อาชญากรรม

โฆษกฯบช.น. ยันยังไม่พบหลักฐานชัด ตร.เรียกเงินแก๊งดาราสาวไต้หวัน

โดย paranee_s

29 ม.ค. 2566

124 views

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ในการคลี่ปมดาราสาว และเน็ตไอดอลชาวไต้หวันอ้างว่าถูกเรียกรับเงิน ยืนยันว่าขณะนี้ สอบปากคำพยาน ไปแล้วหลายปาก เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานชัดเจนว่ามีการเรียกรับเงินตามถูกกล่าวอ้าง


และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุพยาน ทั้งกล้องวงจรตามจุดต่าง ๆ กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ และกล้องคอมแบทคาเมร่า ที่ติดตัวของตำรวจ ทั้งหมดถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว


เบื้องต้นมีรายงานว่า กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ ไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ถึงวันที่เกิดเหตุ เนื่องจากระยะเวลาผ่านเลยมานานกว่า 20 วัน แต่ในส่วนอื่น ๆ ขณะที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม


ทั้งนี้ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวแล้ว รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนประเด็นการตรวจค้นบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ยืนยันสามารถดำเนินคดีได้ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ในฐานะผู้ครอบครอง แต่ยืนยันว่าไม่มีใครยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้สาวชาวไต้หวันตามที่กล่าวอ้าง


เมื่อสอบถามว่า สรุปเจ้าหน้าที่มีภาพวงจรปิดใกล้ ๆ หรือไม่ รอง ผบช.น. ระบุว่า กล้องที่เกิดเหตุ ยังไม่เห็นภาพชัดเจน ว่ามีการเรียกรับ แต่มียืนยันว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณนั้น ตลอดเวลา 47 นาที


ในส่วนของเพื่อนชาย ทั้ง 3 คน ที่เดินทางมาด้วยกันในวันเหตุขณะนี้พบว่าทั้ง 3 คน เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 และ วันที่ 9 มกราคม แต่ปลายทางไม่ใช่ที่เดียวกันกับดาราสาว


โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะให้กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประสานไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจและการไต้หวัน เพื่อให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน เข้าไปสอบปากคำหญิงสาวคนดังกล่าว ทั้งนี้หากทางไต้หวัน ต้องการให้ตำรวจไทยร่วมสอบปากคำด้วย ก็พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบทันที


ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทบถึงความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงต้องการให้สาวชาวไต้หวันพยานเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับตำรวจเพื่อให้กระจ่างมากขึ้น และขอให้สังคมออนไลน์ติดตามข้อมูลต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้ปกป้องหรือทำลายพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดกล่าว ทั้งนี้หากพบว่ามีการรีดทรัพย์สาวชาวไต้หวันจริงก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้นทางวินัยและอาญา


ด้าน พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง ระบุว่า ตำรวจสอบปากคำพยานไปแล้ว 6-7 ปาก ซึ่งมีบางประเด็นที่ไม่ชัด โดยเป็นพยานตามที่ปรากฏ

คุณอาจสนใจ

Related News