อาชญากรรม
อดีตผู้การฯชลบุรี แจ้งเอาผิด 13 ตำรวจ 'พล.ต.ต.-พ.ต.ท.' กลั่นแกล้งให้รับโทษ
19 มิ.ย. 2566
729 views
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผู้บังคับการประจำ บช.ส. ในฐานะอดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชลบุรี เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจยศ พล.ต.ต.-พ.ต.ท. รวม 13 นาย ในความผิดฐานนำข้อความอันเป็นเท็จแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการ, เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
เจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตนำเอาข้อความอันเป็นเท็จแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร ราชการ, เจ้าพนักงานตำแหน่งพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการ ให้เป็นไปตามกฎหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อกลั่นแกล้ง ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภัย
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 18 ต.ค.65 เวลาประมาณ 08.19 น. มีเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ร่วมกันทำร้ายร่างกายกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายรายได้รับบาดเจ็บ โดยมีและใช้อาวุธปืน มีการใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่บริเวณพูลวิลล่า อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในท้องที่ สภ.เมืองพัทยา
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ในฐานะ ผบก.จว.ชลบุรี ในช่วงเวลานั้น มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ต.ค.65 ผบช.ภ.2 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐานและขยายผลในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และผู้ต้องหาที่ 2 เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 6 เป็นเลขานุการ ผู้ต้องหาที่ 3 ถึงผู้ต้องหาที่ 8 กับพวกรวม 12 นายเป็นพนักงานสอบสวน ทั้งยังแต่งตั้งพนักงานสืบสวนอีก 17 นาย ตามคำสั่ง ภ.2 ที่ 276/2565
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ผู้ได้รับมอบอำนาจจาก ผบ.ตร. ลงมากำกับดูแลการสอบสวนสืบสวนและติดตามคดีด้วยตนเอง แต่ ผบ.ตร.ไม่ได้ให้อำนาจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้มีอำนาจมอบหมายสั่งการ หรือแต่งตั้งให้เจ้าพนักงานตำรวจอื่นเข้าทำการสืบสวนสอบสวนหรือติดตามคดีแทนได้ แต่ผู้ต้องหาที่ 12 และผู้ต้องหาที่ 13 กลับแอบอ้างว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มอบหมายให้เข้าร่วมสืบสวนสอบสวน แล้วผู้ต้องหาที่ 12 และ 13 ร่วมกับผู้ต้องหาที่ 10 และผู้ต้องหาที่ 11 กระทำผิดด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำโดยมิชอบ
กล่าวคือเมื่อระหว่างวันที่ 19 ต.ค.65 เป็นต้นมา วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ผู้ต้องหาที่ 12 และ 13 แสดงตนเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน ทั้งที่ไม่มีอำนาจหน้าที่นั้น โดยกระทำการสอบปากคำพยานบุคคล ซึ่งเป็นตำรวจยศ พ.ต.ต.-ด.ต. รวม 6 นาย และสืบสวนสอบสวนปากคำ 3 ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยาในคดีดังกล่าวข้างต้น โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เสร็จแล้วให้ผู้ต้องหาที่ 10 และ 11 เป็นผู้ลงชื่อแทนหรือร่วมลงชื่อด้วย ในฐานะผู้สอบปากคำทั้งที่ตนเองมิได้เป็นผู้ทำการสืบสวนสอบสวน หรือร่วมอยู่ในการสืบสวนสอบสวนจริง โดยมีเจตนากลั่นแกล้ง เพื่อให้ผู้เสียหายต้องถูกดำเนินคดี และให้ได้รับโทษทางอาญาและทางวินัย ต่อจากนั้นผู้ต้องหาที่ 10-13 ร่วมกันจดแจ้งความเท็จ ด้วยการนำเสนอข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบสวนสืบสวนอันไม่ชอบนั้น ใช้เป็นพยานหลักฐานในการกล่าวหาดำเนินคดีอาญาต่อผู้เสียหาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ต.ค.65 เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนข้างต้น พร้อมชายอีก 2 คน เข้ามาพบหัวหน้าพนักงานสืบสวนในคดีตามคำสั่ง ภ.จว.ชลบุรี ที่ 448/2565 ดังกล่าว ที่ทำการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี โดยผู้ต้องหาคนหนึ่งเข้ามามอบตัวตามหมายจับ ส่วนอีก 2 คน อ้างเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย จากนั้นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน รายงานให้ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ทราบ และ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น
