อาชญากรรม
สั่งย้ายผู้ปกครองสถานสงเคราะห์สระบุรี หลังถูกแฉ ลงโทษเด็ก จับมัดมือ-มัดเท้า โกนผม ขังในห้องมืด
โดย petchpawee_k
30 พ.ค. 2566
150 views
นรกบนดิน! แฉพี่เลี้ยงสถานสงเคราะห์เด็กที่สระบุรี ลงโทษเด็ก จับมัดมือ มัดเท้า โกนผม เตะตกบันได ถีบตกเก้าอี้ ถีบอัดตู้ ขังในห้องมืด เด็กร้องขอความช่วยเหลือบอกถูกแช่ในท่อน้ำทิ้ง ปลัดพม. สั่งย้าย ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ฯ เข้ากรุ สั่งสอบสวนข้อเท็จจริง
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพเด็กหญิงที่อยู่ในสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสระบุรี ถูกลงโทษตัดผมสั้น มัดมือ มัดเท้า มัดปาก นั่งอยู่ในห้องน้ำ กับอีกภาพ เด็กถูกทำโทษด้วยการให้นอนในห้องน้ำ ใต้อ่างล้างหน้า
พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับรู้เรื่องนี้มา ไม่นิ่งนอนใจที่จะหาทางตีแผ่สู่สังคม เด็กกว่า 280 ชีวิตต้องเผชิญกับความโหดร้ายจากสังคมภายนอกมาแล้ว ยังต้องมาเจอความโหดร้ายจากผู้ดูแล ทำไมมาตรการการทำผิดต้องมีห้องมืดฝากสื่อด้วยนะคะ ยินดีให้ข้อมูล ฝากแชร์เพื่อเป็นสะพานบุญให้เด็กหลายร้อยชีวิตด้วยนะคะ”
นอกจากนี้ยังได้โพสต์ตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า "มาตรการขังห้องมืด เคยเห็นแต่ในเรือนจำ นี่มันเด็ก ทำไมต้องขังห้องมืด ทำไมต้องทำขนาดนั้น"
อีกทั้งยังมีการโพสต์คลิปเสียงของเด็กที่อยู่ในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ถูกแชร์ในติ๊กต๊อก เล่าให้ฟังว่า ถูกทำทารุณอย่างไรบ้าง ซึ่งช่วงหนึ่งเด็กได้เล่าว่า "เขาจับหนูลงหลุม บางอันก็มีน้ำ บางอันก็ไม่มีน้ำ เขาทั้งกัดหนู ทั้งตีหนู ทั้งเอามีดมาเชือดหนู"
ยังมีอีกคลิปที่เป็นเสียงของคนที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ กำลังพูดคุยกับเด็ก บางช่วงมีคำด่า ด้วยถ้อยคำหยาบคาย/ คลิปนี้ถูกแชร์ในติ๊กต๊อก ผู้โพสต์ระบุว่า “สถานสงเคราะห์เค้าพูดกับเด็กแบบนี้กันเหรอ??”
ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังผู้โพสต์เรื่องราวทางเฟซบุ๊ก เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงของโพสต์ดังกล่าว ทราบชื่อผู้โพสต์ คือน.ส.ธัญญารัตน์ เล่าว่า ตนได้รับทราบข้อมูลจากน้องสาวที่นับถือกัน ซึ่งทำงานเป็นพยาบาลวิชาชีพอยู่ภายในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงแห่งหนึ่ง ใน จ.สระบุรี ว่า ภายในสถานสงเคราะห์ที่เขาทำงาน มีการทารุณกรรมเด็ก และลงโทษเด็กด้วยบทลงโทษที่ไม่ควรมีภายในสถานสงเคราะห์
จึงควรให้คนอื่นรับรู้ถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานของสถานสงเคราะห์ ที่ทำต่อเด็ก ให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิด และเร่งช่วยเหลือเด็กๆ ให้พ้นจากกลุ่มคนพวกนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เกรงว่าน้องสาวจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากออกมาตีแผ่ความจริง จึงให้น้องมาพักอยู่ด้วยกัน
โดยสถานสงเคราะห์แห่งนี้ เป็นหน่วยงานของรัฐ มีเด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบ ไปจนถึง 18 ปี อาศัยอยู่รวม 280 คน และจากการสังเกตเด็กเล็กจะถูกกระทำหนักกว่าเด็กโต เบื้องต้นมีการอ้างว่าครูไม่ได้ทำ แต่รุ่นพี่เป็นคนทำ จึงสงสัยว่าหากครูไม่รู้เห็น เด็กจะกล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร
เชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้น่าจะเกิดมานานแล้ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเรื่องนี้และดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.มีนา (นามสมมติ)อายุ 16 ปี เด็กนักเรียนที่อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์ดังกล่าว ให้ข้อมูลว่าส่วนตัวไม่ทราบว่าเด็กคนไหนถูกทำร้าย เนื่องจากอยู่คนละหอกัน ยืนยันในฐานะที่ตนเองมาอยู่สถานสงเคราะห์แห่งนี้ตั้งแต่ 4 ขวบ ไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่คนไหนทำร้ายเด็กให้เห็น
