อาชญากรรม

เปิดใจทั้งน้ำตา 'ผู้การเต่า' ไม่อยากให้เกิดศพที่ 3 วอนสื่อเสนอข่าวตามจริง อย่าจุดประเด็นจากโซเชียล

โดย petchpawee_k

13 ก.ย. 2566

640 views

รักษาการผู้การทางหลวง ขอสื่อทั้งน้ำตา วอนสื่อนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงและหลักฐาน มากกว่าจุดประเด็นจากโซเชียล จนกดดันและตอกย้ำความเครียดของเจ้าหน้าที่ หวั่นเกิดศพที่ 3 หดหู่เพราะทั้งสองคนเป็นน้องที่น่ารัก ทำงานด้วยกันตลอด “ถ้าพวกมึงกับเบิ้มเป็นทหารตามรอยพ่อของเขา เขาก็จะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งซื่อสัตย์ 


เมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (รรท.ผบก.ทล.) เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ตำรวจทางหลวงตกเป็นประเด็นกับสังคมอีกครั้ง ตั้งแต่เหตุฆาตกรรม พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สว.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ไปจนถึงการกระทำอัตวินิบาตกรรมของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือผกก.เบิ้ม ผกก.2 บก.ทล. ที่ยิงตัวตายเมื่อวานนี้


โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ขณะที่เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่กำลังจัดงานศพสารวัตรแบงค์อย่างสมเกียรติ ปรากฏว่าในเวลาเดียวกันที่กำลังจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ ก็ปรากฏข่าวว่า ผกก.เบิ้มเสียชีวิต มันเป็นอะไรที่หดหู่อย่างมาก เพราะทั้งสองคนเป็นน้องที่น่ารักและทำงานด้วยกันตลอด โดยเฉพาะผู้กำกับเบิ้ม เขาไม่เคยด่าลูกน้องตนเองเลยสักครั้ง มีใจที่พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนและคนอื่น ๆ


ซึ่งหลังจากการเสียชีวิตของสารวัตรแบงค์ ผู้กำกับเบิ้มมีอาการเครียด เพราะคิดในหัวตลอดว่า เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องเสียชีวิต ผู้กำกับเบิ้มเสียใจอย่างมากจนถึงขนาดนอนไม่หลับ ทำให้หลายคนต้องมาร้องขอความช่วยเหลือจากตนเอง


โดยในวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน เวลาประมาณ 15:00 น. ก่อนการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้มไม่นาน ตนก็ได้เรียกผู้กำกับเบิ้มมาพบเพื่อมาพูดคุยปรับทุกข์กันพร้อมเพื่อนตำรวจอีกหลายนาย ตนถึงขนาดไปช่วยนวดไหล่ผู้กำกับเบิ้มด้วย เพื่อให้ผู้กำกับเบิ้มสบายใจ ซึ่งพบว่า ผู้กำกับเบิ้มมีอาการเครียดอย่างมากจนถึงขนาดมีอาการเหม่อลอย


โดยหลักจะเป็นอาการเครียดในเรื่องของการเสียชีวิตของสารวัตรแบงค์ พอได้พูดคุยกันผู้กำกับเบิ้มก็มีอาการผ่อนคลายลง ตนจึงได้บอกให้ผู้กำกับเบิ้มปิดโทรศัพท์และเอาโทรศัพท์ไปเก็บไว้ที่คนอื่น เพื่อให้ผู้กำกับเบิ้มตัดวงจรจากโลกภายนอก สามารถพักผ่อนเพียงพอและลดการเสพโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะช่วยไม่ให้เครียดไปมากกว่านี้ รวมทั้งให้ลูกน้องกับเพื่อนสนิทช่วย ประกบดูแลสภาพจิตใจของผู้กำกับเบิ้ม พร้อมมอบยานอนหลับให้กิน โดยได้นัดหมายว่า ในวันจันทร์ที่ 11 กันยายน ให้ผู้กำกับเบิ้มมาพบตนประมาณ 9:00 น.


