อาชญากรรม

แฉอีก! ส่วยตำรวจท่องเที่ยว เก็บเงินบริษัททัวร์ใช้ไกด์เถื่อน แลกไม่โดน ปรับ-จับดำเนินคดี

โดย petchpawee_k

1 มิ.ย. 2566

5.5K views

แฉ! ส่วยตำรวจท่องเที่ยว เก็บเงินรายเดือนจากบริษัททัวร์ทำผิดกฎหมาย ที่ใช้ไกด์เถื่อนนำเที่ยวแลกกับไม่โดนจับดำเนินคดี มีมานานเหมือนส่วยทางหลวง คนวงการทัวร์รู้แต่ไม่กล้าเปิดโปงเพราะไม่มีหลักฐาน เผย ตำรวจไม่จับเพราะผลประโยชน์ ถามรัฐจะจัดการอย่างไร


 วานนี้ (31 พ.ค.) แหล่งข่าวในแวดวงทัวร์หรือธุรกิจนำเที่ยว เผยกับทีมข่าวถึงกรณี “ส่วยตำรวจท่องเที่ยว” ว่าปัจจุบันมีบริทัวร์จีน ตั้งอยู่ในในประเทศไทย ประมาณ 300 บริษัท (อาจมีมากกว่านี้) โดยมีเจ้าของเป็นคนจีน และมีคนไทยเป็นนอมินี ซึ่งตั้งบริษัทถูกกฎหมายแต่ดำเนินงานผิดกฎหมายและจ้างไกด์เถื่อนเป็นคนจีนไม่มีใบอนุญาต เมื่อถูกเรียกเก็บส่วยบริษัทหล่านี้ยินดีที่จะจ่าย เพราะทำผิดกฎหมายจึงต้องจ่าย เพื่อความสะดวกในการทำธุรกิจ



แหล่งข่าวคนดังกล่าวให้ข้อมูลอ้างว่า กว่า 250 บริษัท จ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ช่วงก่อนโควิดเฉลี่ยเดือนละ 50,000 บาท แลกกับไม่ถูกจับ แล้วแต่บริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ โดยตำรวจท่องเที่ยวและบริษัททัวร์จีน เขารู้กันและเอื้อผลประโยชน์ต่อกัน มีมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ทัวร์จีนเริ่มบูม ไม่มีใครกล้าออกมาเปิดโปงเพราะไม่มีหลักฐาน ยืนยันมีการจ่ายส่วยจริง คนในวงการทัวร์รู้กันหมด มีบริษัทส่วนน้อยที่ไม่จ่ายส่วยเพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย


 “เมื่อมีแผลการหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกจับก็ต้องจ่ายเป็นเรื่องปกติ ไม่มีหลักฐานว่าจ่ายเงินกันยังไง แต่ตนทราบจากบริษัททัวร์มีการจ่ายจริงมันพูดลำบากเพราะไม่มีหลักฐาน แต่คนในแวดวงนี้ยอมรับว่าจ่ายจริง โดยเฉพาะตลาดจีนรู้กันหมด ถ้าไม่จ่ายบริษัทที่ใช้ไกด์เถื่อนก็จะถูกจับกุมเพราะมีความผิด ถ้าไม่จ่ายบริษัทเหล่านี้ก็อยู่ไม่ได้หรอกเพราะผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ”



บริษัทเหล่านี้ยอมจ่าย เพราะมีรายได้จากลูกทัวร์จึงยอมจ่ายเงินให้กับตำรวจ เสี่ยงถูกจับก็ยอม สิ่งที่ตนพูดไม่ได้กล่าวหาทุกคนรู้เพียงแต่เราไม่มีหลักฐาน เรื่องนี้มีมานานก็เหมือนส่วยทางหลวงมีมาตั้งแต่สมัยไหน “ถ้าไม่มีส่วยทัวร์จีนผิดกฎหมายอยู่ได้ไง ทำไมไม่จับ ถ้าจะจับก็จับได้หมดแหละ ไม่ทำการปราบปราม ก็ยังหากินกันอยู่ได้ ไปดูไกด์ที่พัทยาไม่ห้อยบัตรสักคน ถ้าไม่มีส่วยก็จับไปนานแล้ว เพราะมีส่วยเลยไม่จับ มีผลประโยชน์กันอยู่”



