อาชญากรรม

ตำรวจเร่งหาตัวซาเล้งเก็บของเก่าที่ลวงเด็กไป ล่าสุดพบสัญญาณโทรศัพท์แล้ว

โดย gamonthip_s

22 ก.ย. 2566

249 views

กรณีที่เด็กชายณัชพล หรือน้องมัว อายุ 14 ปี ถูกชายเร่ร่อนขับรถซาเล้งเก็บของเก่าขาย ล่อลวงออกจากที่พักในวัดโฉมศรี เมื่อบ่ายวันที่ 16 กันยายน 2566 ก่อนที่ทั้งสองจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งระดมกำลังค้นหาเด็ก แต่ประสบปัญหาเนื่องจากชายที่พาตัวน้องไป ไม่มีข้อมูลหลักฐาน ชื่อ-สกุล ชัดเจน ทราบเพียงแต่ชื่อ "พัน"



โดยเช้าวานนี้ (21 กันยายน 2566) เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบรถซาเล้งต้องสงสัยจอดอยู่ในป่าริมถนนสายเอเชีย โดยมีการกางผ้าใบลักษณะคล้ายกันฝนอยู่ด้วย แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบยังจุดดังกล่าวก็ไม่พบรถซาเล้งแล้ว สอดคล้องกับนายมหา (นามสมมุติ) ชายเร่ร่อนที่พักอาศัยหลับนอนอยู่ในอาคารร้างริมถนนสายเอเชียก็เล่าให้ฟังว่า คืนวันก่อนมีชายสองคนเข้ามายังอาคารร้างที่ตนพักอาศัยอยู่ ก่อนจะพูดว่าขออาศัยนอนค้างสักคืน และรุ่งเช้าทั้งสองก็หายตัวไป



เช้าวันนี้ (22 กันยายน 2566) นางจินดา อายุ 36 ปี แม่ของน้องมัว พร้อมญาติอีก 3 คน ได้เดินทางจากอำเภอพบพระ จังหวัดตาก มายังสถานีตำรวจภูธรอำเภออินทร์บุรี เพื่อให้รายละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเฝ้าติดตามการกลับมาของลูกชาย โดยนางจินดากล่าวว่า น้องมัวเป็นลูกชายคนโต มีลูกทั้งหมด 3 คน ส่วนคุณพ่อของน้องมัวพึ่งเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้เพียง 2 เดือน ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกชายมาก อยากวิงวอนขอให้นายพันนำลูกชายมาส่งคืนแล้วจะไม่เอาความแต่อย่างใด และสิ่งที่กังวลมากที่สุดคือ ได้รับการติดต่อจากลูกชายครั้งสุดท้ายว่า นายพันจะพาไปเที่ยวทะเล จึงกังวลใจกลัวนายพันจะพาลูกชายไปในที่ที่ไม่รู้จัก ขณะที่ในเฟสบุ๊คของนายพัน ที่ใช้ชื่อว่า บรามี ย่า ล่าสุดไม่พบความเคลื่อนไหว แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า นายพันและน้องมัว น่าจะรู้จักและสนิทสนมกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเมื่อเดือนสิงหาคมปรากฏมีภาพที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน



ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งตำรวจสายสืบ สภ.อินทร์บุรี สภ.เมืองสิงห์บุรี ภจ.วสิงห์บุรี และสายสืบจากตำรวจภูธรภาค 1 ลงพื้นที่เร่งตามล่าหาตัวนายพันและน้องมัวให้พบโดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้เป็นเวลานานเกือบสัปดาห์แล้ว ด้านเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิกระจกเงา ที่ลงพื้นที่มาร่วมช่วยเหลือในการค้นหา กล่าวว่าการสืบสวนพบว่า ทั้งสองน่าจะออกจากพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีไปแล้ว เพราะล่าสุดพบสัญญาณโทรศัพท์ของนายพันปรากฏอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และขณะนี้อยู่ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าวแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ทันที

คุณอาจสนใจ