หนุ่มขอความเป็นธรรมถูกแท็กซี่ชน ตนและลูกสาว 8 ขวบ เจ็บสาหัส ผ่านมา 10 เดือนไม่ได้รับเยียวยา

หนุ่มขอความเป็นธรรมถูกแท็กซี่ชน ทั้งตนเองและลูกสาวอายุ 8 ขวบ เจ็บสาหัส ผ่านมา 10 เดือน ทั้งแท็กซี่คู่กรณีและสหกรณ์แท็กซี่ไม่ยอมเยียวยา จ่อร้องกระทรวงยุติธรรมขอความเป็นธรรม



นายสุธี แสงประดิษฐ์ ร้องเรียนผ่านนายบัญชา ปานนิวัฒน์ และเพจกล้าที่จะก้าว หลัง ขี่จยย.เฉี่ยวชนกับรถแท็กซี่ จนทำให้เป็นเหตุขาหัก 2 ข้าง และลูกสาวอายุ 8 ขวบที่มาด้วยกันแขนหัก แต่เหตุการณ์ผ่านมาถึง 10 เดือน แต่ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากแท็กซี่คู่กรณี



นายสุธีร์ เปิดเผยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2565 ตอนประมาณ 5 ทุ่ม ขณะที่ขี่รถจยย.อยู่ที่ถนนวิทยุ จากแยกเพลินจิตมุ่งหน้าไปทางแยกสารสิน



เมื่อมาถึงทางกลับรถบริเวณด้านหน้าสถานทูตสหรัฐ ปรากฏว่าแท็กซี่คู่กรณี ได้เลี้ยวกลับรถตัดหน้จยย.ของตนจนทำให้ชนกันอย่างจัง ทำให้ตนและลูกสาวได้รับบาดเจ็บ และต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายเดือน



หลังเกิดเหตุญาติของตนไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินี และตำรวจตามตัวแท็กซี่คู่กรณีได้ โดยเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตน ,แท็กซี่คู่กรณี และตัวแทนสหกรณ์แท็กซี่ ได้มาเจรจากันครั้งแรก โดยทางคู่กรณีได้ยอมรับว่าเป็นฝ่ายประมาท และตัวแทนสหกรณ์แท็กซี่ตกลงที่จะจ่ายค่าเสียหายให้ตนและลูกสาวรวม 8 แสนบาท



แต่ตอนนั้นประกันภัยรถยนต์ของคู่กรณีขาด ทำให้ยังไม่มีการชดใช้ค่าเสียหาย จึงทำให้ต้องนัดมาเจรจากันอีกเป็นรอบที่สอง



จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 8 สิงหามที่ผ่านมา ได้นัดเจรจากันเป็นครั้งที่สอง แต่คราวนี้ทางตัวแทนสหกรณ์แท็กซี่กลับบอกว่าไม่ขอรับผิดชอบ และให้คู่กรณีเป็นฝ่ายรับผิดชอบเอง



ตนจึงเจรจากับแท็กซี่คู่กรณี และได้ลดค่าเสียหายลงจาก 8 แสนบาท เหลือ 5 แสน 5 หมื่นบาท ต่อมาคนขับแท็กซี่ได้ให้เงินเป็นค่าเยียวยามา 19,000 บาทเท่านั้น หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย

ทุกวันนี้ตนลำบากมาก เพราะตนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว สภาพร่างกายตอนนี้ก็ยังไม่หายดี ทำให้ทำงานหาเงินได้ไม่เต็มที่ ส่วนลูกสาวก็ต้องหยุดเรียน จึงอยากขอความเป็นธรรมให้คู่กรณีและสหกรณ์แท็กซี่มาแสดงความรับผิดชอบ



ขณะที่นายบัญชา เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบไปที่ สน.ลุมพินี พบว่าได้มีการฟ้องคนขับแท็กซี่ในคดีอาญา แต่ไม่ได้มีการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งในสำนวนให้กับผู้เสียหายแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้ตนจะพาผู้เสียหายไปกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอความเป็นธรรม




ขณะที่ พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ซึ่งเป็นเจ้าของคดีชี้แจงว่า พนักงานสอบสวนจะรับผิดชอบเฉพาะคดีอาญาเท่านั้น ส่วนคดีแพ่งตำรวจได้เป็นคนกลาง เพื่อเจรจาแล้ว ซึ่งทั้งสองฝั่งต้องไปเจรจากันที่ศาล และยืนยันว่าตำรวจทำทุกอย่างตามขั้นตอนและเป็นธรรมที่สุดตามกฎหมาย