แหล่งข่าวคนนี้มองว่า “ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ได้ในเมื่อมีเงินเป็นตัวนำ ดังนั้นถ้าจะปราบเรื่องนี้ต้องปราบที่ต้นตอแต่ไม่เคยมีใครกล้าไปปราบบริษัทเหล่านี้ ตำรวจก็แค่กินไปตามน้ำ ต้องปราบบริษัทที่ผิดกฎหมาย บริษัทนอมินี เอาให้สะเด็ดน้ำ ไม่งั้นทุกอย่างก็เหมือนเดิม ถ้าทุกบริษัททำถูกกฎหมาย ตำรวจก็หากินไม่ได้ก็ไม่ต้องจ่ายส่วยแม้แต่บาทเดียว” อยู่ที่รัฐจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร



ไกด์ต่างชาติเถื่อนเหล่านี้จะทำงานไม่ได้ถ้าไม่มีคนไทยช่วยอยู่เบื้องหลัง ตำรวจมีอำนาจจับแต่เขาไม่จับจะทำยังไงได้ นานทีจับไกด์เถื่อนประปรายเป็นผลงาน ถ้าจะจับวันนึงได้เป็นพันคน เช่น เขาชีจรรย์ ท่าเรือแหลมบาลีฮาย สวนนงนุช อัลคาซ่าร์ เกาะล้าน พัทยา หัวหิน สมุย ภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวสำคัญไกด์ผีทั้งนั้น เป็นข้อมูลที่วงการทัวร์รับรู้มาเป็น 10 ปี บริษัทที่จ้างไกด์เถื่อนจึงยินดีที่จะจ่ายเงินให้ตำรวจ คนจีนเขาบอกว่าจะให้ไปสู้คดีในศาลกินขี้หมาดีกว่า


 ด้านมัคคุเทศก์ รายหนึ่งเปิดเผยว่า ส่วยตำรวจท่องเที่ยว มีมานานเชื่อว่าปัจจุบันก็ยังมีอยู่ ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บเงินกับไกด์ต่างชาติที่ผิดกฎหมาย ไม่มีหลักฐานแต่คนในวงการรับรู้ว่ามีการเก็บรายเดือน ซึ่งตำรวจแบ่งเป็นกอง เช่น กอง 1 เก็บพื้นที่กรุงเทพฯ/ กอง 2 เก็บพื้นที่พัทยา ชลบุรี ส่วนกองอื่นๆ เก็บพื้นที่ไหนบ้างก็แล้วแต่กอง ซึ่งบริษัททัวร์จะมีตัวกลางทำหน้าที่ดีลกับตำรวจ



 โดยตำรวจจะลิสต์รายชื่อบริษัททัวร์ไว้ เรียกว่า ‘จ๊อบออเดอร์’ เป็นทัวร์บริษัทอะไร บริษัทไหนจ่ายแล้ว เวลาเจ้าหน้าที่เจอไกด์ (เถื่อน) ของบริษัทนั้นๆ ก็จะไม่โดนจับจับกุม ส่วนส่วยที่ต้องจ่ายรายเดือนจำนวนเงินขึ้นอยู่กัขนาดบริษัทเล็กใหญ่ ทัวร์เยอะหรือไม่เยอะ ซึ่งบริษัทที่ถูกกฎหมายไม่ต้องจ่ายแต่มีส่วนน้อย ส่วนใหญ่ที่ใช้ไกด์ต่างชาติไม่มีใบอนุญาตนำเที่ยวต้องจ่ายค่ารายเดือน



 กระบวนการนี้ถ้าจะตรวจสอบหลักฐานยากมาก เส้นทางการเงินก็ตรวจสอบยากมาก อาจมีการใช้บัญชีม้า คนในวงการทัวร์รู้ว่ามีขบวนการนี้อยู่ บริษัทที่จ่ายส่วนใหญ่ทำผิดกฎหมายซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ ด้วย ถ้าไม่ผิดจะจ่ายทำไม ที่ตำรวจไม่จับมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ เชื่อว่าตำรวจระดับใหญ่ๆ ก็ต้องรู้ สังเกตได้จะเห็นชาวต่างชาติลักลอบเป็นไกด์โดยทั่วไปแทบจะทุกสถานที่ แต่ที่ผ่านมาแทบไม่การจับกุม ก็เพราะมีการจ่ายส่วย



 “ส่วนตัวอยากให้ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพตำรวจขึ้นอยู่กับผลงานที่ให้บริการประชาชน ถ้าความเจริญก้าวหน้าของตำรวจขึ้นอยู่กับเม็ดเงิน ระบบส่วยก็จะอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ”



คุณอาจสนใจ