อาชญากรรม

เจ้าอาวาสวัดบางคลานเผยที่ผ่านมามีคนคอยขวาง-กองปราบชี้หากเจรจาไม่เป็นผลต้องใช้กฎหมายบังคับ

โดย kanyapak_w

3 ต.ค. 2566

355 views

พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ ระบุว่า เบื้องต้นการประชุมร่วมในวันนี้จะมีการหารือให้ทางเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน มีการทำหนังสือมอบอำนาจ ส่งมอบอำนาจให้กับทางตนเอง เพื่อใช้ในการบังคับใช้กฎหมายในการส่งมอบ วัดบางคลานคืน



ซึ่งการรับมอบอำนาจในวันนี้จะทำให้ ปปป. มีอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบและทำการส่งคืนสถานที่ให้กับทางเจ้าอาวาสรูปใหม่ รวมถึงยังเป็นการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและเจ้าอาวาสรูปใหม่ ด้วย



ในวันนี้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้ามาเป็นตัวกลางในการประสานกับทางเจ้าอาวาส



โดยพระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดบางคลาน ระบุว่าเนื่องจากที่ผ่านมาไม่สามารถเข้าไปดำเนิน การบริหารวัดได้เพราะจะมีกลุ่มคนเข้ามาคอยขัดขวาง และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีหน่วยงานของรัฐในพื้นที่เข้ามาช่วยเหลือรวมถึงมีนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ไม่สามารถช่วยเหลือให้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในวัดได้ ในวันนี้จึงเดินทางมาร้องให้ทาง ปปป. เพื่อเข้ามาช่วยดำเนินการคลี่คลายปัญหานี้ พร้อมกันนี้ตนเองยังทำหนังสือมอบอำนาจให้ทางผู้บังคับการ ปปป. และข้าราชการที่เกี่ยวข้องรับมอบอำนาจในการเข้าไปจัดการทางกฎหมายของทางวัด



ซึ่งความเป็นห่วงในตอนนี้คือหลังวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือเจรจา แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปที่วัดได้และยังมีการใช้ความรุนแรงจึงห่วงเรื่องของความปลอดภัยทรัพย์สินของในวัด เพราะถึงขนาดนี้ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบความเสียหายภายในวัดได้เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลที่ใช้อำนาจในการควบคุมพื้นที่ของวัด และมีการบุกรุกเข้าไปพักอาศัยยึดครองพื้นที่ภายในวัด ตั้งแต่ 6 เมษายน ที่ผ่านมาจนมาถึงปัจจุบัน



ตนเองมีความคาดหวังว่าการเข้ามาดำเนินการในครั้งนี้ของทางปปป. จะสามารถช่วยคลี่คลายปัญหาทั้งหมด เพราะเชื่อว่าทางปปป. จะเข้าไปจัดการปัญหาอย่างจริงจัง



ขณะที่ในส่วนของตัว สว. กิตติศักดิ์ พบว่าออกมาเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ตนเองจึงเห็นว่ามีการรับหน้าที่มาจาก สนช. ให้เข้ามาช่วยตรวจสอบภายในวัดจึงแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจสอบ แต่ต่อมาก็พบว่าไม่มีการทำอะไรจริงจังจึงมีการปลดออก



ด้านพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ระบุว่า ปัญหาดังกล่าวกินระยะเวลานานมากกว่าเจ็ดถึงแปดปียังไม่แล้วเสร็จ ในวันนี้จึงมีการประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาประชุมร่วมกับทางเจ้าอาวาสวัดโดยมีการประสานมาจากนายอัจฉริยะ เพราะเห็นว่าทางปปป. เคยมีผลงานในการเข้าไปจัดการการทุจริตเงินภายในวัดห้วยด้วน ที่ในการปฎิบัติการครั้งนั้นสามารถอายัดเงินจากผู้กระทำความผิดคืนให้กับวัดได้กว่า 70 ล้านบาท



ซึ่งในวันนี้ทางปปป. โดยตนเองเป็นผู้รับมอบอำนาจในการเข้าไปดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพื่อคืนพื้นที่วัดให้กับทางเจ้าอาวาส โดยมีหน่วยงานราชการในพื้นที่อาทิเช่นนายอำเภอโพทะเล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโพทะเล และทางปปท. เป็นผู้ร่วมรับมอบอำนาจจากครั้งนี้ด้วย



สำหรับการดำเนินการต่อจากนี้จะเป็นการปฏิบัติโดยการใช้หลักดำเนินการไล่จากเบาไปหาหนักโดยการเน้นในเรื่องของการเจรจาหาทางออกกับทางกลุ่มชาวบ้านรวมถึงตัว สว. กิตติศักดิ์ โดยหากสามารถเคลียร์ปัญหาและหาทางออกจากการเจรจาได้ก็จะเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ทางปปป. ก็จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างถึงที่สุดโดยขั้นตอนการดำเนินการต่อจากนี้จะมีการกันเจ้าอาวาสออกไปจากการปฎิบัติงานทั้งหมดเพื่อเปิดทางให้กับหน่วยงานรัฐที่ได้รับมอบอำนาจเข้ามาดำเนินการอย่างเต็มอำนาจหน้าที่



สำหรับการเจรจาหากไม่เป็นผล ก็จะใช้วิธีการ นำกำลังบังคับใช้กฎหมายอาทิเช่นตำรวจควบคุมฝูงชน ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ เข้ามาบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่หากพบใครบุกรุกก็จะดำเนินการจับกุมตัวดำเนินคดีทันที รวมถึงตัว สว. หากพบว่าเข้ามาขัดขวางก็จะต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย เช่นเดียวกับประชาชนทุกคนที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนเรื่องเอกสิทธิ์ความเป็น สว. ก็สามารถดำเนินการได้แต่ทางปปป. ยืนยันว่าดำเนินการใช้กฎหมายกับทุกคนเท่าเทียมกัน



เพราะเบื้องต้นส่วนตัวเชื่อว่า การที่ปัญหานี้ไม่จบแสดงถึงความอ่อนแรงของข้าราชการที่เข้ามาดำเนินการ



ขณะที่ พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตัวแทน ปปท. ระบุว่า ทางปปท. พร้อมให้ความร่วมมือกับทางปปป. โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนในทุกด้าน เพราะเชื่อว่าถ้าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจริงจังกับผู้ทำความผิดก็จะสามารถเคลียร์ปัญหาเหล่านี้ได้เช่นกัน



ด้านนายอัจฉริยะ ระบุว่า ในวันนี้ตนเองยังมีรายชื่อของชาวบ้านในจังหวัดพิจิตรนับ 1000 คน ที่ลงชื่อสนับสนุนเจ้าอาวาสให้เข้าไปปฎิบัติหน้าที่ พร้อมกันนี้ยังได้มีการพูดคุยกับทางทนายความของทางเจ้าอาวาส ในการพิจารณาตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐในพื้นที่ที่มีการเข้าไปช่วยขอคืนพื้นที่ก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้มีการเข้าข่ายทำความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยตนเองเป็นผู้รับมอบอำนาจเข้ามาดำเนินการในครั้งนี้ก็พร้อมทำงานกับทางปปป. เพื่อช่วยให้เจ้าอาวาสสามารถกลับเข้าวัดได้




คุณอาจสนใจ

Related News