อาชญากรรม

ผลชันสูตรเด็ก 2 ขวบแช่ตู้เย็น ชี้ข้าวเหนียวติดคอดับ พ่อไม่เชื่อ ยันจะแจ้งความทำร้ายย้อนหลัง

โดย passamon_a

8 ม.ค. 2567

229 views

แพทย์เผยผลชันสูตรศพเด็ก 2 ขวบ พบเมล็ดข้าวเหนียว 2 เมล็ด ในหลอดลมส่วนบน อีก 10 กว่าเมล็ด ที่บริเวณในปาก คาดเด็กกินข้าวเหนียวเกิดอาการสำลัก มีเมล็ดข้าวหลุดไปในหลอดลม ทำให้ระบบหายใจติดขัดขาดอากาศหายใจตาย พ่อไม่เชื่อข้าวเหนียวติดคอ ร่ำไห้เคาะโลงเรียกลูก ยันจะแจ้งความทำร้ายย้อนหลัง ก้อยพร้อมครอบครัวร่วมพิธีสวดอภิธรรมศพ ถูกญาติตะโกนด่าทอ ตร.เผย ปู่ไม่โดนข้อหาอุบัติเหตุ ไม่ใช่เจตนา พ่อเลี้ยงเจอฉี่ม่วง


ความคืบหน้าคดีพบร่างน้องนาย หรือ ด.ช.ธีรพงษ์ วัย 2 ขวบ เสียชีวิต พบเป็นศพอยู่ในตู้เย็น ภายในห้องนอนของนายหาญณรงค์ หรือ แบงค์ พ่อเลี้ยง และ น.ส.มาริสา หรือ ก้อย แม่เลี้ยง ที่บ้านพัก ซอย 11/2 หมู่ 4 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี


เมื่อวันที่ 7 ม.ค.67 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยผลการผ่าชันสูตรเบื้องต้นว่า สาเหตุที่ทำให้น้องนายเสียชีวิต มาจากการขาดอากาศหายใจ โดยพบเมล็ดข้าวเหนียวจำนวน 2 เมล็ด ในหลอดลมส่วนบน และอีก 10 กว่าเมล็ดในปาก คาดว่าน้องทานข้าวเหนียวไปแล้วเกิดอาการสำลัก จนมีเมล็ดข้าวหลุดไปในหลอดลม ทำให้ระบบหายใจติดขัด และขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต


นอกจากนี้ พบแผลฟกช้ำบริเวณน่องซ้าย-ขวา และแขนด้านในข้างซ้าย ซึ่งเป็นบาดแผลเก่า ไม่ได้เกี่ยวข้องถึงขั้นทำให้เสียชีวิต ซึ่งบาดแผลส่วนนี้เชื่อว่าเป็นแผลที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ หรือน้องทำเอง จึงเป็นไปได้ว่ามีบุคคลอื่นทำให้น้องเกิดบาดแผลนี้ขึ้น เนื่องจากว่าเป็นคล้ายกับการถูกจับแรง ๆ จนเกิดรอยฟกช้ำ เท่าที่ประเมินแผลดังกล่าวเกิดขึ้นมา 1 สัปดาห์ ก่อนเสียชีวิต ในส่วนของบาดแผลอื่น ๆ ภายใน ทั้งอวัยวะสำคัญ รวมทั้งระบบสมอง ไม่พบร่องรอยหรืออาการบาดเจ็บแต่อย่างใด


ขณะที่ นายนพรัตน์ พ่อของน้องนาย เดินทางมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ ย่านบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พร้อมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู โดยได้นิมนต์พระ 1 รูป พร้อมกับรูปภาพของน้องนาย มาที่บ้านหลังเกิดเหตุ และได้ขออนุญาตนายสมบุญ หรือ ปู่อู๊ด ปู่ของนายแบงค์ เข้าไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ


ในขณะที่มีการเปิดประตูเพื่อจะทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ นายนพรัตน์ ได้พูดคุยกับปู่อู๊ด โดยปู่อู๊ดบอกว่า ตลอดเวลาที่น้องนายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ได้ถูกนายแบงค์ทุบตีเป็นประจำ ซึ่งตนเองก็ได้ห้ามปราม บอกว่าสงสารเด็กอย่าไปทำเด็ก แต่นายแบงค์บอกว่าอย่ามายุ่ง และตนได้พยายามบอกให้นายแบงค์ นำตัวเด็กไปส่งคืนให้กับพ่อแม่ที่แท้จริง แต่นายแบงค์ บอกว่าอย่ามายุ่ง ส่วน น.ส.ก้อย ก็ได้ยินเสียงว่ามีการทุบตี


