อาชญากรรม

'บิ๊กก้อง' ยันแม้วงจรปิดสำคัญหาย แต่มีหลักฐานมัดตัว 'กำนันนก' - 'บิ๊กเต่า' ขอความเป็นธรรมให้ ผกก.เบิ้ม

โดย nattachat_c

19 ก.ย. 2566

35 views

วานนี้ (18 ก.ย. 66) เวลา 16.40 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง แถลงความคืบหน้าคดียิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์


โดยเปิดเผยถึงกล้องวงจรปิด ที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานนำไปกู้ภาพมา ซึ่งมีทั้งหมด 15 ตัว แต่พบว่ามี 1 ตัว ที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญ ที่จะเห็นในช่วงเวลาเกิดเหตุได้ แต่กล้องหยุดบันทึกในเวลาประมาณ 10.00 น. ทำให้ไม่เห็นภาพในขณะเกิดเหตุจริง


ซึ่งมีการตั้งข้อสันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือ

1. เจ้าของบ้านหยุดเวลาของกล้องนี้ไว้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ

2. มีการทำลายหลักฐานหลังเกิดเหตุ ซึ่งกำลังตรวจสอบ


แต่เชื่อว่า ส่วนตัวของอดีตกำนันนก ไม่น่าจะมีความรู้ในการลบภาพในกล้องวงจรปิด เพราะการนำเซิร์ฟเวอร์กล้องไปทิ้งใช้เวลาไม่นาน ไม่น่าจะลบได้ จึงเชื่อว่า น่าจะมีคนลบภาพในช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากว่าไ ม่มีภาพวงจรปิดในขณะเกิดเหตุ ก็ยังมีหลักฐานอื่นประกอบการดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน


เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ว่ามีการเตรียมการณ์ไว้ก่อน แล้วรอสารวัตรแบงค์ ให้ไปที่งาน ก่อนที่จะก่อเหตุดังกล่า


พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า “จากการสืบสวนดูจากภาพกล้องวงจรปิด เห็นเรื่องราวทุกอย่าง ตอนที่มาถึง ทั้งสองก็ยังสวัสดี พูดคุยทักทายกันนอบน้อมปกติ”


“ประกอบกับข้อมูลอีกส่วน ที่ได้จากพยานที่เกิดเหตุ และเห็นเนื้อเรื่องทั้งหมดวินาทีที่กำลังจะยิง มีการทะเลาะกันเรื่องอะไร และพูดคุยเรื่องอะไรบ้าง จากหลักฐานไม่ใช่การเตรียมการไว้ก่อน แต่เป็นเรื่องที่กำนันนกเชื่อว่าสารวัตรแบงค์ไม่ให้เกียรติตน จึงได้ใช้วิธีนี้ ประกอบกับกำนันนกดื่มแอลกอฮอล์มาด้วย”


พล.ต.ท.จิรภพ มั่นใจพยานหลักฐาน ถ้าหากกล้องมันไม่สามารถกู้ได้ แต่เรามีพยานหลักฐานอื่นอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น คำให้การของพยาน อาวุธปืน มูลเหตุจูงใจมากมาย ที่เรามั่นใจว่า คดีนี้เราสามารถใช้หลักฐานที่ได้มา ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุดได้


“ยืนยันด้วยสิ่งที่ปฏิบัติหน้าที่มา ไม่ได้ช่วยเหลือตำรวจนายนั้น หรือตำแหน่งไหนแน่นอน เราสนใจทำงานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อให้พยานหลักฐานแน่นให้มากที่สุด ซึ่งการสืบสวนสอบสวนมันใช้ระยะเวลา ไม่อยากด่วนสรุปให้ถูกใจคนดูแล้วข้อมูลผิดพลาด เราอยากทำออกไปตรงไปตรง ไม่ช่วยใครแน่นอน ไม่ว่าจะยศอะไร มีอิทธิพลมากแค่ไหนก็ตาม”

-----------

ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ได้พูดถุึง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ว่า


โดยได้เปิดเผยว่า 'สารวัตรแบงค์' เป็นคนที่ไม่เคยกลัวใครเลย แม้ว่าจะเจอผู้ที่มีอิทธิพลต่าง ๆ อย่างการไปจับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน มักจะเจอพวกมีอิทธิพลตลอด แต่ก็ไม่เคยให้ใคร และไม่เคยหาเรื่องใครด้วย


ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมา สารวัตรแบงค์ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ตำรวจไม่ได้ก้มหัวให้ผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ต่าง ๆ

-----------

นอกจากนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ได้กล่าวถึงกรณีของ พ.ต.ท.ภทร วรญาวิศุทธิ์ หรือสารวัตรไอซ์ ว่า


สารวัตรไอซ์ได้พาแฟนไปร่วมงานด้วย และจังหวะที่เกิดเหตุ ได้พาแฟนไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งกล้องวงจรปิดจับได้ว่า สารวัตรไอซ์ยกปืนขึ้นมา หลังจากได้ยินเสียงปืน แต่ไม่ได้ยิงไปที่บุคคลใด หรือเข้าไประงับเหตุ เนื่องจากอยู่ห่างจากจุดเกิดพอสมควร จึงอาจไม่เข้าข่ายผิดข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ (ม.157)


ด้าน พ.ต.อ.ปทักษ์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ยืนยันว่า พ.ต.ท.ภทร ขึ้นลำกล้องปืนว่า เป็นเรื่องจริง


ซึ่ง พ.ต.ท.ภทร พาแฟนไปด้วยที่อยู่ในห้องน้ำ แต่ดูจากมุมกล้องในที่เกิดเหตุ ขณะมีเสียงปืนดัง มุมที่เขาอยู่ไม่น่าจะเห็นเหตุการณ์ แต่น่าจะได้ยินเสียง พอมีคนมูฟออก หลังจากได้ยินเสียง เขาก็เดินไปดู แล้วถอยกลับมา เพราะแฟนอยู่ในห้องน้ำ และมีการชักปืนออกมาขึ้นลำ เป็นการเตรียมพร้อมป้องกันตัว แต่รายละเอียดว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง ในส่วนนี้ ถ้าดูจากมุมกล้องเขาไม่น่าจะเห็น  

-----------
วานนี้ (18 ก.ย. 66) เวลา 16.40 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (รรท.ผบก.ทล.) ร่วมแถลงความคืบหน้าคดียิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรศิว เสียชีวิต


โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ตำรวจสอบสวนกลาง จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ และคนที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยจะนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมายืนยัน โดยจะต้องมาไล่เลียงใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่หลังเสียงปืนดังขึ้น มีใครที่วิ่งหนี หรืออยู่ต่อแล้วทำอะไรบ้าง ส่วนใครจะเกี่ยวกับข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ฯ ก็จะมาตรวจสอบกันทีละนาย


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า วันเกิดเหตุได้ไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ และคุยกับคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุหลายคน รวมทั้งพบเจอ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ (ผกก.เบิ้ม) ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร และที่บริเวณแขน และเสื้อมีรอยเลือดเปื้อนอยู่


รวมทั้งได้ช่วยเหลือ พ.ต.ต.ศิวกร ร่วมกับลูกน้องอีก 3 คน ออกจากพื้นที่ โดยอุ้มอยู่บริเวณข้อเท้า ก่อนไปสั่งการต่อ รวมทั้งนำ พ.ต.ทวศิน พันปี ตำรวจที่บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล จึงอยากให้สังคมให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.อ.วชิรา ที่รับผิดชอบในสิ่งที่กระทำไปแล้ว

-----------






คุณอาจสนใจ

Related News