จากนั้นบรรดาเพื่อนและลูกน้องก็พาผู้กำกับเบิ้มไปทานข้าวแล้วเปิดห้องโรงแรมให้พักผ่อน ปรากฏว่าประมาณ 8:00 ของวันที่ 11 กันยานน เพื่อนผู้กำกับเบิ้มขึ้นไปรับที่ห้อง ก็เห็นว่าผู้กำกับเบิ้มไม่อยู่แล้ว พอมาไล่ภาพวงจรปิดก็พบว่าผู้กำกับเบิ้มได้ออกจากโรงแรมไปตั้งแต่ช่วงประมาณตี 4 โดยลงทางบันไดหนีไฟ และมาเรียกรถแท็กซี่สีชมพูหน้าโรงแรม ทั้งหมดจึงเชื่อได้ว่าผู้กำกับเบิ้มน่าจะเดินทางกลับไปยังบ้านพัก เลยเดินทางไปตามหาผู้กำกับเบิ้มที่บ้านพัก ซึ่งตอนนั้นเดินทางกันไป 4 คน พอไปถึงที่ประตูรั้วบ้านก็ให้ลูกน้องไขกุญแจ


ส่วนประตูบ้านก็โทรไปขอรหัสจากครอบครัวของผู้กำกับเบิ้ม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับภาพที่ไม่ควรจะได้เห็น จึงทำให้ทั้ง 4 คนที่ไปตามผู้กำกับเบิ้มที่บ้านต่างร้องไห้เสียใจ ซึ่งในส่วนประเด็นเรื่องโทรศัพท์มือถือของผู้กำกับเบิ้ม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ จะเป็นคนรับผิดชอบตามกลับส่งคืนให้กับครอบครัวเอง ซึ่งตนขอให้ประเด็นนี้จบไม่พูดถึงอีก


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะยังคงต้องทำงานตามจิตวิญญาณของความเป็นตำรวจต่อไป พร้อมกันนี้จะจัดการดูแลสวัสดิการให้แก่ครอบครัวตำรวจทั้งสองอย่างเต็มที่ ส่งเสียบุตรของตำรวจทั้งสองจนเรียนจบและจะดูแลเปรียบเสมือนลูก รวมทั้งจะจัดตั้งมูลนิธิที่ใช้ชื่อตำรวจทั้งสองเพื่อดูแลเพื่อนข้าราชการตำรวจรายอื่นๆ และจะพิจารณาสร้างอนุสาวรีย์เป็นเกียรติให้แก่ตำรวจทั้ง 2 นาย เพราะเนื่องจากตำรวจทั้ง 2 นายนั้นเป็นตำรวจที่ดีและรับผิดชอบต่อหน้าที่สูงมาก การเสียชีวิตของตำรวจทั้ง 2 นายทำให้ตนเองและทุกๆ คนเสียใจและเสียดายบุคลากรผู้มีความสามารถเช่นนี้ นอกจากนี้จะยังคงต้องดูแลสภาพจิตใจของตำรวจทางหลวงที่เหลือ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังได้ขอร้องผ่านสื่อมวลชน 3 ประเด็นหลักๆ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเกิดอาการเครียดจนเกิดศพที่ 3 ขึ้นมาอีก ประเด็นแรก คือเรื่องของตำรวจที่เดินทางไปร่วมงานกินเลี้ยงในคืนเกิดเหตุ ทุกคนไม่ต้องการให้ใครเข้าไปตาย แต่หลังจากเกิดเหตุยิงสารวัตรแบงค์แล้วนั้น ตนก็อยากจะแบ่งตำรวจออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มที่พาสารวัตรแบงค์และผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งตำรวจกลุ่มนี้ ตนอยากจะร้องขอความเป็นธรรมว่า อย่าไปด่าหรือโจมตีพวกเขา พวกเขาทำตามหน้าที่อย่างชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะคราบเลือดที่ติดอยู่กับเสื้อของตำรวจกลุ่มนี้ก็ย่อมชัดเจนแล้วว่า พวกเขาไม่ได้หนี ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ให้การช่วยเหลือตามหน้าที่ของพวกเขาแล้ว ขอให้ชุดสืบสวนละเว้นที่จะจับจ้องเอาผิดกับกลุ่มเหล่านี้


