อาชญากรรม

‘ลุงพล–ป้าแต๋น’ บวงสรวงพญานาค ลุ้นคำตัดสิน ‘คดีน้องชมพู่’ 31 ต.ค.นี้ หลังผ่านมา 3 ปี

30 ต.ค. 2566

26 views

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ  หายตัวไปจากบริเวณหน้าบ้านของ น.ส.จุไรภรณ์ สุขพันธุ์ หรือ น้าต่าย ซึ่งเป็นบ้านที่ติดกับบ้านของน้องชมพู่ ในพื้นที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร


น.ส.สาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร รวมทั้งระดมกำลังกันเร่งค้นหา  


กระทั่งวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 19.00 น. จึงพบศพน้องชมพู่ ในสภาพนอนเปลือย อยู่บนภูเหล็กไฟ เขตอุทยานแห่งชาติภูผายล  ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร พบร่องรอยหนามเกี่ยวตามแขนและขา บริเวณที่เกิดเหตุพบกางเกงผู้เสียชีวิตถูกถอดไว้ข้างก้อนหิน และรองเท้าหล่นอยู่ระหว่างทางเดิน


เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้แถลงสรุปผลว่า น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบริเวณจุดพบศพได้ด้วยตนเอง แต่มีคนร้ายพาไปด้วยเหตุผล 8 ประการคือ


1.เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถ โดยข้อเท็จจริงตัวน้องชมพู่ อายุ 3 ปี 2 เดือน สูง 55 ซม. น้ำหนัก 11 กิโลกรัม ไม่กล้าขึ้นบันไดบ้านซึ่งมีความชัน 45 องศา เตียงกับแคร่หน้าบ้าน ก็ไม่สามารถปีนขึ้นได้


2.พลังงานไม่เพียงพอ เนื่องจากอาหารที่น้องชมพู่รับประทานเป็นมื้อสุดท้ายไม่สามารถให้พลังงานเพียงพอให้เดินไปถึงจุดพบศพได้


3.ประสบการณ์ชาวบ้าน ได้ยืนยันว่าหากเด็กหลงทางจะสามารถไปถึงได้เพียงชั้นที่ 2 ของภูเหล็กไฟเท่านั้น


4.กรณีศึกษา จากการหายตัวไปของชาวบ้านกกตูมซึ่งระยะทางไกลกว่าน้องชมพู่ ยังสามารถหาพบภายใน 1 คืน


5.ผู้ชำนาญการยืนยัน แพทย์นิติเวชผู้ทำการผ่าชันสูตรซึ่งเดินจำลองเส้นทางแล้วยืนยันว่า ไม่น่าจะสามารถไปถึงจุดพบศพได้และกุมารแพทย์ยืนยันว่า พัฒนาการของน้องชมพู่ไม่สามารถเดินไปถึงจุดพบศพเองได้


6.สภาพศพ ตอนที่พบศพน้องชมพู่ สภาพเปลือยกาย ซึ่งน้องชมพู่ยังสวมและถอดเสื้อด้วยตนเองไม่ได้


7.พยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานพบเส้นผมของน้องชมพู่ถูกตัดด้วยของมีคมด้านเดียว น่าเชื่อว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น


8.นิสัยส่วนตัว น้องชมพู่กลัวป่าที่ทึบ ไม่กล้าเข้าในสวนยางพารา เคยเล่นแถวไร่มันสำปะหลังเท่านั้น


จากการสืบสวนหลากหลาย และรวบรวมหลักฐานอย่างรอบคอบ พนักงานสอบสวน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและได้ยื่นคำร้องขอหมายจับ นายไชย์พล วิภาหรือลุงพล ในความผิดฐาน พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดตามหลักการวิชาการและมาตรฐานสากลโดยยึดหลักการรวบรวมพยานหลักฐานตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ในการยื่นคำร้องของออกหมายจับตัวนายไชย์พลหรือลุงพลนั้น เราไม่ได้มองแค่การจับกุมตัวคนร้าย แต่มองไปถึงชั้นการพิจารณาคดีของศาล นับตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา


เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566 ฝ่ายโจทก์ และฝ่ายจำเลย ในคดีน้องชมพู่ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดมุกดาหารเพื่อนัดสืบพยานวันสุดท้าย หลังจากเริ่มสืบพยานมาตั้งแต่ 30 มิ.ย.2565 จนถึง 27 ก.ค.66 ซึ่งการสืบพยานในวันที่ 27 ต.ค.นี้  เป็นพยานฝ่ายจำเลยโดยถือว่าเป็นวันสุดท้าย ซึ่งศาลจังหวัดมุกดาหารนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 31 ต.ค. 2566 เวลา 10.00 น.

----------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/qEor7PmcDME

คุณอาจสนใจ

Related News