“ความเป็นอยู่ภายในหอพัก ยอมรับว่าที่ผ่านมา เด็กเล็กและเด็กโตต้องอยู่ร่วมกัน เพราะตามกฏของสถานสงเคราะห์เด็กที่โตแล้วต้องช่วยเจ้าหน้าที่ดูแลรุ่นน้อง มีทะเลาะตบตีกันบ้างตามภาษาเด็กแย่งของกัน แต่ไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่ทำร้ายเด็กตามที่ถูกกล่าวหา”
ทีมข่าวยังได้คุยกับเด็กนักเรียนที่เคยอยู่สถานสงเคราะห์ดังกล่าว (ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว) เล่าว่า ไม่ได้มีแม่บ้านที่แย่อย่างเดียว ที่ดีก็มี ตนเองเคยอยู่สถานสงเคราะห์นี้มาก่อนก็เห็นแม่บ้านคนเก่าสมัยตอนอยู่ทำแต่ไม่มีใครกล้าฟ้องอะไรเลย คิดว่าแม่บ้านคนเก่า ๆ บางคนที่มีอายุจะดูแลเด็ก ๆ ได้ดีกว่านี้ แต่มันกลับแย่ลงไปอีก
ตนไม่เคยโดนกระทำ แต่มีรุ่นพี่โดนแม่บ้านที่เป็นคนดูแลหอพักตบหน้าเพราะทำอะไรไม่ถูกใจ หนักสุดโดนเตะ กระทืบเรื่องใส่เสื้อผ้าและยกทรงมั่ว เอาของคนอื่นมาใส่ ใครอยู่เป็นก็ไม่โดน ทั้งนี้ตนเองอยู่ในสถานสงเคราะห์เพียง 3-4 ปีทุกครั้งที่เกิดเรื่องเด็กๆ ไม่มีใครกล้าไปแจ้งผู้ปกครองของสถานสงเคราะห์ฯ
ตั้งแต่ที่ตนออกจากสถานสงเคราะห์มา คิดว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว ก็รู้สึกแย่ มันหนักกว่าเดิมมาก แต่ก่อนทารุณกรรมเด็กทำกับเด็กเหมือนไม่ใช่เด็ก ทำกับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีทางสู้ บางคนโดนตีหัวตีหลัง ตนคิดว่าที่ไม่ทำกับเด็กโตเพราะเด็กโตอาจจะสู้หรือเปล่า
“หนูอยากให้เข้าใจความรู้สึกของเด็กบ้าง เขาเจอโลกภายนอกมาแล้ว มันแย่แล้วทำไมต้องเข้ามาเจออะไรที่แย่กว่าเดิม ในสถานสงเคราะห์ ฯ ก็อยากให้ปรับปรุงตรงนี้ อยากให้ทุกหน่วยงานเข้าไปดูทุกสถานสงเคราะห์เลย”
----------------------------------------------------
เปิดใจพยาบาลวิชาชีพ แฉพี่เลี้ยงสถานสงเคราะห์ทารุณเด็กสารพัด ทุบตี มัดมือมัดเท้าขังในห้องน้ำ จับโกนหัว พอเรื่องแดงเรียกเด็กมาเค้นถาม ใครถ่ายภาพ!! เด็กหวาดกลัวไม่กล้าแจ้งผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ฯ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับบุคลากรที่ทำงานด้านในสถานสงเคราะห์ฯ คือ น.ส.เปิ้ล (นาสมมติ) เป็นพยาบาลวิชาชีพ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เห็นในโพสต์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ภายในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงดังกล่าว
โดยตนเองเพิ่งมาทำงานในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งทันทีที่เข้ามาถึง ก็สังเกตเห็นความผิดปกติเนื่องจากเด็กที่นี่ดูไม่ร่าเริง ไม่กล้าสบตาผู้ใหญ่ เวลาพูดคุยก็จะถามคำตอบคำ หวาดกลัวพี่เลี้ยง
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเด็กมาทำแผลที่ห้องพยาบาลกับตน สังเกตเห็นว่ามีบาดแผลบริเวณขา จึงถามเด็กว่าโดนอะไรมาเด็กบอกว่า "โดนแม่ตี" ซึ่ง "แม่" ที่เด็กเรียกนั้นก็คือพี่เลี้ยงเด็ก ตนเคยรายงานผู้ใหญ่ให้ทราบ พี่เลี้ยงก็อ้างว่าเด็กดื้อจำเป็นต้องตี
หลังจากนั้นตนเองได้คลุกคลีกับเด็กมากขึ้น จนเด็กเริ่มไว้ใจ และมาเล่าข้อมูลให้ฟัง ว่าพี่เลี้ยงที่ทำทารุณกับเด็กนั้นมีหลายคน ที่ผ่านมาจะโดนพี่เลี้ยงลงโทษด้วยวิธีการหลากหลาย ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ อาทิ เตะจนตกบันได , ถีบตกเก้าอี้ , ถีบอัดตู้ , ขังในห้องมืด แล้วโยนตุ๊กตาน่ากลัวให้เด็ก
นอกจากนี้ ยังมีการเอาเด็กไปแช่ในท่อน้ำทิ้ง ซึ่งในนั้นมีน้ำสกปรก มีทั้งแมลงสาบ สัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งเด็กจะโดนจนชิน และจะมีคำเรียกติดปากว่า "โดนลงหลุม" ซึ่งความโหดร้ายยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เด็กบางคนยังโดนขังให้นอนในห้องน้ำ บางคนโดนมัดมือมัดขา และปิดปาก เด็กบางคนโดนจับโกนผม สร้างความอับอาย
โดยหลังจากที่ตนรับทราบเรื่องราวจากเด็ก และเห็นภาพการถูกทารุณกรรมต่าง นานา จึงรายงานให้กับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ ก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า เพราะพี่เลี้ยงเด็กที่ก่อเหตุ ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการด้วย
---------------------------------------------------------------
ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ฯ ยอมรับเด็กถูกมัดมือ-มัดเท้า-มัดปากเกิดขึ้นจริง อ้างรุ่นพี่กระทำต่อเด็กรุ่นน้องอาศัยจังหวะพี่เลี้ยงเผลอเข้าห้องน้ำ 10 นาที ยันเด็กทำกันเองไม่เกี่ยวข้องกับบุคลากรในสถานสงเคราะห์ แจงภาพโกนผมเด็กป่วย "โรคชันนะตุ" หรือเชื้อราที่หนังศีรษะ
นางธนภร ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ดังกล่าว ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่ปรากฏตามภาพ เด็กโดนมัดมือ มัดเท้า มัดปากเกิดขึ้นจริง เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เด็กรุ่นพี่กระทำต่อเด็กรุ่นน้อง โดยอาศัยจังหวะช่วงที่พี่เลี้ยงเผลอไปเข้าห้องน้ำ ประมาณ 10 นาที ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรในสถานสงเคราะห์ แต่เป็นการกระทำระหว่างเด็กด้วยกันเอง
ส่วนกรณีปรากฏภาพเด็กโดนโกนผมนั้น ขอชี้แจงว่าเด็กรายดังกล่าวป่วยเป็นโรคผิวหนัง "โรคชันนะตุ" หรือเป็นเชื้อราที่หนังศีรษะ ซึ่งภายในสถานสงเคราะห์ก็มีเจ้าหน้าที่พยาบาลในการรักษา ซึ่งการโกนผมก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนการรักษา ไม่ได้เป็นการลงโทษเด็กแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตนเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากมีเจ้าหน้าที่ภายในสถานสงเคราะห์ ทำหนังสือรายงานขึ้นมา เบื้องต้นได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และได้มีการแยกตัวผู้ที่ถูกกล่าวหา ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเด็ก หากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่ามีเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรภายในมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทารุณกรรมเด็กก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้บุคลากรทุกคนของสถานสงเคราะห์ ผ่านการอบรมและปฏิบัติตามมาตรการเเละดูแลเด็กตามหลักสิทธิ
----------------------------------------------------
อธิบดีกรมกิจการเด็ก สั่งย้ายผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ และสั่งเจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติงานแล้ว ด้าน ปลัด พม. สั่งสอบข้อเท็จจริงด่วน
นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า จากการรายงานข้อมูลเบื้องต้น เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 ซึ่งหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน ของสถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัดสระบุรี ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทันทีในขณะนั้น และพบว่ามีมูล ตามที่มีผู้โพสต์ในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการกระทำต่อเด็ก แต่ข้อมูลที่ให้มานั้น อาจความรุนแรงเกินความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ในส่วนกรมกิจการเด็กและเยาวชน ทันทีที่กรมทราบเรื่อง ได้สั่งย้ายผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัดสระบุรีเข้ามาประจำที่กรมฯ และส่วนที่สอง ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในระดับกรมฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในสถานสงเคราะห์เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.) ทันที
เจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่มีการรายงานข่าว เป็นการให้ข้อมูลเกินจากความจริง อย่างเช่นการโยนเด็กลงหลุม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ข้อเท็จจริงหลังจากลงพื้นที่วันนี้ คณะกรรมการของกรมฯและผู้ตรวจกระทรวงได้ข้อเท็จจริงแล้ว จะแจ้งข้อมูลให้สาธารณชนทราบอีกครั้ง
ขณะนี้ ได้สั่งย้ายผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ดังกล่าวไปปฎิบัติราชการที่ส่วนกลาง อีกทั้งเย็นวันนี้ ได้นัดประชุมด่วนกับผู้บริหารทุกกรม เพื่อเตรียมจัดระบบสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศใหม่ในการดูแลผู้รับบริการทุกกลุ่มเป้าหมาย
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/rQIjTUyQJ0c