โดยระหว่างที่มีการพูดคุยกัน นายนพรัตน์ บอกกับปู่อู๊ดว่า ตนเองไม่เคยรับรู้เรื่องที่ลูกชายถูกนายแบงค์ทำร้ายร่างกายเลย จากนั้นนายนพรัตน์ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปเปิดประตูตู้เย็น และนำรูปภาพน้องนาย วางไว้ในตู้เย็น ก่อนจะเริ่มทำการสวดอัญเชิญดวงวิญญาณ และบังสุกุล จากนั้นพระสงฆ์ได้ปะพรมน้ำมนต์โดยรอบบริเวณบ้าน ก่อนที่พ่อของน้องนายจะออกจากบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อเดินทางไปรับศพน้องนายที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์


นายนพรัตน์ ยังได้เปิดเผยก่อนขึ้นรถเพื่อไปรับศพของลูกชาย ว่า ไม่เชื่อผลการชันสูตรว่าลูกจะกินข้าวเหนียวแล้วติดคอจนเสียชีวิต และไม่ทราบมาก่อน ว่าเพื่อนที่รับลูกไปเลี้ยงจะทำร้ายร่างกาย เพราะเท่าที่ทราบ เพื่อนก็เป็นคนดี ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ยอมรับว่าเสียใจและยังคงติดใจผลการชันสูตร ส่วนเรื่องทำร้ายร่างกายจะแจ้งความดำเนินคดีย้อนหลังแน่นอน


ขณะที่ปู่อู๊ด ได้ปั้นข้าวเหนียวขนาดหัวแม่มือโชว์ให้สื่อมวลชนดู ว่าปกติแล้วจะปั้นข้าวเหนียวขนาดประมาณนี้ให้น้องนายกินเป็นประจำ โดยตลอดระยะเวลา 3 เดือน ที่น้องนายมาอยู่ที่นี่ น้องนายชอบกินข้าวเหนียวมาก ไม่เคยมีปัญหาอะไร ซึ่งในวันที่ 2 มกราคม 2567 ช่วงเวลา 08.00 น. น้องนายได้หยิบกระติ๊บข้าวเหนียวมาวางไว้ที่ตักตน ตนจึงหยิบมาปั้นเพื่อป้อนให้ จากนั้นน้องนายได้ไปหยิบกล้วย 1 ลูก มาให้ตนอีก ตนจึงปอกกล้วยแล้วแบ่งให้น้องนายกินครึ่งลูก ก่อนที่น้องนายจะไปเล่นตามประสาเด็กต่อ


ส่วนประเด็นผลชันสูตรนั้น ปู่ของนายแบงค์ บอกว่า ตนยังไม่ทราบผลชันสูตร แต่ถ้าหากผลจะชี้มาว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากข้าวเหนียวติดคอนั้น ตนไม่เชื่อและมองว่าอาจจะเป็นเวรกรรมของตนกับน้องนาย ส่วนตัวเชื่อว่าน้องนายน่าจะถูกนายแบงค์ทำร้ายจนเสียชีวิต ที่ผ่านมาตนก็รับรู้มาตลอดว่าน้องนายถูกนายแบงค์ทำร้าย มีรอยแผล บวมช้ำตามร่างกาย ตนก็เอายาหม่องมาทาให้เป็นประจำ ตนพยายามบอกนายแบงค์ว่าให้เอาน้องนายกลับไปคืนพ่อแม่ที่แท้จริง แต่นายแบงค์ก็บอกว่า "อย่ามายุ่ง" ซึ่งตนก็ไม่กล้ายุ่ง เพราะว่ากลัวจะถูกนายแบงค์ทำร้าย พร้อมยืนยันว่าจะไม่ไปประกันตัว และไม่ไปหานายแบงค์ พร้อมทั้งขอให้นายแบงค์ได้รับกรรมในสิ่งที่ทำ ไม่ขอยุ่งเกี่ยว


ขณะที่ทางครอบครัวได้ไปรับร่างน้องนาย ก่อนนำมาตั้งสวดที่วัดไผ่เหลือง จ.นนทบุรี เพื่อสวดคืนนี้ 1 คืน บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า พ่อของน้องนาย เคาะโลงศพทั้งน้ำตา เรียกน้องนาย พร้อมพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า "พ่อนำไข่ ขนมและส้มที่หนูชอบมาให้แล้วนะลูก" พร้อมทั้งโอบกอดโลงศพด้วยความโศกเศร้าเสียใจอยู่เป็นเวลานาน พิธีจะมีการสวดอภิธรรม 1 คืน เนื่องจากศพของน้องนายเน่า มีกลิ่นเหม็น จึงไม่สามารถรดน้ำศพได้ และจะฌาปนกิจภายในวันที่ 8 ม.ค.67 เวลา 09.00 น.


