ย้าย 'พิตบูล' ถูกฟันปางตาย ไปแอดมิท รพ. ผู้ก่อเหตุเปิดใจ ขอโทษสังคม ทำเกินกว่าเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค.66 เวลา 19.25 น. กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ภายในบ้าน หมู่ที่ 5 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี จับภาพขณะที่เพื่อนบ้านถือมีดอีโต้ปรี่เข้าไปกระหน่ำฟันหมาพิตบูล 2 ตัวไม่ยั้ง ที่ล่ามโซ่ไว้บริเวณหลังบ้านที่เกิดเหตุ ในขณะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ โดยพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุได้กระหน่ำฟันเข้าที่หัวสุนัขหลายครั้ง ก่อนจะเดินไปฟันอีกตัวที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งสุนัขทั้ง 2 ตัวไม่มีทีท่าว่าจะต่อสู้แต่อย่างใด จนกระทั่งผู้ก่อเหตุได้เดินหายไปจากมุมกล้อง


เบื้องต้นสุนัขตัวแรกที่โดนฟัน มีแผลฉกรรจ์ที่หัวและใบหน้าหลายแผล และอีกตัวมีแผลที่หัวยาวไปถึงต้นคอ ทั้ง 2 ตัวมีเลือดออกจำนวนมาก เจ้าของจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาตรวจสอบ แต่ไม่ได้นำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาในทันที ซึ่งคาดว่าเจ้าของอาจจะมีเงินไม่เพียงพอต่อค่ารักษา โดยผู้ก่อเหตุคือ นายสุรสิทธิ์ เป็นเพื่อนบ้านที่บ้านอยู่ติดกัน


ต่อมาวานนี้ (12 มี.ค.) นางสาวโสภาพร อายุ 28 ปี เป็นเจ้าของบ้านและเจ้าของสุนัข ได้นำภาพวงจรปิดเข้าแจ้งความกับ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อที่จะดำเนินคดีกับเพื่อนบ้านรายดังกล่าว


โดย นางสาวโสภาพร เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนนั่งขายของอยู่ที่ร้านที่ปากซอยบ้าน ผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์มาหาน้องชายตน บอกว่าโดนหมากระโจนเข้าใส่จนกางเกงขาด ตอนนั้นตนก็ได้ให้น้องชายเข้าไปดู และถามผู้ก่อเหตุว่าจะไป รพ.ไหม แต่ผู้ก่อเหตุปฏิเสธบอกว่าไม่ได้เจ็บอะไร จนผ่านไปสักพัก น้าสาวของตนที่อยู่ใกล้กัน ได้โทรศัพท์มาบอกว่า หมาโดนฟันให้รีบเข้าไปดู โดยปกติหมา 2 ตัวตนจะล่ามโซ่ไว้ตลอดแล้วหมาก็ไม่ได้ดุร้ายไม่เคยทำร้ายใคร หลังเกิดเหตุน้องชายตนได้เข้าไปคุยกับผู้ก่อเหตุ แต่ได้มีปากเสียงกันเพราะผู้ก่อเหตุบอกว่า ฟันหมามึงตัวนึงไม่ทำให้กูติดคุกหรอก


นอกจากนี้ นางสาวโสภาพร ยังกล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยมีปัญหาหรือทะเลาะกับผู้ก่อเหตุมาก่อน ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่หมาตนเองไปกระโจนใส่ และตอนนี้ตนก็ไม่ได้พาหมาไปรักษาเพราะไม่มีเงิน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด


ต่อมามูลนิธิได้อาสาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับสุนัขทั้ง 2 ตัว เจ้าหน้าที่กู้ภัยกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานีจึงได้นำสุนัขทั้ง 2 ตัว ส่งโรงพยาบาลสัตว์ ซึ่งหมอได้นำเข้าห้องผ่าตัดเเละเย็บแผลอย่างเร่งด่วน หลังออกจากห้องผ่าตัด นางสาวโสภาพร ได้เข้าไปลูบหัวสุนัขและนั่งร้องไห้อยู่สักพัก ซึ่งค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นรวมกว่า 23,000 บาท ยังไม่รวมค่าพักฟื้น


ต่อมาเมื่อเวลา 15.20 น. ได้มีสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลสัตว์ เข้ามาติดตามอาการของหมาทั้ง 2 ตัว และให้คำแนะนำในการดูแลต่อหลังจากนี้ ซึ่งหมอมีความเห็นว่าควรจะนำหมาทั้ง 2 ตัว ส่งเข้าแอดมิทที่โรงพยาบาลสัตว์ เพื่อการดูแลรักษาได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากเจ้าอ้วน ที่ถูกฟันที่ลิ้นและกรามหักไม่สามารถกินอาหาร อีกทั้งด้วยสภาพที่อยู่พักฟื้นของหมาทั้ง 2 ตัว ที่อยู่ปัจจุบันไม่ค่อยสะอาดมากนักเท่าที่ควร จึงควรไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลที่มีความพร้อมมากกว่า ต่อมารถกู้ภัยสุราษฎร์ธานีได้มารับน้องหมาทั้ง 2 ตัว ไปส่งแอดมิทยังโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง


ในส่วนด้านคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำเจ้าของหมาทั้งสองคนคือ นางสาวโสภาพร และแฟน และในช่วงเย็นของวานนี้ (12 มี.ค.) จะได้เรียกน้องชายของแฟนนางสาวโสภาพร มาให้ปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นคนที่ผู้ก่อเหตุแชทมาคุยด้วยก่อนลงมือฟันหมา โดยมีใจความว่าให้บอกเจ้าของหมาย้ายหมาไปไว้ที่อื่นอย่าขวางทางเดิน ผมทนไม่ไหว ถ้ารักหมามากกว่าคน ได้เจอกันอาจจะไม่พ้นคืนนี้ เพื่อจะได้เตรียมออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุต่อไป


ด้านแม่ของผู้ก่อเหตุ ได้ต่อสายโทรศัพท์ให้ผู้สื่อข่าวคุยกับนายสุรสิทธิ์ ผู้ก่อเหตุ โดยนายสุรสิทธิ์ ได้เปิดใจว่า ตนอยากจะขอโทษสังคม ที่ทำให้เรื่องดังกล่าวบานปลายถึงขณะนี้ ซึ่งสภาพทางเดินเข้าไปยังบ้านตน ที่จำเป็นต้องผ่านจุดที่เจ้าของหมาได้ล่ามหมาไว้ ซึ่งตนก็เดินผ่านจุดนั้นมากว่า 2 ปี บางครั้งหมาก็มีเห่าบ้าง แต่ไม่ถึงกับทำร้ายใคร แต่วันเกิดเหตุหมาได้กัดตน


ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนก็ได้ไปคุยกับเจ้าของหมาแล้ว เจ้าของหมาก็รับปากว่าจะย้ายหมา แต่ก็ไม่ยอมย้าย อีกอย่างตนก็เป็นห่วงลูกสาวที่ยังเรียนอยู่ ปกติหยุดเรียนเสาร์-อาทิตย์ ลูกสาวหยุดเรียนก็จะมาอยู่กับตนที่บ้าน แต่ด้วยความที่กลัวหมา ลูกสาวก็ไม่กล้าเดินผ่าน ตอนนี้ตนก็รู้ว่าที่ตนทำลงไปมันเกินกว่าเหตุ อยากจะขอโทษสังคม อยากให้สังคมเห็นใจตนบ้าง แต่กับเจ้าของหมา เขาคงไม่รับฟังตนอยู่แล้ว

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/nfZ_CM2YG0U