"ผู้การเต่า" ยันไม่มีใครทำร้าย-กดดัน "ผู้กำกับเบิ้ม" หลัง "วิโรจน์" ยื่นรื้อสอบคดี

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) และรักษาราชการผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) ชี้แจงในประเด็นเรื่องที่นายวิโรจน์ ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมผู้กำกับการเบิ้ม จึงต้องหลบหนีทางช่องทางหนีไฟ ว่าสิ่งนี่ตนเองไม่สามารถตอบได้ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ และทราบคือบ่าย 3 โมงของวันนั้น ผู้กำกับเบิ้ม ได้มานั่งคุยกับตนเอง ก็เห็นได้ชัดว่ามีอาการเครียดอย่างมาก เพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปให้การกับพนักงานสอบสวน ซึ่งผู้กำกับเบิ้ม รู้สึกไม่สบายใจ รวมถึงกรณีที่พาสารวัตรศิว ไปเสียชีวิต แต่พอพูดคุยกันอารมณ์เริ่มผ่อนคลายขึ้น จึงให้เก็บโทรศัพท์ และให้เพื่อนตำรวจพาไปพักผ่อนดูแลอย่างดี โดยทราบว่า ก่อนหน้านั้นก็ได้มีการไปรับประทานอาหาร และมีการนัดหมายช่วงเช้าเวลา 9 โมงของวันรุ่งขึ้น

แต่พอวันเกิดเหตุ เพื่อนตำรวจไปรับ ผู้กำกับเบิ้มกลับไม่อยู่ห้อง จึงไปขอดูกล้องวงจรปิด ก็พบว่าออกจากโรงแรมไป ตรงนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มีการชี้แจงไปส่วนนึงแล้ว ตามพยานหลักฐานและข้อมูลก็มีความชัดเจน โดยยืนยันว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

ส่วนสิ่งที่นายวิโรจน์ ต้องการให้มีการสืบสวนว่า ก่อนเกิดเหตุการฆ่าตัวตาย มีการถูกทรมาน ย่ำยีศักดิ์ศรี หรือทารุณทางด้านจิตใจหรือไม่ ที่เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีใครทรมานผู้กำกับเบิ้ม แต่ผู้กำกับเบิ้ม มีความเครียดกับประเด็นทั้งสองเรื่อง ยืนยันไม่มีใครไปทำร้าย ไปข่มขู่ หรือกักขังหน่วงเหนียว

ส่วนประเด็นเรื่องของทางครอบครัวได้รับรู้หรือไม่ ยืนยันทางครอบครัวได้รับรู้มาตลอด พูดคุยมาตลอด ให้ข้อมูลตรงกันว่าปมสาเหตุมาจากความเสียใจทั้งสองเรื่อง ซึ่งครอบครัวไม่ได้ติดใจ รับรู้และรับทราบเหตุการณ์ตลอด

เมื่อถามย้ำว่าตกลงแล้ววันนั้นครอบครัวผู้กำกับเบิ้มทราบหรือไม่ว่าตัวผู้กำกับเบิ้มไปพักอยู่ที่ไหน ทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่าเท่าที่คุยกับภรรยารับรู้ตลอด รับรู้เหตุการณ์ตลอด ก็ได้แต่ปลอบ