ต่อมาในฐานะผู้บังคับบัญชาได้เข้ากำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยคณะทำงาน มีเจ้าพนักงานตำรวจหลายนายจากหลายหน่วยงาน ทั้งเข้าร่วมสืบสวนสอบสวน และเข้าร่วมสังเกตการณ์ ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหาที่ 12 กับพวก ที่อ้างว่าเป็นชุดคลี่คลายคดีสำคัญ โดยรับคำสั่งจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รวมอยู่ด้วย ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน มีการตั้งข้อสังเกตจากผู้ร่วมปฏิบัติหลายนาย ว่าผู้ที่มารับสมอ้างเป็นผู้ต้องหา 2 คนนั้น มีลักษณะหรืออัตลักษณ์เฉพาะตนไม่ตรงกับบุคคลในภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุ
คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของ บก.ภ.จว.ชลบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้มาร่วมในการตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคล ทั้งการตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือ การตรวจคราบเขม่าดินปืน และการตรวจ DNA ตรวจพิสูจน์อาวุธปืน และตรวจพิสูจน์รถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ ที่ผู้ต้องหาได้นำมามอบให้กับเจ้าพนักงานตำรวจในวันดังกล่าว เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลและผู้ร่วมกระทำความผิด และมีการตรวจสอบและเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดในสถานที่เกิดเหตุ เพื่อเปรียบเทียบตรวจสอบยืนยันอัตลักษณ์บุคคลหลายครั้ง กับทั้งมีการซักถามผู้ที่มารับสมอ้างเป็นผู้ต้องหา 2 คน เป็นเวลานานหลายชั่วโมง ระหว่างนั้นในช่วงเวลาบ่ายของวันเดียวกันนั้น มีบุคคลเดินทางเข้ามอบตัวเพิ่มอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน
คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนและผู้ร่วมปฏิบัติหลายนาย มีการตั้งประเด็นข้อสงสัยดังกล่าว มีการถกเถียงอย่างกว้างขวางและเปิดเผยในกลุ่มเจ้าพนักงานตำรวจที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ ณ ขณะนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงอย่างชัดแจ้ง และเพื่อเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผู้เสียหายกำชับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนหลายครั้งหลายคราให้สอบปากคำผู้เสียหายและพยาน ซึ่งส่วนมากในขณะนั้นอยู่ที่ สภ.เมืองพัทยา ให้ปรากฏชัดว่าผู้ที่มารับสมอ้างเป็นผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนั้น เป็นผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุจริงหรือไม่ อย่างไร มีใครเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดบ้าง หากพบว่าผู้ที่มารับสมอ้างเป็นผู้ต้องหา ทั้งที่มิใช่ผู้ต้องหาที่แท้จริง ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน และข้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย ซึ่งทั้งหมดนั้นถือเป็นขั้นตอนตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย ภายใต้อำนาจหน้าที่ของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนทั้งสิ้น และเพื่อให้การดำเนินการสืบสวนสอบสวนอันเป็นการปฏิบัติราชการตามขั้นตอนของกฎหมายให้สัมฤทธิ์ผล โปร่งใส และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และมูลความผิดหลักอยู่ในท้องที่ สภ.เมืองพัทยา คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงส่งตัวผู้ต้องหาและผู้รับสมอ้างเป็นผู้ต้องหาทั้งหมดไปยัง สภ.เมืองพัทยา เพื่อให้ผู้เสียหายและพยานชี้ตัว และสอบสวนปากคำผู้เสียหายและพยาน เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และพิสูจน์ทราบการกระทำความผิด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้เป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมาย หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ต.ค.65 ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จึงส่งตัวผู้ต้องหารวม 4 คน ไปให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย หาใช่เป็นการดำเนินการของผู้ต้องหาที่ 12 กับพวก ตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของ บช.ภ.2 กล่าวอ้าง และใช้เป็นพยานหลักฐาน ในการกล่าวหาและดำเนินคดีอาญาต่อผู้เสียหาย ดังที่ปรากฏในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่ 14 พ.ย.65 และตามที่ผู้ต้องหาที่ 6 นำข้อความอันเป็นเท็จจดแจ้งในประจำวันข้อ 5. เวลา 13.45 น. วันที่ 18 พ.ย.65 ของ สภ.เมืองชลบุรี เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายไว้ โดยอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและส่งพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาต่อไป
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Y9VjxcJqehU
แท็กที่เกี่ยวข้อง อดีตผู้การฯชลบุรี ,พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ,กิตติ์ธเนศธนนันท์ทวีสิน