อาชญากรรม

'บิ๊กก้อง' ชี้ต้องสอบละเอียด ก่อนแจ้ง ม.157 ตร.ในงาน - 'บิ๊กโจ๊ก' ยันไม่น้อยใจ โอนคดีให้กองปราบ

โดย nattachat_c

19 ก.ย. 2566

623 views

จากกรณี เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 ได้เกิดเหตุคนร้ายยิงตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สารวัตรตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กระสุนถูกเข้าทั่วร่างกาย กว่า 7 นัด เสียชีวิต และ โดน พ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กระสุนถูกเข้าที่บริเวณแขนซ้ายบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดในบ้านหลังหนึ่งพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ซึงต่อมาทราบในภายหลังว่า เป็นบ้านของ ‘กำนันนก’


ต่อมา พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. (ผกก.เบิ้ม) ได้ใช้อาวุธปืนปลิดชีพ ในบ้านพักย่านคูคต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสาเหตุน่าจะมาจากความเครียด ที่ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.กก.2 บก.ทล. หรือ สารวัตรแบงค์ ผู้ใต้บังคับบัญชา ถูกนายหน่องมือปืน ยิงเสียชีวิตที่บ้านกำนันนก จ.นครปฐม

-------------

วานนี้ (18 ก.ย.) เวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เรียกประชุมคณะทำงานคดียิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สารวัตรตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เสียชีวิต หลัง พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งโอนสำนวนให้กองปราบฯ รับผิดชอบ


โดย ปัจจุบันได้รับโอนคดีจาก สภ. เมืองนครปฐม ทั้ง 2 คดี ทั้งคดีฆ่าสารวัตรแบงค์ และ คดี 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้สอบสวนกลางทำการสืบสวนสอบสวน โดย โอนคดีตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมาแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงต้องโยนคดีมาที่สอบสวนกลาง  


พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ โดยคดีเริ่มต้นจาก สภ.เมืองนครปฐม โดยคดีเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล และเป็นคดีที่อุกอาจ รุนแรง


ซึ่งเป็นหน้างานของตำรวจกองปราบ หรือตำรวจสอบสวนกลางอยู่แล้ว ในคดีที่มีความซับซ้อน และมีผู้ที่มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง


ด้าน ตำรวจท้องที่ต้องทำงานในพื้นที่ การไปเจอคนที่มีอิทธิพลในพื้นที่ ก็อาจจะทำให้ทำงานลำบาก อาจถูกรบกวนจากอิทธิพลท้องถิ่น


ส่วนตอนนี้ เราได้ดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 6 คน ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน ว่า ได้ช่วยให้ผู้ต้องหารอดพ้นจากการกระทำความผิด


ในส่วนของตำรวจที่เหลือ เป็นเรื่องที่เราพิจารณา ซึ่งในที่ประชุมได้ข้อยุติแล้วว่า  จะพิจารณาจาก 2 ประเด็น คือ

1. เรื่องข้อเท็จจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในวันเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุ และขณะเกิดเหตุ

2. เรื่องข้อกฎหมาย 157 เป็นเรื่องที่ต้องถกกันมากพอสมควร ว่าพฤติกรรมแค่ไหน ถึงถูกดำเนินคดี 157 เพราะบางคนขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล บางคนโทรหา 191 และ บางคนออกไปจากที่เกิดเหตุเลย


เมื่อถามว่า รายชื่อตำรวจ 13 คน ที่ปรากฏมา จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่


พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ตอนนี้ การที่จะสรุปว่าใครผิด หรือไม่ผิด จะต้องขอเวลาดูข้อเท็จจริง และกฎหมายทั้งหมดก่อน อาจจะเพิ่มเติม หรือน้อยลงก็ได้ ทั้งนี้ ยังไม่ได้รีบตัดสินใจทั้งหมด แต่จะทำให้เร็วที่สุด และจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งนึง


ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ตำรวจทั้งหมดที่ไปทานข้าวบ้านกำนันนก ไม่ได้ไปในฐานะข้าราชการ ถือว่าไปในนามส่วนตัว เมื่อไปงานเลี้ยงส่วนตัว แล้วเกิดเหตุซึ่งหน้าแบบนี้ ส่วนตัวแล้วมองว่า เราสามารถโทรเรียกกำลังเสริมไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้


อย่างไรก็ตาม ต้องมาตรวจสอบอีกครั้ง เพราะมีบางส่วนที่ไม่ได้ช่วยเหลือตั้งแต่แรก มีตำรวจบางส่วนที่ไปโผล่อยู่ที่โรงพยาบาล สำหรับประเด็นนี้ จะดำเนินคดีในข้อหา 157 หรือไม่ ก็ต้องตรวจสอบประเด็นนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง


ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการประสานงานร่วมกับทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และกรมสอบสวนคดีพิเศษในคดีนี้ ด้วยหรือไม่


พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ยินดี และพร้อมที่จะประสานงานร่วมกัน อย่างที่บอก พร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ขอให้ยึดข้อเท็จจริงตรงไปตรงมาเป็นหลัก ดำเนินการเป็นไปในสิ่งที่ควรจะเป็นก็พอ

--------------
วานนี้ (18 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยก่อนเดินทางไปภารกิจที่ประเทศจีน โดยผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับประเด็นการโอนสำนวนคดียิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ และคดีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ที่ไปร่วมในงานเลี้ยง มาให้กองปราบปรามทำ ว่า รู้สึกน้อยใจหรือไม่


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าเป็นเรื่องของการทำงาน ไม่ใช่การน้อยใจ หรือไม่น้อยใจ และการโอนสำนวนมาให้กองปราบปรามจะส่งผลดีมาก เพราะสำนวนเวลาสั่งฟ้อง จะส่งไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพราะฉะนั้น วันนี้ใครจะวิ่งเต้น ก็วิ่งเต้นไม่ได้ เพราะสำนวนมาอยู่ในกรุงเทพแล้ว ที่พูดไม่ใช่หมายความว่าจะวิ่งเต้นได้ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม แต่เพื่อเป็นการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง


“ฉะนั้น ย้ำว่า ไม่ได้น้อยใจ แต่เป็นการทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน ให้ศาลพิพากษาลงโทษกำนันนกให้ได้ เพราะวันนี้พยานหลักฐานมัดแน่น”


รอง ผบ.ตร. ยังระบุอีกว่า สิ่งที่ตนเองต้องทำต่อคือ การตรวจสอบ ขยายผลเรื่องของการฮั้วประมูลโครงการต่าง ๆ และการร่ำรวยผิดปกติ และเส้นทางการเงิน มีการทุจริตหรือไม่ โดยจะมีการประชุมในวันนี้ (19 ก.ย. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7

--------------





รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/hRyU2xhs6Hs




คุณอาจสนใจ

Related News