อาชญากรรม

‘พี่สาว’ แจงครอบครัวไม่เคยรู้พฤติกรรม ‘แอม’ วอนสังคมเข้าใจ ยันไม่ใช่เภสัชฯ น้องสาวโกหกสร้างโปรไฟล์

โดย petchpawee_k

2 พ.ค. 2566

48 views

‘พี่สาวแอม’ เปิดใจให้ข้อมูลทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ วอนสังคมเข้าใจ ตัวพี่สาว - ครอบครัว ไม่ได้ใกล้ชิด ไม่รู้พฤติกรรมแอม ส่วนยาแคปซูล มาขอรับแค่ช่วงโควิดเป็นสมุนไพรแจกชาวบ้าน แอมมาขอ โดยไม่รู้ว่าเอาไปผสมอะไรต่อหรือไม่ ยืนยันพี่สาวไม่ใช่เภสัชกร แต่แอมโกหกเอาไปสร้างโปรไฟล์ตัวเอง ตกใจแอมทำให้คนเสียชีวิตมากมาย ขอให้รับโทษสูงสุด หากแอมคลอด แล้วสามีไม่รับเด็ก ก็จะรับหลานมาเลี้ยงเอง


คดีที่เกี่ยวข้องกับแอม และนำไปสู่การตรวจค้นบ้านพี่สาวต่างมารดา ที่จังหวัดราชบุรี เพื่อตรวจสอบยาแคปซูล ที่แอมอ้างว่า เอามาจากพี่สาว


วานนี้ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ลงพื้นที่ บ้านพี่สาวของแอม ได้เปิดใจทีมข่าวของเรา ถึงประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้น และ เรื่องราวที่ครอบครัวกำลังเจอผลกระทบจากการกระทำของแอม


โดยบ้านพี่สาวของแอม ในจังหวัดราชบุรี จุดนี้ตำรวจเคยมาตรวจค้นก่อนหน้านี้ และเก็บตัวอย่างยาแคปซูลส่งไปตรวจสอบ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลตรวจแล็บ ของ อ.อ๊อด ม.เกษตร ในขณะนี้


พี่สาวของแอม เล่าว่า เธอกับแอม มีพ่อคนเดียวกันแต่ต่างมารดา ไม่ได้สนิทสนมตั้งแต่เด็ก จนโตแยกกันอยู่คนละบ้าน เป็นครอบครัวใหญ่ 3 ครอบครัว  


เมื่อแอมแต่งงานกับสามีที่เป็นตำรวจ ก็มีหลานเรียนโรงเรียนใกล้ๆ กับที่บ้าน พี่สาวจึงได้ไปมาหาสู่กัน ไม่เคยรู้นิสัยของแอม ว่าลึกๆ เป็นอย่างไร และไม่เคยรู้ว่าทำอาชีพอะไร รู้แค่ว่า เป็นภรรยารอง ผกก.เขาก็จะเรียกคุณนาย


หลังเกิดเหตุ ครอบครัวของเธอ ไม่ได้กลัวการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เพราะการกระทำของแอม ทั้งสารพิษ และการยืมเงินคนอื่นหรือหลอกใคร ทางบ้านไม่เคยรับรู้ แต่พอถูกจับและขยายวงกว้าง พบว่าแอมทำกับคนอื่นหลายคน


“ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับครอบครัว และต้องการให้สังคม เข้าใจว่าตัวพี่สาวและครอบครัว ไม่ได้เกี่ยวข้อง ตอนนี้ไปไหนมาไหน ก็มีแต่คนถาม ไปตลาดก็ไม่กล้า บางคนก็กลัว จึงอยากขอให้สังคมเข้าใจว่า สิ่งที่แอมทำ คือเขาทำส่วนตัวด้วยตัวเขาเอง ที่บ้านไม่เคยรู้เรื่องเลย


ไล่เรียงกันไปทีละประเด็น


ประเด็นแรก ความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ กับแอมกับพี่น้อง มีความห่างเหินกันมาก เพราะเป็นพี่น้องต่างมารดา/ ซึ่งตัวแเอมไม่เคยมีบ้านอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับพี่สาวตั้งแต่เกิด


