักถาม ลุงเปี๊ยกก็แบ่งรับแบ่งสู้ แต่บางข้อเท็จจริงก็ไม่ตรงซะทีเดียว บางทีก็ชี้จุดโน้นชี้จุดนี้ เป็นเหตุผลที่นำตัวลุงเปี๊ยกชี้จุดเกิดเหตุ เพราะต้องการพิสูจน์ทราบคำพูดว่า เป็นความจริงหรือไม่ และยืนยันได้ว่า คำให้การของลุงเปี๊ยกในการรับสารภาพตอนแรก และการชี้จุด ไม่ตรงกับคำให้การของกลุ่มวัยรุ่น


เมื่อถามถึง สาเหตุของการแจ้งข้อกล่าวหา

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ระบุว่า เพราะลุงเปี๊ยกมารับสารภาพ รวมถึงพบร่องรอยของเลือดบริเวณขากางเกงของลุงเปี๊ยกจำนวน 2 จุด โดย พฐ.ได้ตรวจสอบพิสูจน์เบื้องต้นพบว่าเป็นเลือดของมนุษย์ แต่ยังไม่ทราบว่าเลือดของผู้ใด ประกอบกับความสัมพันธ์ทางครอบครัว และการสอบพยานบุคคล ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าบริเวณที่ป้ากบ อาศัยนอน และนายจ้างที่ป้ากบเป็นลูกจ้าง


ทั้งนี้ การแจ้งข้อกล่าวหากระทำในช่วงวันที่ศาลเปิดแค่ครึ่งวัน ทำให้การทำงานของตำรวจคือ แจ้งข้อหา 10 โมง พยานหลักฐานเชื่อว่ากระทำผิด ประกอบกับลุงเปี๊ยกไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง การตามตัวก็อาจจะยาก จึงต้องเห็นใจตำรวจด้วยเพราะกระบวนการยุติธรรมต้องขอขัง เนื่องจากเคสนี้ ไม่ได้เป็นการจับตัว แต่เป็นการรับมอบตัว


และหลังจากส่งฝากขังลุงเปี๊ยกไปแล้ว ต้องมีกระบวนการพิสูจน์คำพูดของลุงเปี๊ยก ตำรวจจึงต้องพิสูจน์ทราบต่อ โดยการไล่กล้องวงจรปิด ว่าตรงตามที่ให้การหรือไม่ จนไปพบข้อเท็จจริง ซึ่งได้กล้องวงจรปิดมาในเวลา 12.41 น. ของวันที่ 13 ม.ค. ซึ่งในเวลานั้น ศาลรับหมายขังไปแล้วตั้งแต่ 12.00 น.


ดังนั้น จึงต้องพิสูจน์ทราบว่า ลุงเปี๊ยกมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ หากไม่มีส่วนร่วม ก็จะถอนหมายขัง โดยการยื่นหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลถอนหมายขัง ขอปล่อยตัว


จากนั้น ได้ทำการพิสูจน์ทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นได้กระทำผิดอย่างไร จึงได้ตัวกลุ่มวัยรุ่นมาในวันเดียวกัน


กรณีที่สื่อไปให้ข่าวว่าตำรวจไปเข้าข้างไปอะไร

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ กล่าวว่า ผมยืนยันได้ว่าไม่ใช่ เพราะตำรวจก็เพิ่งรู้ ไม่ได้ปกปิด หากไปดูไทม์ไลน์ เราไปดูที่เกิดเหตุช่วงบ่ายแล้ว และกว่าจะเก็บพยานหลักฐานไดั ยืนยันว่าไม่ได้ปกปิด”


ส่วนกรณีที่ว่า ขณะที่นำตัวลุงเปี๊ยกไปชี้จุดทำแผนนั้น ตำรวจมีการชี้นำหรือไม่

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีการชี้นำ และวันนั้น ในการทำแผน ตำรวจได้ปล่อยให้ลุงเปี๊ยกอธิบาย เพียงแค่ถามว่า ‘แล้วยังไงต่อ เปี๊ยกแล้วยังไงต่อ’ ไม่มีการถามว่าใช่หรือไม่ และลุงเปี๊ยกเขาก็มีการสาธิตด้วย