ส่วนตำรวจอีก 2 กลุ่ม คือพวกที่ช่วยเหลือซ่อนเร้นทำลายพยานหลักฐานและพวกที่หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ตำรวจกลุ่มนี้ชุดสืบสวนสามารถเล่นงานดำเนินคดีได้อย่างเต็มที่


ประเด็นที่ 2 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ขอร้องให้สื่อมวลชน ช่วยกันนำเสนอข่าวเหตุการณ์นี้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนเชื่อว่าสื่อมวลชนมีจรรยาบรรณมากพอที่จะนำเสนอความจริง แต่ขอร้องว่าอย่าจุดประเด็นหรือนำประเด็นในโซเชียลมานำเสนอจนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ และทำให้ตำรวจที่ไม่มีเจตนาพาคนไปตายถูกสังคมโจมตีว่าไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ รวมทั้งให้เกียรติการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าไปกดดันสร้างประเด็นมากเกินไปจนตำรวจเครียด



ประเด็นสุดท้าย ร้องขอไปถึงพี่น้องประชาชน ซึ่งตนเข้าใจดีว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นต่างๆ นานาในโลกโซเชียล แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและอย่าปั่นกระแสหรือไหลไปตามเพจปลุกปั่น จนทำให้เกิดประเด็นไปมากกว่านี้



พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำขอร้องว่าขอให้ทุกคนช่วยกันถอยคนละก้าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดศพที่ 3 ขึ้นมาอีก เพราะทุกคนก็เครียดมากพอแล้ว ทุกคนต่างเสียใจและไม่มีใครนิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ตนคงไม่ให้ข่าวอะไรเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้มอีกหากไม่มีประเด็นที่ต้องออกมาพูด ไม่ว่าใครก็ตามรวมไปถึงอดีตนายตำรวจเก่าก็มีสิทธิ์ออกมาแสดงความคิดเห็นได้ แต่ก็ขอวิงวอนสื่อมวลชนให้ช่วยนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฏ รวมทั้งเคารพให้เกียรติการทำงานของชุดสืบสวน มากกว่าที่จะจุดประเด็นจากโซเชียลต่าง ๆ จนกดดันและตอกย้ำความเครียดของเจ้าหน้าที่จนอาจจะเกิดศพที่ 3 ขึ้นมาอีกได้



พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังได้พูดถึงความทรงจำที่มีต่อผู้กำกับเบิ้มว่า ตนเคยทำงานร่วมกับผู้กำกับเบิ้มมาตั้งแต่สมัยอยู่กองปราบด้วยกัน ผู้กำกับเบิ้มเป็นคนมีอัธยาศัยมีน้ำใจกับพี่กับน้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าพวกมึงกับเบิ้มเป็นทหารตามรอยพ่อของเขาเขาก็จะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งซื่อสัตย์



ซึ่งเมื่อพูดถึงตรงนี้ ปรากฏว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้หยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะมีอาการสะอื้นร้องไห้ ก่อนที่จะร้องขอสื่อมวลชนทั้งน้ำตาอีกครั้งว่า ตนเข้าใจว่าสื่อมวลชนต้องทำหน้าที่เสนอข่าวตามที่ประชาชนอยากรู้ แต่ตนก็เชื่อมั่นว่าสื่อมีจรรยาบรรณ จึงขอให้ช่วยกันลดลงมาหน่อย ช่วยให้คนที่ตายไปแล้วนอนหลับ ไม่มีบาดแผลใดๆ อีก โดยเฉพาะผู้กำกับเบิ้มที่เขาบริสุทธิ์ใจและได้รับผิดชอบแทนน้องชายไปแล้ว ย้ำว่าชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปและไม่อยากให้มีศพที่ 3 เกิดขึ้นอีก


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/debtigbMaI8


คุณอาจสนใจ

Related News