ประเด็นที่สอง ยาแคปซูลมาจากไหน พี่สาวแอม ชี้แจงว่า แอมเอามาจากที่บ้านพี่สาวจริง และได้ชี้แจงและให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว โดยยาแคปซูล เป็นยารักษาและบรรเทาอาการโควิด ช่วงโควิด ระบาด เนื่องจากพี่สาวเป็นหมอพื้นบ้านมาก่อน ดังนั้นช่วงโควิดระบาด มีหน่วยงานนำพวกยาแคปซูล - สมุนไพร มาแจกให้ทางบ้านพี่สาว เพื่อช่วยไว้แจกจ่ายประชาชน ที่เดินทางมาขอ  และที่สำคัญ ที่บ้านไม่ได้เปิดเป็นร้านขายยาใดๆ ทั้งสิ้น พี่สาวไม่ได้เป็นเภสัชกร แต่ประกอบวิชาชีพ เป็นหมอพื้นบ้าน


ซึ่งยาแคปซูลที่แอมมาเอาไป อยู่ในช่วงที่โควิดระบาด ซึ่งแอมอ้างว่า มาขอเพื่อไปใช้ช่วยเหลือคนอื่นต่อ พี่สาวก็ใจดีให้ไป แต่แอมเอาไปผสมหรือทำอะไรต่อหรือไม่ ประเด็นนี้ พี่สาวและทางครอบครัวไม่ทราบจนเมื่อเป็นข่าว


ส่วนแคปซูลเปล่า ที่ตำรวจเจอจำนวนมากด้วย ส่วนนี้ยืนยันว่า ไม่ได้ให้แอม แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า เดี่ยวนี้ การหาซื้อหรือจะทำอะไร ก็หาซื้อได้ในอินเทอร์เน็ต รวมถึงสูตรต่างๆ ที่อาจนำไปผสมเป็นตัวยา แต่ไม่ใช่มาจากพี่สาวแน่นอน


ประเด็นที่สาม กลัวเรื่องการตรวจสอบทางคดีหรือไม่ พี่สาวแอมยืนยันว่า ไม่กังวลและครอบครัวก็ไม่กังวล เพราะถือว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สิ่งที่กลัวและไม่สบายใจตอนนี้ คือ สายตาในคนชุมชนในพื้นที่ ที่มองเข้ามาที่ครอบครัวนี้ หรือเวลาไปจับจ่ายที่ตลาด สายตาที่ไม่เข้าใจ ไม่เป็นมิตร ทำให้ครอบครัวเป็นทุกข์ในสิ่งที่ไม่ได้ก่อ และขอให้สังคม เปิดใจ เข้าใจว่า พวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับ คดีแอมและอย่างที่บอกว่า ความสัมพันธ์กับครอบครัว ก็ห่างกันมาก


แอมมีพฤติกรรมสนใจเรื่องยา หรือ อะไรหรือไม่อย่างไร ก็อธิบายได้ยาก เพราะไม่สนิทกัน แต่เขาพยายามสร้างโปรไฟล์ว่าใกล้ชิดกับพี่สาว และพี่สาวเป็นเภสัชกรด้วย


ส่วนเรื่องการเล่นแชร์ การประกอบอาชีพของแอม ครอบครัวไม่เคยรู้ รู้แต่ว่าทุกคนเรียกคุณนายแอม และก็ต่างคนต่างอยู่ เพราะมีครอบครัวแล้ว


พี่สาวแอม บอกว่าแอมเคยมาขอยืมเงินครั้งเดียว แต่พี่สาวไม่มีให้ พอเห็นข่าวก็แอบคิดถ้าให้ยืมเงินไป คนที่อาจจะเสียชีวิตก็อาจเป็นพี่สาวได้ ยอมรับว่ากลัวกับพฤติกรรมแอมมาก


ส่วนเรื่องการรับโทษทางกฎหมาย สิ่งที่แอมทำ ครอบครัวคนอื่นเสียใจทางพี่สาวและครอบครัวคุยกันว่า จริงๆ แล้ว อยากให้ "แอม" รับโทษสูงสุด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ หลายชีวิตที่สูญเสีย