โดยการไปทำแผนมีทั้งหมด 4 จุด คือ


จุดที่ 1

มุมข้างโรงพยาบาลตรงเสาไฟ


จุดที่ 2  

ที่ลุงเปี๊ยกให้การว่าลงมือทำร้าย และทุบ


จุดที่ 3

คือจุดที่แบกศพด้วยตนเอง แล้วไปยืนอยู่กลางสนามเพื่อพัก โดยไม่ได้วางศพ


จุดที่ 4

คือบริเวณสระน้ำข้างโรงเรียน เขาให้การว่า วางพาดร่างป้ากบกับโคนต้นไม้ แล้วไปหยิบไม้บริเวณนั้นมาตี 1 ครั้ง แล้วอุ้มตัวป้ากบโยนลงไปในน้ำ ไม่ได้มีการลงไปกดน้ำ


นี่เป็นคำให้การของลุงเปี๊ยก ซึ่งยืนยันย้ำว่า คำให้การของลุงเปี๊ยกไม่ได้ตรงกับคำให้การของกลุ่มวัยรุ่น


ส่วนเลือดที่เปื้อนเสื้อ ลุงเปี๊ยกให้การว่าเอาไปทิ้งถังขยะ

จึงต้องไปพิสูจน์ทราบจุดที่เทศบาลเก็บขยะไปรวมทิ้งไว้ ครั้งแรกไม่พบ เพราะมีการรวมขยะไว้ วันรุ่งขึ้น จึงไปหาอีกครั้ง


เมื่อถามว่า คำให้การของลุงเปี๊ยก ดูมีพิรุธตรงไหนบ้างนั้น

ผู้กำกับการ สภ.อรัญประเทศ บอกว่า ส่วนหนึ่งลุงเขาพูดจาเหมือนมีกลิ่นเหล้าตลอดเวลา พูดเหมือนไม่อยู่กับร่องกับรอย และพอซักถามไปซักถามมา ลุงก็รับว่าทำเอง พูดโดยไม่มีข้อสงสัย แต่ขณะนั้น ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อซะทีเดียว โดยช่วงแรกตำรวจได้แบ่งหน้าที่กันทำ


ตำรวจส่วนหนึ่งไปไล่กล้อง ตำรวจส่วนหนึ่งไปซักถามปากคำในที่เกิดเหตุ


และจุดที่มีการไล่กล้อง ไล่กล้องช่วงที่แพทย์ระบุว่า น่าจะเสียชีวิตมา 8-12 ชั่วโมง ซึ่งทำให้พบว่า ไม่สอดคล้องกับที่ลุงเปี๊ยกพูด จนตำรวจได่ไล่กล้องย้อนกลับไปอีก 1 วัน ทำให้เจอพยานหลักฐานกลุ่มที่กระทำความผิดจริง ๆ


ส่วนประเด็นว่า รองสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ที่เป็นพ่อของผู้ก่อเหตุ เป็นเจ้าของคดีหรือไม่นั้น

ผู้กำกับ สภ.อรัญประเทศ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็น และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี รวมถึงวันที่ทำแผน ไม่ได้มาร่วมในการทำแผน เพราะตนเองไปควบคุมการปฏิบัติอยู่ตลอด


ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าจับแพะ เพื่อช่วยเหลือลูกตำรวจหรือไม่

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ระบุว่า “ขอยืนยันด้วยเกียรติว่า ตำรวจตั้งใจทำงานจริง ๆ และส่วนตัวผม ถ้าดูตามประวัติ เพิ่งมารับตำแหน่งที่นี่ยังไม่ถึงเดือน ผมไม่รู้ว่าใครนิสัยยังไง จะมาบอกว่าเตรียมการช่วยเหลือเป็นอย่างดี ผมว่ามันไม่ใช่”


ส่วน ณ วันที่ไปจับตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คนมา ทราบหรือไม่ว่า เป็นลูกของตำรวจ

