อาชญากรรม

ญาติเศร้ารับศพ 'ผกก.เบิ้ม' เผยเครียดหนัก เกาะขา 'รองต่อ' โทษตัวเอง "ผมผิด ผมพาน้องไปตาย"

โดย petchpawee_k

13 ก.ย. 2566

77 views

ภรรยา และลูกชายวัย 8 ขวบ รับศพ 'ผู้กำกับเบิ้ม' เศร้า ญาติยังทำใจไม่ได้ ถึงกับเป็นลม ด้าน ‘รองต่อ’ เล่าวินาที ผกก.เบิ้ม เข้ามาเกาะขา บอก “พี่ครับ ผมผิด ผมพาน้องไปตาย” ด้าน เพื่อน ผกก.เบิ้มเผย ก่อนเกิดเหตุสลด ผกก.เบิ้ม บ่นเครียด และเสียงสั่นเครือตลอด ยันออกจากไลน์กลุ่มก่อนวันเกิดเหตุ


บรรยากาศที่ วัดตรีทศเทพวรวิหาร ที่มีกำหนดการรดน้ำศพ พันตำรวจเอกวชิรา ยางไทสงค์ ผกก.2บก.ทล. หรือ ผกก.เบิ้ม ในเวลา 16 นาฬิกา โดยมีเพื่อนร่วมรุ่น นรต.55 เพื่อน พี่น้องตำรวจ และผู้บังคับบัญชาระดับสูง ร่วมงานจำนวนมาก รวมถึงญาติและครอบครัวมาร่วมงาน ท่ามกลางความโศกเศร้า โดยเฉพาะภรรยา และผู้กำกับบอย เพื่อนสนิทของ ผกก.เบิ้ม ที่ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสีย


สำหรับบรรยากาศ บริเวณด้านนอกศาลา พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้จักคุ้นเคยกับ ผกก.เบิ้ม ต่างทยอยเดินทางมา โดยต่อคิวเพื่อเข้ารดน้ำศพผู้กำกับเบิ้ม เนื่องจากด้านในศาลามีคนจำนวนมาก โดยท้ายแถวยาวออกมาถึงด้านนอก ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า


พันตำรวจเอกปิยรัช สุภารัตน์ ผู้กำกับ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนของ ผกก.เบิ้ม เปิดเผยว่า การสูญเสียครั้งนี้ ถือเป็นการสูญเสียตำรวจน้ำดีอีก 1 คน ตลอดระยะเวลาที่รู้จัก กับ


ผกก.เบิ้ม เป็นคนที่มีน้ำใจกับเพื่อนตลอด มีความเป็นผู้นำ ด้วยจิตและวิญญาณของ ผกก.เบิ้ม เป็นคนรักพี่รักน้อง รักครอบครัว และในช่วงเวลาที่เรียนโรงเรียนนายร้อย และฝึกมาด้วยกัน ผกก.เบิ้ม จะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าทีมตลอด จึงเป็นที่รักของเพื่อน


ก่อนเกิดเหตุผู้กำกับเบิ้มเคยโทรมาปรึกษากับเพื่อนๆ บอกว่าเครียด และมีน้ำเสียงสั่นเครือ ร้องไห้ รู้สึกผิดที่พาสารวัตรแบงค์ไปเสียชีวิต และโทษตัวเองมาตลอดตั้งแต่วันแรก จนถึงวันเสียชีวิต


ผกก.เบิ้ม รู้สึกเสียใจมาก เพื่อนๆ ก็พยายามให้กำลังใจปลอบใจว่า ไม่มีใครอยากให้เกิด และทุกครั้งที่ดูข่าว ผกก เบิ้ม จะรู้สึกเครียดทุกครั้ง


ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ผกก.เบิ้ม ได้ออกจากกลุ่มไลน์ไปเอง โดยไม่ได้บอกเหตุผลใดๆ และไม่ได้บอกลาเพื่อน พอออกจากไลน์ไปแล้ว เพื่อนก็โทรถาม และติดต่อทันที ก็ติดต่อได้


ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าในไลน์กลุ่ม นรต.55 มีการพูดกดดัน ผกก.เบิ้ม นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพื่อนๆ มีแต่ให้กำลังใจ บางเรื่องก็มีแค่สื่อมวลชน และโลกโซเชียล เขียนข่าวกันไปเอง แต่ความจริงไม่มีใครกดดันใดๆ ทั้งสิ้น


 “สิ่งสุดท้ายอยากบอก ผกก.เบิ้ม ว่า เพื่อนๆทุกคนเสียใจ ไม่อยากให้เกิดขึ้น และขอให้ดวงวิญญาณของผู้ ผกก.เบิ้ม ไปสู่สุคติ”



ขณะที่ พันตำรวจเอกทนงศักดิ์ ปันไชย ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทอีกคนของผู้กำกับเบิ้ม และเป็นคนที่อยู่ดูแล พาไปกินข้าว พาไปเปิดโรงแรมพักผ่อน ก่อนจะมาเกิดเหตุ และเป็นผู้ที่มาพบศพของผู้กำกับเบิ้ม หลังจากไม่สามารถติดต่อได้ จึงตามไปหาที่บ้านนั้น ก็ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย โดยพันตำรวจเอกทนงศักดิ์ มีสีหน้าที่เศร้า และดูเคร่งเครียดมาก 


ต่อมาภายหลังจากพิธีรดน้ำศพ เวลา 17.30 น. พระสงฆ์สี่รูปเริ่มสวดพระอภิธรรมศพ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวของ พ.ต.อ.วชิรา ญาติ เพื่อน และเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 55 ร่วมฟังการสวดพระอภิธรรมในครั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า


ในวันนี้ (13 ก.ย.) ในเวลา 09.00 น. จะมีการเคลื่อนร่างของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ จ.อุตรดิตถ์ ต่อไป

-------------------------


วานนี้ (12 ก.ย.) ย้อนกลับไปในช่วงเวลา  เวลา 11.50 น. แม่ยายของ ผู้กำกับเบิ้ม เดินทางมาที่แผนกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เพื่อติดต่อรับร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยบอกว่า จะมีการจัดพิธีสวดอภิธรรมที่กรุงเทพมหานคร 1 คืน และในวันนี้ (13 ก.ย.) ก็จะเคลื่อนร่าง กลับไปประกอบพิธีที่บ้านเกิดของผู้กำกับเบิ้มที่จังหวัดอุตรดิตถ์


โดยแม่ยาย ยอมรับด้วยน้ำตาคลอว่า ผู้กำกับเบิ้มได้มีการโทรศัพท์หาครอบครัวก่อนเกิดเหตุ แต่รายละเอียดขอให้ไปถามลูกสาวตนดีกว่า ซึ่งกำลังเดินทางมาพร้อมกับลูกชายวัย 8 ขวบ เมื่อถามว่ามีอะไรอยากจะฝากถึงผู้กำกับเบิ้มหรือไม่ แม่ยาย ตอบว่า เมื่อวานได้ไปที่เกิดเหตุและได้พูดกับเจ้าตัวไปหมดแล้ว ส่วนเมื่อถามว่า ติดใจกับสาเหตุการเสียชีวิตหรือไม่ แม่ยาย ไม่ตอบอะไร



 จากนั้นเวลา 12.30 น. ภรรยา และลูกชายวัย 8 ขวบของผู้กำกับเบิ้ม เดินทางมาถึงที่แผนกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช โดยเมื่อมาถึงภรรยา ลูกชาย และครอบครัวของผู้กำกับเบิ้ม พร้อมด้วยพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้เดินทางเข้าไปด้านในอาคารทันที เพื่อติดต่อรับร่างของ ผู้กำกับเบิ้ม ไปประกอบพิธีทางศาสนา ทั้งนี้ มีญาติของผู้กำกับเบิ้ม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร อยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ และจะเป็นลม ต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยช่วยพยุงอยู่ตลอด


