อาชญากรรม

รวบมือยิง 'ครูเจี๊ยบ' คาเต็นท์ดอยปุย - 'แม่น้องหยอด' ตะโกนด่า 'เป๊ปซี่' ทำเลวไม่ต้องปิดหน้า หวิดปารองเท้าใส่

โดย nattachat_c

20 ธ.ค. 2566

283 views

จากกรณี คนร้ายก่อเหตุยิง นายธนสรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ น้องหยอด อายุ 19 ปี นักเรียนมหาวิทยาลัยราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เสียชีวิต และ น.ส.ศิรดา (ขอสงวนนามสกุล) หรือ ครูเจี๊ยบ ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ถูกลูกหลงเสียชีวิต


จนนำมาสู่การติดตามจับกุมตัว 8 ผู้ต้องหา ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว และคุมตัวมาฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งศาลค้านประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด เพราะเป็นคดีร้ายแรง เกรงกลุ่มผู้ต้องหาจะหลบหนี และออกหมายจับเพิ่มอีก 3 ราย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

-------------

ล่าสุด วานนี้ (19 ธ.ค.) เวลา 07.00 น. ชุดสืบสวนนครบาล ได้ติดตามสืบสวนจนทราบว่า นายอนาวิน อายุ 20 ปี มือยิงครูเจี๊ยบ ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 1070/2566 ลงวันที่ 22 พ.ย. 2566 ซึ่งต้องหาว่า กระทำผิดฐาน...

  • ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน
  • ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในตัวเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน
  • ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด


โดย นายอนาวิน ได้หลบหนีมากบดานที่ จ.เชียงใหม่


เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบมาว่า นายอนาวิน และเพื่อนอีกคน ได้แฝงตัวมาเป็นนักท่องเที่ยว ขึ้นไปกางเต็นท์ และนอนค้างแรม ที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และได้เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ทำทีเป็นนักท่องเที่ยวไปขอกางเต็นท์นอนค้างแรม ที่บริเวณลานกางเต็นท์ดอยปุย ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. และได้พักนอนจนกระทั่งช่วงเช้าวานนี้ (19 ธ.ค. 66) เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจึงได้ติดตามไป จนรู้เป้าว่านอนอยู่ตรงจุดไหน


จากนั้น ช่วงเช้าได้ทำการปิดล้อม และเข้ารวบตัวได้คาเต็นท์ ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ และได้ควบคุมตัวไว้ พร้อมกับเพื่อนอีกคนที่ไปด้วยคือ นายกฤติ หรือชิว อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 1198/2566 ลงวันที่ 16 ธ.ค. 2566 ซึ่งต้องหาว่า กระทำความผิดฐาน ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (ซ่องโจร) ถูกจับกุมพร้อมกันด้วย


ทั้งนี้ การติดตามสืบสวนจับกุมของชุดสืบสวนตำรวจนครบาล ซึ่งทางพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ก็ไม่ทราบ เนื่องจากมีการแฝงตัวปลอมมาเป็นนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะมาถูกปิดล้อมจับกุมดังกล่าว


ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหา เข้ากรุงเทพฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ใช้เวลาสืบสวน 39 วัน ในการติดตามจับกุมมือยิง นำตัวคนร้ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม


ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการขยายผล และคุมตัวกลับมายัง กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน ซึ่งในวันนี้ (20 ธ.ค. 66) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่ง พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะเป็นผู้เดินทางมาทำการสอบสวน และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้วยตัวเอง


ขณะที่ ในส่วนของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีในคดีนี้ ยังเหลืออีก 3 ราย คือ

  • นายอับดุลเลาะ ดือราแม หรือเลาะ อายุ 28 ปี (คนขี่ จยย.)
  • และผู้ต้องหาอีก 2 ราย ที่มีการออกหมายจับเพิ่มเติม 14 หมาย เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.
  • ผู้ต้องหาใหม่รายที่ 1 เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ระดมเงินเรี่ยรายจัดหา เซฟเฮาส์ หรือที่รวมตัว
  • ผู้ต้องหาใหม่รายที่ 2 เป็นผู้ที่ทำหน้าที่จัดหาอาวุธปืน


แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดว่า จากการสืบสวนทั้ง 2 คน หลบหนีอยู่ในพื้นที่ใด แต่ยืนยันว่า ตำรวจมีข้อมูลเส้นทางหลบหนีของคนร้ายทั้งหมด เชื่อว่าจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ และยืนยันว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ที่ตำรวจมีการออกหมายจับ เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในครั้งนี้ทุกคน


ในส่วนของอาวุธปืน ยังอยู่ระหว่างการตรวจหา และสอบปากคำผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่า หากได้ตัวนายวิน ที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิงในครั้งนี้ มาทำการสอบสวนที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ก็จะได้ความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุว่า มีการนำไปทิ้ งหรือซุกซ่อนไว้ที่ใด


พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุอีกว่า ฝ่ายสืบสวนยังคงทำการขยายผลตรวจหาว่า ยังมีผู้ที่ให้ความร่วมมือในการก่อเหตุในครั้งนี้อีกหรือไม่ ซึ่งหากพบว่า มีใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ หรือสนับสนุน ในการก่อเหตุครั้งนี้ ก็จะดำเนินการออกหมายจับ และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีทั้งหมด


ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยังฝากเตือนไปถึงกลุ่มที่คิดจะก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ขอให้ดูกรณีนี้เป็นตัวอย่างว่า ตำรวจเอาจริงเอาจังในการปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย

-------------
วานนี้ (19 ธ.ค. 66) พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ในคดีร่วมกันก่อเหตุ ยิงนายธนสรณ์ หรือ น้องหยอด  อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย และ น.ส.ศิรดา หรือครูเจี๊ยบ อายุ 45 ปี ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ระดับชั้น ม.ต้น โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66


โดยบริเวณด้านหน้า สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้มีการจัดกำลังตำรวจกว่า 10 นาย ตั้งแถวรับฟังแนวทาง-ข้อปฏิบัติ ในการควบคุมสถานการณ์ และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงที่จะส่งตัวผู้ต้องหาฝากขัง โดยมีการเตรียมอาวุธปืนกระสุนยาง โล่ และไม้ง่าม เพื่อเตรียมพร้อม หากมีเหตุความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น หรืออาจจะมีกลุ่มคู่อริต่างสถาบันของผู้ต้องหา มาก่อความวุ่นวาย


ต่อมา มีกลุ่มเพื่อนและญาติของผู้ต้องหา 13 คน ทยอยเดินทางเข้ามาเยี่ยม ซึ่งจากการสังเกตพบว่า หลายคนมีลักษณะคล้ายกับเด็กนักเรียนจากสถาบันเดียวกันกับผู้ต้องหา ทั้งนี้ ทั้งหมดไม่ขอให้สัมภาษณ์ใด ๆ

-------------

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการสอบสวนผู้ต้องหา 13 ราย ได้เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งถือว่ากระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นครบถ้วนแล้ว หลังจากนี้ จะนำข้อมูลไปขยายผลเพื่อดำเนืนคดีกับผู้ต้องหารายอื่น ๆ ต่อไป โดยผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ยังคงให้การปฏิเสธ แต่บางส่วนก็ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์


ทั้งนี้ จะมีการส่งตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อฝากขัง ซึ่งได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ 10 นาย และชุดเคลื่อนที่เร็วของกองบังคับการตำรวจนครบาลอีก 20 นาย มาร่วมสนับสนุนด้วย เพื่อป้องกันเหตุตั้งแต่ที่สถานีตำรวจไปจนถึงศาล เนื่องจากในการส่งผู้ต้องหาล็อตก่อนหน้านี้ไปฝากขัง  ได้มีกลุ่มเพื่อนของผู้ต้องหามาเยี่ยม และตามไปที่ศาล ซึ่งก็ต้องมีการป้องกันไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ครั้งที่แล้ว กลุ่มเพื่อนของผู้ต้องหาก็ไม่ได้มีการสร้างความวุ่นวายอะไร


ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 13 คน พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวทั้งหมด ส่วนกรณีที่มีกลุ่มผู้เสียหายในคดีอื่น ๆ กังวลเรื่องการได้รับการประกันตัวนั้น ส่วนนี้ถือว่าเป็นดุลยพินิจของศาลด้วย ซึ่งสามารถไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมที่ศาลได้

-------------

เวลา 10.00 น. ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 13 ราย ออกมาจากห้องควบคุมผู้ต้องหา เพื่อนำตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อฝากขัง ผู้ต้องหาคนแรกที่เดินนำออกมา คือ นายชนัญชิต หรือเป๊ปซี่ (คนที่ปากแจ๋ว) มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามสื่อ


จังหวะนั้น แม่ของน้องหยอด ได้ตะโกนด่า “ทำเลวไม่ต้องปิดหน้า-ไม่ต้องอาย” และถอดรองเท้าพยายามจะตีใส่กลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเป๊ปซี่หันไปมอง แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร โดยมีตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็วคอยควบคุมสถานการณ์


ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดหรือตอบคำถามใด ๆ ก่อนที่ตำรวจจะขับรถออกไป โดยมีตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว 20 นาย ขี่จักรยานยนต์ตามประกบด้านหลังรถ เพื่อป้องกันเหตุความไม่สงบ


นางพรพิมล แม่น้องหยอด เผยว่า

วันนี้ ได้มาเฝ้าติดตามดูผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุยิงน้องหยอด-ครูเจี๊ยบ พร้อมกับจะยื่นหนังสือขอคัดค้านประกันตัว ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เนื่องจากลูกของตนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และตัวผู้ต้องหาไม่มีความสลด และสำนึกผิด กับสิ่งที่ทำลงไป


หลังจากที่น้องหยอดเสียชีวิต ที่บ้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะน้องชาย ตอนนี้มีอาการวิตกกังวล และถามถึงสาเหตุการตายของน้องหยอดทุกวันว่า เขายิงพี่หยอดทำไม ทำไมถึงต้องยิงพี่หยอด ถามแบบนี้ทุกวัน


ตนขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพราะที่ผ่านมาผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าว ได้เคยก่อเหตุ และได้รับการประกันตัว ก่อนกลับมาก่อเหตุแบบนี้อีก วันนี้ จึงจะเดินเรื่องคัดค้านประกันตัว ให้กฎหมายเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดให้ถึงที่สุด

----------------

ด้าน แม่ของเหยื่อที่เสียชีวิต ในคดียิงกลางงานแต่งงาน พื้นที่เขต สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 65 เดินทางมาขอเข้าพบ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เพื่อยื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา 13 ราย


แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เนื่องจากเหตุการณ์ ผู้ก่อเหตุบุกยิงกลางงานแต่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 65 จนทำให้ลูกชายตนเสียชีวิต หลังจากนั้น ผู้ก่อเหตุก็ถูกจับกุมตัวได้ แต่ได้รับการประกันตัวออกไป


ต่อมาทราบว่า 'เป๊ปซี่' ผู้ที่ร่วมก่อเหตุยิงลูกชายตน อยู่ในกลุ่มที่ถูกจับกุมครั้งนี้ด้วย ตนจึงรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม มองว่าหากผู้ก่อเหตุไม่ได้รับการประกันตัว ก็คงไม่มีเหตุการณ์ยิงครูเจี๊ยบ และน้องหยอด ตามมาอีก รวมไปถึงเหตุการณ์อื่น ๆ ด้วย จึงขอวอนให้ทางตำรวจพิจารณาสิ่งที่ครอบครัวผู้สูญเสียร้องขอ


ขณะที่ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวให้ความมั่นใจกับแม่ผู้เสียชีวิตว่า ทางตำรวจได้ดำเนินการคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนทั้ง 13 ราย


พร้อมแนะนำให้แม่ผู้เสียชีวิต ไปเขียนคำร้องคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลเพิ่มเติมอีกช่องทางหนึ่งด้วย และหลังจากนี้ จะยังคงดำเนินการขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ที่ร่วมก่อเหตุ ซึ่งมั่นใจว่า เป็นขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่ต้องกวาดล้างให้เด็ดขาด