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ระบุว่า “ในตอนแรกยังไม่รู้ จนกระทั่งไปสืบลึกลงไปว่าเป็นกลุ่มไหน จึงได้รู้ ซึ่งยิ่งเป็นลูกตำรวจ เรายิ่งต้องทำให้ตรงไปตรงมา เพราะกลัวสิ่งที่เป็นคำครหาว่าเป็นลูกตำรวจนี่แหละ ผมกล้ายืนยันว่า สิ่งที่เราตั้งใจทำ ทำแล้วถูกสังคมตีตราว่าเป็นลูกตำรวจ ผมยิ่งไม่ยอมใหญ่ จึงขอให้เข้าใจ”


ส่วนกรณีที่ หลังปล่อยตัวลุงเปี๊ยก ทำไมตำรวจจึงต้องคุมตัวไว้

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ระบุว่า เมื่อรู้ว่ากระแสสังคมจับจ้อง ต้องทำให้บริสุทธิ์ เพราะจะต้องมีคณะกรรมการมาตรวจสอบอีก หากถึงเวลาเดี๋ยวจะตามลุงไม่ได้ เพราะลุงไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีญาติที่อยู่กับลุงตลอดเวลา และผู้ว่าก็เป็นห่วง สั่งให้นายอำเภอไปดู และอำนวยความสะดวกให้ และตนเองก็รายงานนายอำเภอตลอด และหลังจากประสานงาน จะนำตัวไปสอบสุขภาพจิต แต่ก่อนจะไปตรวจสุขภาพจิต ต้องผ่านการตรวจร่างกายก่อน แต่ไม่มีแพทย์จิตเวชนอกเวลา จึงต้องส่งกลับบ้านก่อน


ซึ่งสุดท้าย พอติดต่อไปหาญาติที่สุรินทร์ ญาติบอกไม่ต้องพากลับไป ให้กลับไปอยู่บ้านญาติที่คลองน้ำใส แต่ลุงบอกไม่อยากไปหาญาติที่คลองน้ำใส และไม่อยากเจอนักข่าวแล้ว แล้วลุงเปี๊ยกให้ติดต่อนายจ้างเก่าที่เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง ตอนแรกติดต่อได้ แต่ภายหลังติดต่อไม่ได้ จึงพาไปอยู่บ้านญาติที่คลองน้ำใส


พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า ส่วนตัวยังไม่ได้พูดคุยกับรองสารวัตรสืบสวนที่เป็นพ่อของผู้ก่อเหตุ ส่วนประวัติของเยาวชนทั้ง 5 คน ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากผู้เสียหาย ที่โดนเด็กกลุ่มนี้ละเมิดทางอาญา ก็สามารถมาแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีได้

-------------

วานนี้ (16 ม.ค. 67) เวลา 19.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธร จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามคดี 5 วัยรุ่น ก๊วนลูกตำรวจ รองสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ รุมทำทำร้ายนางบัวผัน ตันสุ อายุ 47 ปี หรือป้ากบ หญิงสติไม่สมประกอบจน เสียชีวิต


ทันทีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาถึงได้เข้าไปรับฟังรายงานทางคดี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำลุงเปี๊ยก และพี่สะใภ้ ออกจากห้องชุดปฏิบัติการสืบสวน ภ.จว.สระแก้ว (ลุงเปี๊ยกมารอตั้งแต่ 9 โมง) ขึ้นไปห้องประชุมชั้น 2 เพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซักถาม


โดยระหว่างนำตัวขึ้นมา นักข่าวก็พยายามสอบถามลุงเปี๊ยก อีกครั้ง ถึงเหตุผลที่รับสารภาพ แล้วทำไมถึงเล่าเป็นฉาก ๆ ในการทำแผน แล้วที่รับสารภาพเพราะกดดันหรือไม่ แต่ลุงเปี๊ยก ไม่ตอบ

--------------

จากนั้น พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผู้กำกับการ สภ.อรัญประเทศ ได้สรุปที่มาที่ไปของการทำคดีให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับฟัง


ก่อนจะแถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดกับสื่อมวลชน โดยตำรวจได้ไล่เรียงไทม์ไลน์ การทำคดี ตั้งแต่วันที่รับแจ้งเหตุ 12 ม.ค.และวันที่ลุงเปี๊ย มารับสารภาพ จนวันที่ตรวจสอบหาพยานหลักฐานจนพบว่า มีกลุ่มเยาวชน 5 คน เป็นคนก่อเหตุ และไปตามจับกุมจนดำเนินคดี และขอศาลปล่อยตัวลุงเปี๊ยก


