อาชญากรรม
หนุ่มพม่าโหด ใช้มีดจ้วงเพื่อนร่วมงานดับคาที่ อ้างโมโหชอบไปฟ้องเจ้านาย อู้งาน-ชอบเล่นมือถือ
โดย nattachat_c
10 มี.ค. 2566
277 views
หนุ่มเมียนมาเลือดร้อน ชักมีดพับสั้น บุกแทงสาวเพื่อนร่วมงาน 5 แผลดับ หน้าห้างดัง ย่านประตูน้ำ ก่อนชิงหลบหนี ปมเหตุชอบฟ้องนายจ้าง ไม่ขยันทำงาน เอาแต่เล่นมือถือ ก่อนจนทนไม่ไหว เลยบันดาลโทสะก่อเหตุสลด ด้าน ผกก.สน.พญาไท แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
วานนี้ (9 มี.ค. 66) เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทกัน บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านประตูน้ำ ถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ชื่อนางสาว PHYU MAR AUNG สัญชาติเมียนมาร์ อายุ 34 ปี ถูกอาวุธมีดแทง 3 แผล นั่งหายใจรวยรินกลางกองเลือด
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าห้าง มีลักษณะเป็นเต็นท์ร้านขายเสื้อผ้า อาหาร ขณะที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบช่วยปั๊มหัวใจนาน 30 นาที ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบที่เกิดเหตุ เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
ผู้ก่อเหตุคือ นาย TTET LIN OO สัญชาติเมียนมาร์ อายุ 30 ปี หลังก่อเหตุ พยายามวิ่งหลบหนี และไปหยุดห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร โดยถูกกลุ่มรถสามล้อ คนเห็นเหตุการณ์ และ รปภ.ช่วยกันสกัดจับ พร้อมของกลางเป็นอาวุธมีดปลายแหลม
-------------
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กู้ภัย และพนักงานของห้างฯ ได้ปิดกั้นพื้นที่ พร้อมใช้ผ้าขาวมาปิดกั้น เพื่อบังสายตาบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยไม่อนุญาตให้แม่ค้า หรือผู้เห็นเหตุการณ์ ให้ข้อมูลกับทีมข่าว
ผู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเป็นแม่ค้าขายน้ำอ้อยอยู่ตรงจุดเกิดเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นผู้ต้องหาเดินถือมีดมา ส่วนผู้ตายนั่งอยู่ที่ร้าน จากนั้นผู้ต้องหาก็เดินไปจ้วงแทงโดยไม่พูดอะไรเลย เลือดไหลไม่หยุด ตนใช้มือปิดหน้าไม่กล้าดู ต้องตะโกนเรียกคนช่วย หลังจากนั้น ผู้ต้องหาก็รีบวิ่งเพื่อหลบหนี ส่วนเวลาทำงาน ตนก็พูดคุยกับทั้งสองปกติ แต่ไม่รู้มีปัญหาอะไรกันหรือไม่
-------------
ด้านตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวนที่ สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ก่อเหตุ มีสีหน้าเศร้า นั่งร้องไห้กับแฟนสาวที่เป็นชาวเมียนมาร์ด้วยกัน โดยมี แฟนสาวคอยนั่งปลอบ
หลังสอบปากคำเสร็จ ตำรวจคุมตัวเข้าห้องขัง ระหว่างนั้น เจ้าตัวยกมือไหว้พูดเพียงว่า “ขอโทษครับ” และปัดตอบคำถามสื่อถึงชนวนเหตุ และไม่ได้บอกว่ามีปัญหาอะไรกัน ถึงได้ลงมือก่อเหตุ
นอกจากนี้ ได้เชิญนายจ้าง และญาติของผู้เสียชีวิต เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วย แต่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใดๆ กับสื่อมวลชน โดยนายจ้างระบุเพียงว่า ไม่รู้สาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุ ได้ติดต่อพี่สาวของผู้เสียชีวิต เพื่อดำเนินการเรื่องส่งศพไปชันสูตร และรับศพไปทำพิธี
-------------
ด้านแฟนสาวของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
ผู้ก่อเหตุมีปัญหากับเจ้านาย เนื่องจากเจ้านายมักจะเข้าข้าง และดูแลฝั่งผู้ตายเป็นพิเศษ แต่ชนวนการก่อเหตุ ทางแฟนหนุ่มไม่เคยเล่าให้ตนฟัง และไม่ทราบว่ามีการทะเลาะกันมาก่อนหรือไม่ ทั้งนี้ แฟนหนุ่มทำงานกับนายจ้างคนนี้มา 4-5 เดือน
ส่วนผู้ตายทำงานมากว่า 10 ปี แล้ว โดยขณะสอบปากคำ ตนถามแฟนว่าเป็นยังไงบ้าง เขาบอกแค่ว่าขอให้รอเขาออกมา พร้อมขอสื่อมวลชนว่า อย่าเพิ่งถามอะไรตนในตอนนี้ ขออยู่เป็นกำลังใจเคียงข้างแฟนตัวเองก่อน ถ้าหากต้องส่งตัวแฟนตนกลับประเทศ ตนก็คงกลับประเทศด้วย ส่วนเจ้านาย เบื้องต้น โทรไปหาแล้ว แต่เจ้านายบอกว่าช่วยอะไรไม่ได้ มันจบแล้ว
-------------
พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท เปิดเผยว่า
ทั้งสองรายเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ทำงานอยู่ร้านขายผลไม้อบแห้ง บริเวณหน้าห้างฯ ตรงจุดเกิดเหตุ และมีนายจ้างคนเดียวกัน
ส่วนปมก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ผู้ตายชอบไปฟ้องนายจ้างว่า ตัวผู้ก่อเหตุที่ดูแลแผงผลไม้อบแห้งอีกแผงหนึ่ง ห่างไปประมาณ 100 เมตร ไม่ขยันทำงาน ชอบเล่นโทรศัพท์ จึงทำให้เกิดความโมโห บันดาลโทสะ
จึงใช้อาวุธมีดพับ ยาว 3 นิ้ว จ้วงแทงไปถึง 7 แผล (ราวนมขวา/ข้อศอกขวา/หน้าท้องซ้าย/ใต้ข้อศอกซ้าย/สีข้างซ้าย/ข้อพับแขนขวา/สะโพกซ้าย) เป็นแผลฉกรรจ์เลือดท่วมตัว ก่อนจะวิ่งหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างจับตัวส่งตำรวจไว้ได้
-------------
ร.ต.อ.ศิวะ กลับพันธ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สน.พญาไท เปิดเผยว่า
ได้แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ,พกพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และจะต้องดำเนินการสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวไปฝากขังตามกำหนดระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะเป็นวันนี้ (10 มี.ค. 66) หรือ วันเสาร์ที่ 11 มี.ค. 66 ส่วนจะส่งกลับประเทศหรือไม่นั้น ต้องรอให้กระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาลเสร็จสิ้นก่อน
-------------
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/leD-w4xd6zc