อาชญากรรม

ฆ่าเพราะคลั่งยา! รวบสองคู่รัก ลวงเรียกรถผ่านแอป ฆ่าชิงทรัพย์หญิงวัย 50 เอารถไปขายแค่ 25,000 บาท

โดย petchpawee_k

17 ม.ค. 2566

48 views

รวบสองคู่รัก ฆ่าชิงทรัพย์ ลวงเรียกรถโดยสารผ่านแอป อ้างฆ่าเพราะคลั่งยา ด้านแฟนสาวร่ำไห้ ยันไม่รู้เรื่องแต่ถูกหลอก แต่พบอัพสตอรี่อวดชีวิตดีแฟนเปย์โอนเงินมาง้อ ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก เตรียมทำแผนเช้านี้ (17 ม.ค.)

ความคืบหน้ากรณี พบศพนางเกศยุคล โพธิ์มาศ อายุ 50 ปี อาชีพขับรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชั่น สภาพศพสวมเสื้อแขนสั้นสีขาว สวมกางเกงขาสั้นสีดำ ถูกมัดมือด้วยเชือกผ้าสีน้ำเงิน หลังจากหายตัวไป เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 66 สามี แจ้งความว่านางเกศยุคนธ์ ภรรยา ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวิช สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 3 ขฏ 6097 กทม. โดยรับผู้โดยสารผู้หญิงชื่อ น.ส.มิน แล้วหายตัวไป


ซึ่งตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ คือ นายวีระณัฐภูมิ หรือ อู๋ ผู้ต้องหา ที่ลงมือก่อเหตุ ลวงมาฆ่า และ น.ส.ปนัดดา แฟนสาว ถูกดำเนินคดีข้อหา รับของโจร


วานนี้ ตลอดทั้งวัน ตำรวจเร่งสอบสวนและขยายผล ติดตามรถยนต์ของผู้เสียชีวิต ช่วงบ่ายตำรวจก็สามารถติดตามรถของผู้ตายได้ ย่าน เอกชัย-บางบอน พร้อมเชือกที่ผู้ต้องหาใช้ในการสังหารเหยื่อ พร้อมประสานตร.สพฐ จ.นนทบุรี เข้าตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงและหลักฐานอื่นๆ ทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม  ในส่วนของคดีตำรวจก็แยกสอบปากคำ นายอู๋และแฟนสาว ตลอดทั้งวัน


ต่อมาช่วงเย็น ตำรวจได้นำตัว นายอู๋ และแฟนสาวไปสอบถามข้อมูล โดยให้ทั้งสองคน สวมหมวกกันน็อก ใส่กุญแจมือ ระหว่างนี้ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถาม นายอู๋ เปิดเผยว่า อยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต และทำคนเดียวแฟนไม่ได้เกี่ยวข้อง ส่วนแฟนสาว ก็บอกว่า หนูไม่รู้เรื่อง หนูโดนหลอก


จากนั้นตำรวจก็สอบถามประมาณ 30 นาที โดยระหว่างนี้ คุณแม่ของผู้เสียชีวิต เดินขึ้นมาที่ห้องสอบสวนเพื่อจะขอดูหน้าของคนที่ฆ่าลูกแม่ พร้อมระบุว่า อยากมาดูหน้า อยากรู้มาฆ่าลูกแม่ทำไม ลูกแม่เป็นคนดี เขาไปทำอะไรให้ทำไมต้องมาฆ่า แม่ไม่แค้นอะไรนะ อโหสิกรรมให้ เขาก็ได้รับกรรมของเขา

หลังซักถามเสร็จ ตำรวจนำตัวนายอู๋และแฟนสาว กลับเข้าห้องควบคุมตัว ช่วงนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอู๋โอนเงินไปง้อแฟนใช่หรือไม่ นายอู๋บอก ไม่ใช่ ผมหลอกแฟนว่าพ่อโอนเงินมาให้ แฟนไม่รู้เรื่อง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมต้องฆ่าผู้ตายทั้งที่เขายอมให้ทรัพย์สิน นายอู๋ บอก “ทำไปเพราะคลั่งยาผมขอโทษจริง”