โดยได้เปิดหลักฐานการทำคดีของตำรวจ โดยเฉพาะแชทโทรศัพท์ของกลุ่มชุดทำคดี ที่ให้เห็นที่มาของการได้ภาพหลักฐานกล้องวงจรปิดในช่วงเที่ยง จนนำไปสู่การจับกุม 5 เยาวชน ในช่วงบ่ายสองกว่า ๆ


และยังเปิดคลิปที่ตำรวจถ่ายไว้ ช่วงหนึ่งในวันที่บันทึกการซักถามลุงเปี๊ยก ในวันแรกที่ลุงเปี๊ยกมารับสารภาพ ก่อนไปชี้จุด ซึ่งที่เปิดภาพนี้ก็เพื่อให้เห็นลักษณะอาการพูดของลุงเปี๊ยกในวันนั้นว่า ยังมีอาการคล้ายคนเมา


โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สรุปรายละเอียด ยืนยันว่า ทุกขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมาย


โดยเริ่มแรกที่มีการพบศพของป้าบัวผัน ได้ทำการสืบสวนพบว่าลุงเปี๊ยกเป็นคนคบหาดูใจกัน จึงเรียกมาสอบปากคำ ก่อนลุงเปี๊ยกให้การรับสารภาพว่า ใช้เก้าอี้ตีป้าบัวผันจนเสียชีวิต ก่อนนำไปทิ้งในสระน้ำ


ซึ่งตำรวจพบคราบเลือดที่กางเกงของลุงเปี๊ยก ก่อนให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบยืนยันว่า เป็นคราบเลือดของมนุษย์ จึงทำการแจ้งข้อกล่าวหา และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งลุงเปี๊ยกสามารถลำดับเหตุการณ์ได้ทั้งหมด ก่อนตำรวจทำการฝากขังต่อศาล


ขณะที่กระบวนการของพนักงานสอบสวน หลังฝากผู้ต้องหาต่อศาลแล้ว พบว่ายังมีพยานหลักฐานที่ต้องเพิ่มเติม เพื่อจะทำให้ศาลสั่งฟ้องดำเนินคดี จึงหาพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดใกล้เคียงจุดเกิดเหตุเพิ่ม


ก่อนไปพบวงจรปิดหน้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งแสดงภาพกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 5 คน เข้าทำร้ายร่างกายป้าบัวผัน ก่อนนำไปทิ้งในสระน้ำ จึงออกหมายเรียกวัยรุ่นทั้งหมด ที่เป็นเยาวชนอายุตั้งแต่ 13-16 ปี พร้อมผู้ปกครอง เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ลงมือฆ่าป้าบัวผัน จึงดำเนินคดีตามกฎหมาย


และจากการซักปากคำ และการใช้โทรศัพท์กับผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่า ไม่มีความเขื่อมโยงไปหาพ่อที่เป็นตำรวจ เพราะไม่มีการติดต่อหาพ่อ พอพ่อรู้สถานการณ์ก็พามามอบตัว ลุงเปี๊ยกกับพ่อที่เป็นตำรวจไม่ได้เจอกัน  


โดยเรื่องคดีไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ไม่มีตำรวจมาให้การช่วยเหลือ เพราะถ้ามีตนเองก็ไม่เลี้ยงไว้แน่นอน และวันนี้ ได้มาทำความจริงให้ปรากฎ เอาทุกส่วนมาประกอบให้เห็นแล้ว


หลังจากนี้ ต้องขยายผลเรื่องเด็ก ใครเลี้ยงลูกเป็นอันธพาล เลี้ยงไม่ดีต้องรับกรรมไป ซึ่งเรื่องคดีดูแล้วไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีตำรวจไปเกี่ยวข้อง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะนักข่าวติดต่อผู้กำกับไม่ได้ จึงทำให้ไม่มีการตอบหรือชี้แจง จนเกิดการขยายความกันใหญ่