หลังเข้าพบ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ แม่ของผู้เสียชีวิต เหตุยิงกลางงานแต่ง ให้สัมภาษณ์ว่า


วันนี้ ตนจะยื่นคัดค้านการประกันตัวทั้งต่อตำรวจ และต่อศาล เพื่อให้มีน้ำหนัก เพราะไม่ต้องการให้ผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัว จะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุซ้ำ ๆ อีก


ตนไม่รู้ว่าการขอประกันตัวนั้น ต้องการออกมาเพื่อสู้คดี หรือออกมาเพื่อก่อเหตุซ้ำ และผู้ต้องหาที่ตำรวจจับมา ก็เป็นผู้ต้องหาคนที่ 1 ในคดีที่ลูกชายตนเสียชีวิต


ตนอยากให้ตำรวจกวาดล้างเรื่องนี้ให้หมดไปสักที ฝากถึงสถาบันว่า หากมีเนื้อร้ายก็ต้องตัดทิ้งไม่ควรอุ้มชูไว้

-------------

ส่วนเพื่อนของผู้เสียชีวิต เหตุยิงกันงานแต่ง ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาบอกว่า

เหตุการณ์วันนั้น เจ้าบ่าวเป็นศิษย์เก่าอุเทนถวาย ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนสมัยอนุบาล ไม่ได้เรียนที่อุเทนถวายด้วย


ซึ่งวันนั้น ตนเห็นจักรยานยนต์แปลก ๆ ขี่วนไป-มาตั้งแต่เช้า พอตอนที่แขกกำลังทยอยกลับ ก็เลือกเข้ามาก่อเหตุตรงจุดที่กลุ่มเพื่อน ๆ นั่งสังสรรค์กัน ซึ่งเพื่อนที่เสียชีวิตกำลังจะกลับ แล้วออกไปยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าบ้านจึงถูกยิง และผู้ก่อเหตุก็ยังเข้ามายิงคนที่อยู่ด้านใน จนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 4 คน


ส่วน ‘เป๊ปซี่’ นั้น จากการที่ตำรวจไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า เป็นคนที่ขี่ จยย.มาดูที่เกิดเหตุ 3-4 วัน ก่อนเกิดเหตุ และตนก็คาดว่า น่าจะเป็นคนที่ลงมือยิงเองด้วย เพราะเป็นผู้ต้องหาคนที่ 1 ของคดี หลังจากตนได้เห็นพฤติกรรมของเป๊ปซี่หลังถูกจับกุม รู้สึกว่าเป๊ปซี่ไม่ได้รู้สึกผิด ยังทำตัวเหมือนเดิม


วันนี้ จึงกลัวจะได้รับการประกันตัวอีก เพราะไม่รู้ว่าจะมาก่อเหตุซ้ำอีกไหม ทุกวันนี้ตนยังรู้สึกเสียใจ ภาพเหตุการณ์วันนั้นยังติดอยู่ในใจ เพื่อนหลายคนต้องมาโดนยิง ทั้งที่ไม่ได้มีใครเกี่ยวข้อง ไม่ได้เรียนสถาบันคู่ขัดแย้งเลย เชื่อว่าคนก่อเหตุมายิงเพียงแค่เพราะว่าต้องการทำแต้ม

-------------

วานนี้ (19 ธ.ค. 66) พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังครั้งแรก ผู้ต้องหา 1 ราย คดีหมายเลขดำ ฝ.771/2566 ข้อหาความผิดต่อชีวิต สนับสนุนร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)


โดยผู้ต้องหา ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวชั้นฝากขัง ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง หากปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาอาจหลบหนี หรือ ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ยกคำร้อง


และสำนวนคดีหมายเลขดำ ฝ.773/2566 ที่ขอฝากขังผู้ต้องหารวม 11 คน ข้อหาซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 วรรคสอง ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแล้ว เห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง หากปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาอาจหลบหนี ให้ยกคำร้องเช่นกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม ไม่มีชื่อของผู้ต้องหาหญิงอีก 1 ราย คือ น.ส.อัญญารัตน์ มาขอฝากขังแต่อย่างใด

-------------



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/AhN5T-nyfpY



คุณอาจสนใจ

Related News