สำหรับการก่อเหตุครั้งนี้ นายอู๋ ผู้ต้องหา วางแผนตั้งแต่การเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่นหนึ่ง ชื่อว่า เซลโล่ (Zello) ซึ่งแอปนี้เสิร์ชในกูเกิลแล้วโหลดแอป แล้วก็เข้าระบบไลน์ โดยมีแชทสนทนากับ ศูนย์บริการ คืนวันที่ 13 ม.ค. 65 เวลาประมาณ 21.10 น. นายอู๋เข้าไปที่แอปนี้ แล้วระบุข้อมูลว่า ให้ไปรับแฟนสาวที่แฟลตปลาทอง ไปส่งหมู่บ้านเดอะวิลล่า บางบัวทอง  


โดยทางแอปพพลิเคชั่น สอบถามว่าต้องการรถแบบไหน แล้วก็มีการโทรคุยกัน จากนั้นทางศูนย์ได้ส่งข้อมูล รถที่จะมารับ พร้อมรูปคนขับ และเบอร์โทร เป็นผู้ชาย แต่นายอู๋ บอกกับศูนย์ว่า “ขอเป็นคนขับผู้หญิงครับ ผู้ชายแฟนผมไม่เอา มีไหมครับ”


ทางศูนย์บอกว่า สักครู่นะครับ เพราะผู้หญิงขับจะหายากนิดนึงครับ จากนั้นก็มีการโทรคุยกันอีกครั้ง 

จากนั้นศูนย์บริการ ก็ส่งรูปของผู้ตาย และรถยนต์โตโยต้าวิช พร้อมเบอร์โทรมาให้ นายอู๋ก็ตอบครับผม


ขณะเดียวกันยังมีแชทสนทนาของผู้ตายที่ได้มีการคอนเฟิร์มงานก่อนวันเกิดเหตุ ระบุสถานที่ รับที่ตรงข้ามแฟลตปลาทอง ไปยังบางบัวทอง ลูกค้าเป็นผู้หญิงคนเดียว  วันต่อมาผู้ตายส่งข้อความกลับมา ระบุ “ลูกค้ายังอยู่ในรถเลยค่ะ รอน้องผู้หญิงที่บางบัวทองค่ะ ยังไม่ได้ชำระเงินมาให้ค่ะ”


ซึ่งวันเกิดเหตุ เมื่อรถผู้ตายขับมารับลูกค้า พบว่าผู้โดยสารคือนายอู๋ ซึ่งเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงตามที่ตกลงกัน โดยนายอู๋ก็หลอกผู้ตายอีกว่า ให้ไปรับแฟนสาวต่อ


ระหว่างที่ขับจากแฟลตปลาทอง จ.ปทุมธานี เข้าเขต อำเภอบางบัวทอง หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นายอู๋ หลอกให้หยุดรถ แล้วใช้เชือกมัดมือของผู้ตาย จากนั้นก็บอกให้นำทรัพยสินมาให้ โดยนายอู๋ อ้างว่า ช่วงนั้นผู้ตายบอกว่ามีเงินสดแค่ 200 บาท ทำให้นายอู๋โกรธ จึงลงรถ แล้วลากตัวผู้ตายจากเบาะคนขับ แล้วผลักเข้าไปที่เบาะหลัง ปิดประตู โดยผู้ตายไม่มีทางสู้เพราะถูกมัดมือ นายอู๋ก็ใช้เชือกรัดคอ จนเสียชีวิต จากนั้นนายอู๋ก็ มาขับรถออกจากหน้าหมู่บ้าน มาที่จุดทิ้งศพ และนำศพ จากเบาะหลังมาโยนทิ้งในป่ากก