ส่วนตัวของลุงเปี๊ยก จากนี้จะนำตัวเข้าสู่การบำบัดสุรา และจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่า เข้าข่ายเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาหรือไม่

-------------

วานนี้ (16 ม.ค. 67) ช่วงหนึ่งที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวคดี 5 วัยรุ่น รุมทำร้ายนางบัวผัน ตันสุ อายุ 47 ปี หรือป้ากบ เสียชีวิต


โดยนายปัญญา คงแสนคำ หรือลุงเปี๊ยก ได้ตอบคำถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถึงเหตุผลที่รับสารภาพว่าลุงสร้างเรื่องขึ้นมาเอง เป็นเรื่องสมมติเพราะเมา ตอนนั้นมันคิดอะไรอัตโนมัติขึ้นมา นึกไม่ออกเหมือนกันว่าสิ่งที่ทำไปผิดหรือถูก ผมไม่รู้ตัวเหมือนกัน เพราะเมาค้าง ๆอยู่ ยอมรับว่า ก็กลัวติดคุก


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถามอีกว่า มีใครเตี๊ยมให้พูดหรือไม่

ลุงเปี๊ยก ยืนยันว่า ไม่มีตำรวจมาเตรียม หรือบอกให้ตัวเองนั้นพูด  


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถามอีกว่า รู้จักตำรวจคนไหนหรือไม่

ลุงเปี๊ยก ตอบว่า ไม่รู้จักจริง ๆ


เมื่อถามว่า ทำไมถึงให้การว่าใช้เก้าอี้ตี

ลุงเปี๊ยก ตอบว่า เพราะเจ้าหน้าที่เอาโต๊ะมาตั้ง เห็นแล้วนึกได้ ผมก็นึกขึ้นมา ตั้งเรื่องขึ้นมาเอง


ถามต่อว่า ทำไมถึงตั้งเรื่องว่าตี ทำไมถึงไม่แต่งเรื่องว่า บีบคอ หรือรัดคอ

ลุงเปี๊ยก ก็ดูงง ๆ กับคำถาม แล้วตอบว่า ก็แต่งเรื่องขึ้นมา


นักข่าวถามว่า ลุงเปี๊ยกรักป้าบัวผันมั้ย

ลุงเปี๊ยก ตอบว่า รัก


ถามต่อว่า แล้วไม่เสียใจเหรอ ถ้าเขาจับคนร้ายไม่ได้

ลุงเปี๊ยก ตอบว่า เสียใจ 


ถามต่อว่า แล้วทำไมถึงไปรับสารภาพ

ลุงเปี๊ยก ตอบว่า เพราะเมา


ถามต่อว่า แล้วจะไปเคารพศพป้าไหม

ลุงเปี๊ยก บอกว่า ไม่ไป เพราะจะไปบำบัดเหล้ากับเจ้าหน้าที่ก่อน

-------------------

ด้าน นางลมุล ศรีประเสริฐ อายุ 64 ปี พี่สะใภ้ของลุงเปี๊ยก ให้ข้อมูลในห้องแถลงข่าว กับให้ข้อมูลนอกรอบกับนักข่าว ว่า


เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ มารับให้ไปโรงพัก เพื่อไปเจอกับลุงเปี๊ยก และช่วงเย็นก็ได้พาตนและลุงเปี๊ยก กลับมาส่งที่บ้าน โดยตำรวจกังวลว่าหากให้นอนในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ อาจจะถูกกลุ่มวัยรุ่นมาทำร้ายร่างกายอีกได้


เมื่อตนและลุงเปี๊ยกมาถึงบ้าน ก็ได้อาบน้ำกินข้าว และตนก็ได้เปิดข่าวให้ลุงเปี๊ยกดู


ตได้ถามลุงเปี๊ยกว่า เพราะอะไร ทำไมถึงต้องไปรับสารภาพแบบนั้น

ลุงเปี๊ยก ตอบกลับว่า ”มันงง ๆ ไม่รู้จะทำยังไง ก็รับสารภาพมันจะได้จบ“ ตนก็ได้แต่ด่ากลับว่า “ไอ้ห่า มึงไม่ได้ทำ แล้วมึงจะไปรับทำไม ถ้ากล้องวงจรปิดไม่ช่วยไว้ มึงตายแน่” ลุงเปี๊ยกบอกว่า ไม่ได้โดนขู่ให้รับสารภาพใด ๆ เลย