ส่วนประเด็นเรื่อง เด็กในท้องที่แอมตั้งครรภ์ขณะนี้ ทางครอบครัวคุยกันว่า ถ้าแอมคลอดแล้ว ทางฝ่ายสามีแอม จะรับไปดูแลก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ยอมรับ ทางพี่สาวและครอบครัว ก็จะรับหลานมาดูแลเอง

----------------------------------------

แม่น้องทราย เผยหลังให้ปากคำตำรวจนาน 9 ชั่วโมง ยังยืนยันคนที่ทำให้ลูกสาวเสียชีวิตคือ แอม พร้อมเล่าช่วงแอมเป็นผู้จัดการมรดกลูกสาว เป็นถือกุญแจบ้านที่สามพราน พบว่าของหายหมดบ้าน – เล่าย้อนตอนลูกบินกลับจากอเมริกา ลงเครื่องยังไม่เจอหน้ากลับพบว่าเสียชีวิตก่อนแล้ว


จากกรณีที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ได้นำนางลัดดา แม่ของทราย ชาวจังหวัดกำแพงเพชร ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2558 เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับ แอม ผู้ต้องหาคดีฆ่าวางยาไซยาไนด์


ภายหลังให้ปากคำตำรวจนานกว่า 9 ชม. นางลัดดา ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า รู้สึกสบายใจขึ้น ขณะเดียวกันระหว่างให้ปากคำกับตำรวจ ตำรวจก็บอกว่ามีหลักฐานเกี่ยวกับคดี ซึ่งตนยังคงยืนยันและคิดว่าคนที่ทำให้ลูกสาวเสียชีวิตคือแอม เพราะอยู่กับลูกสาวเป็นคนสุดท้าย แม้ไม่เห็นว่าฆ่าหรือไม่ แต่ผู้เสียชีวิต เสียชีวิตเหมือนกันหมด เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินเหมือนกันหมด พร้อมตั้งคำถามว่า “ไม่รวยแอมก็ไม่คบไม่ใช่หรือ”


ซึ่งวันนั้นที่ลูกสาวเสียชีวิต คือเดินทางกลับมาจากประเทศอเมริกา ซึ่งลูกกลับมาจากอเมริกา เรียกได้ว่าลงเครื่องมายังไม่ได้เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ มีเพียงได้พูดคุยกันก่อนหน้านั้น 2 วัน ซึ่งเคสนี้แพทย์ระบุ สาเหตุการเสียชีวิตว่าหัวใจล้มเหลว เมื่อถามว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้างที่แอม เอาของลูกสาวไป นางลัดดา กล่าวว่า ไม่รู้ว่าลูกมีทรัพย์อะไรบ้างแต่ที่หายไป คือสร้อยคอ และบัตร ATM


ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่าลูกสาวให้แอม เป็นผู้จัดการมรดก ประเด็นนี้ นางลัดดา กล่าวว่า ลูกสาวให้แอม ถือกุญแจบ้านที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งคนที่เห็นเอกสารที่เป็นผู้จัดการมรดกฉบับนี้คือหลานสาว ซึ่งเมื่อแอมได้เป็นผู้จัดการมรดก แล้วถือกุญแจบ้านปรากฏว่าข้าวของในบ้านหายไปหมดเลย


ทั้งนี้ เท่าที่ตนทราบ แอมมีการยืมสนิทสนมกัน เล่นแชร์ด้วยกัน และมีการเงินลูกสาวตนไป 2 ครั้ง ครั้งละ 50,000 บาท รวมเป็น 100,000 บาท


ส่วนความคืบหน้าของคดี ในวันนี้ (2 พ.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเรียกประชุมทีมคลี่คายคดี เพื่อสรุปคดีทั้งหมดอีกครั้ง หลังจากที่มีการมอบหมายงานให้ตำรวจแต่ละท้องที่ ที่มีการเสียชีวิตและพัวพันกับแอมเร่งสอบสวนพยานหลักฐานเพื่อยืนยันการกระทำผิด รวมถึงจะมีการสรุปว่ามีผู้เสียหายรายใหม่ เข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมหรือไม่


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Ob16DUSRzHc

คุณอาจสนใจ

Related News