 ต่อมาเวลา 12.40 น. ได้มีการเคลื่อนร่างของ ผู้กำกับเบิ้ม ออกมาขึ้นรถ เพื่อนำไปประกอบพิธีน้ำศพและสวดอภิธรรมคืนแรกที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร ซึ่งภรรยาและลูกชายได้นั่งรถไปกับร่างของ ผู้กำกับเบิ้ม ด้วย โดยลูกชายวัย 8 ขวบ ก็อยู่ในอาการเศร้า พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ต้องคอยกอดปลอบไว้


พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันแรกที่ตนเดินทางไปที่เกิดเหตุที่จังหวัดนครปฐม และได้สอบถามผู้กำกับเบิ้มเบื้องต้น เจ้าตัวก็พูดแต่ว่า เสียใจที่ดูแลลูกน้องไม่ได้ โดยผู้กำกับเบิ้ม เข้ามาเกาะขาตนบอกว่า “พี่ครับ ผมผิด ผมพาน้องไปตาย” และยังบอกด้วยว่า ถ้าจบเรื่องนี้ จะขอไปบวช เพื่อรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา และอยากแสดงความรับผิดชอบ


ทั้งนี้ ก่อนจะมาเกิดเหตุ ตนก็พยายามให้ผู้บังคับบัญชาคอยโทรหา คอยดูผู้กำกับเบิ้มตลอด บอกว่าจะปล่อยน้องเขาไม่ได้ เพราะดูมีความเครียดมาก โดยตนเข้าใจในความเครียดของผู้กำกับเบิ้ม เพราะถูกสังคมกดดันอย่างหนัก ทั้งสื่อโซเชียล และในกลุ่มเพื่อนตำรวจ ก็มีการพูดกันว่า เบิ้มเอาน้องไปตาย ซึ่งผู้กำกับเบิ้มเป็นคนที่คิดมากอยู่แล้ว รวมถึงมีโรคเครียดที่แพทย์เคยระบุไว้ด้วย ดังนั้น เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ต้องประคองสติ แต่ผู้กำกับเบิ้มอาจจะขาดสติในช่วงเวลานั้น


ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม เป็นการฆ่าตัดตอน หรือการจัดฉากหรือไม่นั้น พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ระบุว่า แพทย์นิติเวช ได้พิสูจน์ออกมาชัดเจนแล้วว่า กระสุนมีเพียงแค่นัดเดียว เข้าสมองด้านขวา อีกทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุ เวลาในกล้องวงจรปิดก็ตรงกันหมด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการจัดฉาก แนวคิดแบบนี้เป็นแนวคิดของตำรวจรุ่นเก่าที่ไม่มีความรู้ในเรื่องของการสืบสวน ซึ่งจะทำให้ตำรวจเสียหายด้วย จึงขอให้ยึดที่พยานหลักฐานดีกว่าการคิดมโนไปเอง และครอบครัวของผู้กำกับเบิ้ม ก็ไม่ได้ติดใจอะไรในสาเหตุการเสียชีวิต


พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ยังได้ฝากถึงสังคมโซเชียลในการเผยแพร่ภาพผู้เสียชีวิตว่า อยากให้คำนึงถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย เพราะลูกชายของผู้กำกับเบิ้มก็ยังเด็กมาก และฝากสังคมว่าอย่าดราม่ากับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเยอะ ผู้กำกับเบิ้มไม่ใช่ตำรวจที่เลว ไม่ได้ไปยิงใคร แต่สังคมกำลังพิพากษาเขา มันเป็นการเบี่ยงประเด็นไปหรือไม่ แทนที่จะมุ่งไปที่พฤติการณ์ความผิดของผู้ต้องหา แต่ดันมาจับผิดที่ตำรวจว่าจัดฉากหรือไม่ โดยหากผิดก็ว่าไปตามผิดอยู่แล้ว เพราะมีพยานหลักฐานทุกอย่างทั้งหมด สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็กำลังแก้ไขให้ถูกต้อง ดังนั้น ขออย่าทำให้ตำรวจเป็นจำเลยของสังคม



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/lz65jnxR_mw

คุณอาจสนใจ

Related News