และขณะลุงเปี๊ยกนั่งดูข่าว ลุงเปี๊ยกก็นั่งหัวเราะ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าหัวเราะทำไม ตนมองว่าลุงเปี๊ยก น่าจะกินเหล้าจนเข้าเส้น ทำให้สติไม่ดีแล้ว


ซึ่งตอนนี้ ตนไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว เพราะลุงเปี๊ยกก็ได้รับความยุติธรรมแล้ว ไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวใด ๆ ตำรวจก็จับคนร้ายที่แท้จริงได้แล้ว ไม่ได้มองว่าลุงเปี๊ยกเป็นแพะ ตอนนี้ก็คืนอิสระภาพให้ลุงเปี๊ยกแล้ว เห็นใจตำรวจเขา


หลังแถลง นักข่าวพยายามสอบถามลุงเปี๊ยกอีกครั้งว่า มีใครบงการ หรือ ทำไมถึงไปรับสารภาพว่าก่อเหตุเอง

ลุงเปี๊ยก ไม่ตอบคำถาม อ้างว่าเมา ปวดหัว ก่อนที่จะลุก แล้วรีบขึ้นรถไปกับญาติ ๆ

------------

วานนี้ (16 ม.ค. 67) ที่สถานสีตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 เปิดเผย ระหว่างการแถลงข่าวคดีป้าบัวผัน ร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ว่า คดีนี้ไม่พบว่ามีผู้ใดบังคับขู่เข็ญ ล่อลวง หรือจูงใจเพื่อช่วยเหลือใครแต่อย่างใด


ส่วนรองสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นพ่อของหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ซึ่งมีประเด็นว่าตำรวจช่วยเหลือกันหรือไม่ โดยชุดสืบสวน สภ.อารัญประเทศ ได้มีการหาพยานหลักฐาน เพื่อมาพิสูจน์ข้อเท็จจริง ว่าลุงเปี๊ยกเป็นผู้ก่อเหตุจริงหรือไม่ จนกระทั่งพบพยานหลักฐานเป็นรูปประจักษ์ว่า ป้ากบถูกกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันก่อเหตุ โดยได้หลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ


หลังจากที่นำลุงเปี๊ยกไปฝากขังแล้วในช่วงบ่าย ชุดสืบสวน สภ.อรัญประเทศ เห็นความผิดปกติ ไม่เห็นลุงเปี๊ยกปรากฏอยู่ในภาพกล้องวงจรปิด แต่เห็นกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกัน 5 คน จักรยานยนต์ 2 คัน วนเวียนอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และพิสูจน์ทราบจนเห็นภาพวงจรปิด เด็กวัยรุ่น 5 คน ทำร้ายป้ากบ และได้ติดตามตัวในเวลา 14.50 น.


ทั้งนี้ ฝ่ายสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ได้กล้องวงจรปิด ซึ่งไม่ได้มาจากนักข่าว เจ้าหน้าที่ทำงา นและติดตามตัวได้ 4 คน จากทั้งหมด 5 คน ตั้งแต่บ่าย 2 โมง ของวันที่ 13 ม.ค. ส่วนภาพวงจรปิดที่ออกเป็นข่าวสื่อช่องหนึ่ง ออกข่าวประมาณ 2 ทุ่มเศษ แสดงให้เห็นว่าชุดสืบของอรัญประเทศติดตามตัว และได้พยานหลักฐานมาก่อน ไม่ใช่ว่าเป็นข่าวแล้ว ตำรวจถึงไปติดตามจับกุม


ส่วนประเด็นที่ว่า ตำรวจช่วยเหลือชักจูงหรือจูงใจ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. รองสารวัตรสืบฯ สภ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นพ่อของหนึ่งในเยาวชนที่ก่อเหตุ เจ้าตัวอยู่กับลูกคือนายเชน โดยรองสารวัตรสืบฯ อยู่ในไลน์กลุ่มฝ่ายสืบสวน สภ.อรัญประเทศ เห็นความเคลื่อนไหวภาพ และความคืบหน้าคดี จึงได้สอบถามนายเชนว่า ได้ไปก่อเหตุหรือไม่ นายเชน ตอบ “ใช่” เป็นหนึ่งคนร้ายที่ก่อเหตุ