ขณะที่ เวลา 17.00 น. นายสมบุญ ปู่ของแบงค์, นางยุพา ย่าของแบงค์ และ น.ส.นาริสรา น้องสาวแบงค์ เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง โดยใช้เวลาในการให้ปากคำประมาณ 20 นาที ก่อนที่ทั้ง 4 คน รวมทั้งก้อย ขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ขับรถพาไปส่งที่วัดไผ่เหลือง (พระอารามหลวง) อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อร่วมพิธีสวดอภิธรรมศพของน้องนาย ทั้ง 4 คน แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้จุดธูปไหว้น้องนาย


โดย น.ส.ก้อย แม่เลี้ยง ไปจุดธูปไหว้ร่างน้องนาย ด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย โดยไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ กับผู้สื่อข่าว ทันทีที่ฟังพระสวดอภิธรรมเสร็จ ทั้ง 4 คน เดินทางกลับออกจากวัดไปทันที แต่ระหว่างที่ทั้ง 4 คน กำลังเดินทางกลับ มีหญิงสาวรายหนึ่งคาดว่าเป็นญาติของพ่อแท้ ๆ ตะโกนต่อว่าตามหลังไป ขณะเดียวกันนายนพรัตน์ พ่อแท้ ๆ ของน้องนาย ก็พยายามเดินตามไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจาก น.ส.ก้อย แต่เดินตามไปไม่ทัน


พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการ สภ.บางบัวทอง เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหานายแบงค์ 3 ข้อหา ไม่แจ้งการตาย, ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ และเสพยาเสพติด โดยยังอยู่ระหว่างควบคุมตัวภายในห้องควบคุมผู้ต้องหาและจะนำส่งฝากขังในวันนี้ (8 ม.ค.) เวลา 10.00 น. ส่วน น.ส.ก้อย ถูกแจ้งข้อหา 2 ข้อหา คือไม่แจ้งการตาย, ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ซึ่งตำรวจได้ปล่อยตัวไปตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. เนื่องจากเจ้าตัวเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ และอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ 6 เดือน


ด้าน พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ระบุว่า คดีนี้ดำเนินคดีกับ 2 สามีภรรยา ที่รับเด็กมาเลี้ยง โดยนายหาญณรงค์ ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายด้วย สำหรับประเด็นที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ร่วมกันปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพนั้น ทั้ง 2 ให้การอ้างว่า หลังทราบว่าเด็กเสียชีวิต ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก เพราะเด็กเคยมีบาดแผลมีร่องรอยการถูกนายหาญณรงค์ กัดที่แขนและขา จึงเกรงว่าจะถูกตำรวจจับกุมในข้อหาทำร้ายเด็ก จึงได้ปล่อยศพทิ้งไว้ในห้องและเปิดแอร์ทิ้งไว้


กระทั่งในช่วงเช้าวันที่ 6 จึงได้ตัดสินใจห่อร่างเด็กแล้วนำเข้ายัดตู้เย็น เนื่องจากร่างเด็กเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่า ส่วนประเด็นที่ปู่เป็นคนให้ข้าวเหนียวเด็กไปกินนั้น เนื่องจากปู่เป็นผู้พิการทางสายตา และมีพยานยืนยันว่าเขาเลี้ยงดูรักใคร่เด็กคนนี้เป็นอย่างดี จึงไม่ได้ตั้งข้อหาใด ๆ กับปู่ เพราะเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่เจตนา แต่อย่างไรตำรวจจะยังไม่ตัดประเด็นสงสัยใด ๆ ทิ้ง หากพบว่ามีข้อสงสัยในคดีจุดไหน ก็จะสืบสวนสอบสวนความจริงที่เกิดขึ้น เพื่อตอบและอธิบายให้สังคมได้รับทราบ


พ.ต.อ.สมพล กล่าวว่า ตอนนี้เหลือแต่รอผลการชันสูตรพลิกศพอย่างเป็นทางการ และสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งพยานแวดล้อมอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่พ่อเด็กตัวจริงยังติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต ก็สามารถมาแจ้งความได้ ในข้อหาทำร้ายร่างกายเด็ก ที่ตรวจสอบพบร่องรอยจากการถูกกัด ซึ่งเป็นสิทธิที่ทำได้ และเตรียมนำตัวพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงไปฝากขังศาลจังหวัดนนทบุรีต่อไป


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/E26KteQDqsY

คุณอาจสนใจ