อาชญากรรม

หญิงร้อง ถูกตำรวจเรียกเงิน 1 แสนบาท แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีฐานบุกรุกเคหสถาน

โดย kanyapak_w

31 ก.ค. 2566

509 views

หญิงผู้เสียหายถูกตำรวจเรียกเงิน 1 แสนบาท แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีฐานบุกรุกเคหสถาน ในเวลากลางคืน หลังถูกชายเจ้าของบ้านพยายามลวนลาม จากนั้นตำรวจขอมีความสัมพันธ์ชู้สาว หากจะให้ดำเนินคดีให้



(31 ก.ค.) ผู้เสียหายหญิงคนหนึ่งที่ถูกตำรวจเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือคดี ที่ถูกกล่าวหาดำเนินคดีฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน นำหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ



โดยผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2565 ในจังหวัดสระบุรี ขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้านช่วงกลางคืน จังหวะที่รถยนต์เสียแบตเตอรีหมด และโทรศัพท์มือถือแบตฯ หมด มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือโดยช่วยเข็นรถยนต์ให้ แต่เข็นเข้าไปในที่เปลี่ยว และอ้างว่าจะพาไปเอาแกลลอนเพื่อมาไปซื้อน้ำมันมาเติมรถที่บ้าน และได้ขอยืมสายชาร์จโทรศัพท์ ชายคนดังกล่าวบอกว่าให้เดินไปหยิบสายชาร์จในห้อง



จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เข้ามาล็อกห้องและพยายามลวนลาม จึงได้ออกอุบายขอเข้าห้องน้ำ และหลบหนีออกมาได้โดยให้เพื่อนบ้านช่วยเหลือไว้


เมื่อมาแจ้งความที่สถานีตำรวจ ก็ถูกคุมตัวไว้ เนื่องจาก เจ้าของบ้านได้แจ้งความไว้ว่าบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน แต่ตัวเองก็ได้แจ้งความดำเนินคดีกับชายเจ้าของบ้านไว้ด้วยว่ากระทำอนาจาร จากนั้นเจ้าของบ้านได้ถอนแจ้งความไป แต่ตำรวจไม่ให้ถอนแจ้งความ เนื่องจากอ้างว่าเป็นคดีอาญาไม่สามารถถอนแจ้งความได้



จากนั้นตำรวจยศ “พันตำรวจโท” ได้เรียกรับเงิน 1 แสนบาท พร้อมอ้างว่าจะช่วยเหลือไม่ฟ้องร้องคดี ไม่ต้องถึงชั้นอัยการ แต่หาเงินให้ไม่ได้จึงต่อรองเหลือ 1 หมื่นบาท ซึ่งตำรวจนายนี้ทำคดีที่ถูกกระทำอนาจารให้ต่อ แต่ก็ยังมาขอมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันอีก



นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง กล่าวว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายแล้ว ได้สอบถามไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ก็พบว่า ตำรวจนายดังกล่าวเคยมีประวัติในเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์มาแล้ว 2 ครั้ง และถือว่าเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมเหยื่อจึงต้องพามาร้องขอความเป็นธรรม ให้ดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง



ขณะที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำหลักฐาน และสอบปากคำผู้เสียหายว่าเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 หรือไม่ และหากว่ามีหลักฐานดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการด้วย พร้อมทั้งเตือนให้ประชาชนมีสติหากมีตำรวจมาอ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือทางคดีได้ โดยให้ติดต่อผู้กำกับการของแต่ละพื้นที่ได้ทันที และอย่าโอนเงินเด็ดขาด


คุณอาจสนใจ