จากนั้น รองสารวัตรสืบฯ คนดังกล่าว ได้โทรประสานฝ่ายสืบสวน ให้ข้อมูลกลุ่มเยาวชนที่ก่อเหตุว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน จนนำไปสู่การจับกุมกลุ่มเยาวชนได้ 4 คน มาสอบสวนที่โรงพักในเวลา 14.50 น. ของวันที่ 13 ม.ค. จากนั้นวันที่ 14 ม.ค. รองสารวัตรสืบฯ ก็พานายเชน (ลูกชาย) มามอบตัว ทั้งนี้ ไม่พบว่ามีการช่วยเหลือหรือปกป้องลูกแต่อย่างใด

----------------

วานนี้ (16 ม.ค.67) เวลา 14.30 น. ทีมข่าวได้คุยกับนางปรางค์ มลสายกุล อายุ 55 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ล่าสุด ยังคงติดใจเรื่องคดี เพราะสับสนไปหมด ฟังตำรวจชี้แจงก็ฟังไม่ขึ้น


ส่วนกรณีที่ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 บอกว่าการที่ลุงเปี๊ยกรับสารภาพ เพราะติดสุราเรื้อรังขั้นรุนแรง เลยพูดไปเรื่อยเปื่อย ตนไม่เชื่อ แม้ว่าจะมีการดื่มสุราบ้างแต่ก็หยุดดื่มเช่นกัน ไม่ใช่คนสติไม่ดีขนาดนั้น เพราะไม่ได้มีอะไรเป็นหลักประกันชัดเจน อีกอย่างลุงเปี๊ยกเป็นคนที่พูดจารู้เรื่อง


และรู้สึกงงมากที่รับสารภาพไปแบบนั้น ไม่ได้ทำแล้วรับไปทำไม รับไปเพื่ออะไร หรือมีใครให้เขารับสารภาพ


ส่วนมีคนเขียนบทให้หรือไม่ ตนไม่ทราบแต่ก็สงสัยเช่นกัน


ทั้งนี้ ขอถามว่าหากเป็นคนเมา คนพูดไม่รู้เรื่อง แต่พอถึงการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทำไมรู้เรื่องหมดทุกอย่าง


ป้าปราง เล่าต่อว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ ป้าจัดงานศพมาตั้งแต่คืนวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวานนี้ 16 ม.ค. ครอบครัวของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ยังไม่เคยแม้แต่โทรศัพท์มาแสดงความเสียใจ แสดงความช่วยเหลือ


ซึ่งป้าเองก็คอยและหวังว่าจะมาฟังสวดอภิธรรมบ้าง หรือมาพูดคุยกับเราบ้าง แต่ไม่มีเลย


ก่อนจะตัดพ้อว่า เพราะเขาเห็นว่าเราจนไง เราไม่รู้ตาสีตาสา ตนอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้น้องสาว และอยากให้มาช่วยเหลือ แสดงน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงจะจน แต่เราก็เป็นคน


พร้อมกันนี้ ป้าปราง ได้เล่าถึงลักษณะนิสัยของน้องสาวตัวเองหรือป้าบัวผัน ว่า เป็นคนอารมณ์ดี แต่บางทีก็เมา แม้จะเมา แต่ไม่เคยมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย เวลาไปตลาดก็ไปช่วยพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาด ช่วยหยิบจับเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยจัดผัก พ่อค้าแม่ค้าก็ให้ครั้งละ 20-30 บาท ก็พอได้เงินกินข้าว


ป้าปรางกล่าวทิ้งท้ายหลังจากฟังคลิปเสียงคำรับสารภาพ นาทีวางแผนฆ่าของกลุ่มผู้ก่อเหตุ บอกว่า “รู้สึกสะเทือนใจมาก รับไม่ได้กับความโหดของพวกมัน มันเหนือมนุษย์ มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว”

---------------


















คุณอาจสนใจ

Related News