ส่วนรถของผู้เสียชีวิต นายอู๋ได้นำไปขาย ที่บริเวณปั้ม ปตท.เอกชัย ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ผ่านนายหน้าขายรถถึง 3 คนด้วยกัน โดยขายได้ราคา 40,000 บาท โดยนายอู่ได้รับเงินจริงๆ แค่ 25,000 เท่านั้น ส่วนที่เหลือได้ถูกหักไปให้กับนายหน้าทั้ง 3 คน และได้นำโทรศัพท์ของผู้ตายไปขายได้เงินจำนวน 3,500 บาท นำไปซื้อยาบ้ามาเสพ และได้โอนเงินจำนวน 25,000 บาท ให้กับแฟนสาว จนกระทั่งถูกจับกุม


หลังสอบปากคำเสร็จ ตำรวจก็แถลงข่าว โดยรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 และ พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุร ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีนี้ว่า พยานหลักฐาน และพยานบุคคลค่อนข้างครบถ้วนในการดำเนินคดีและเอาผิดกับผู้ต้องหา แต่ในส่วนของรายละเอียดพฤติการณ์ในการก่อเหตุขอให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้น นายอู๋ ถูกแจ้งข้อหา ฆ่าชิงทรัพย์ และ ปิดบังอำพรางซ่อนเร้นอำพรางศพเพื่อให้ตนพ้นผิด


ส่วนแฟนสาว ถูกแจ้งข้อหารับของโจร ส่วนคนรับซื้อรถยนต์ ซึ่งมี 3 ทอดกว่าจะถึงมือคนซื้อ ต้องรอสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหา

--------------------------

ทีมข่าวลงพื้นที่ ซอยวัดท่าเกวียน ต.คลองข่อย จุดที่คนร้ายนำศพมาทิ้ง ทิ้งเป็นป่ากก อยู่ห่างจากถนนประมาณ 10 เมตร มีป่ากก และต้นกระถิน


ทีมข่าวเราได้ภาพกล้องวงจรปิดของร้านขายของชำ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร พบว่าวันที่ 14 ม.ค. เวลาประมาณ 14.12 น. เห็นนายอู๋ ขับรถของคนตาย ผ่านร้าน เพื่อนำศพไปทิ้ง


จากนั้นผ่านไปประมาณ 10 นาที กล้องวงจรปิด เห็นว่ารถเก๋งคันเดิมขับออกมาทางเดิม และแวะจอดหน้าร้านขายของชำ จากนั้นนายอู๋ก็ลงจากรถฝั่งคนขับ แล้วเดินเข้าไปในร้านค้าซื้อน้ำอัดลมและบุหรี่ โดยไม่มีท่าทางผิดปกติแต่อย่างใด

เมื่อหยิบของเสร็จก็มาจ่ายเงินหน้าร้าน แล้วเดินไปขึ้นรถและจอดอยู่หน้าร้าน ประมาณ 1-2 นาที แล้วก็ขับรถออกไปหน้าปากซอย โดยเปิดกระจกรถสูบบุหรี่


เจ้าของร้านชำให้ข้อมูลว่า ตอนคนร้ายมาซื้อของ ท่าทางปกติ ไม่มีพิรุธ มารู้ทีหลังว่า เป็นคนร้ายฆ่าคนตายก็ตกใจมาก เพราะเขาพึ่งฆ่าคนตายและนำศพมาทิ้ง แต่เขานิ่งมาก


หลังจากนั้น ผู้ต้องหา ขับรถของผู้ตายกลับบ้านไปหาแฟนสาว ที่แฟลตปลาทอง จ.ปทุมธานี และพาแฟนสาวไปขับรถเล่น โดยแฟนสาวก็ถ่ายภาพ ลงสตอรี่ เห็นว่านายอู๋เป็นคนขับ ส่วนแฟนสาวนั่งข้างๆ จากนั้นทั้งสองคนก็กลับเข้าที่พัก


ต่อมาช่วงคืนวันที่ 14 ม.ค. นายอู๋ เริ่มหาข้อมูลร้านรับซื้อรถมือสองในเฟซบุ๊ก จนกระทั่งสายวันที่ 15 ม.ค. นายอู๋ นำรถมาขายให้กับผู้รับซื้อ ย่านเอกชัย ตกลงราคากันที่ 4 หมื่นบาท โดยนายอู๋ ได้รับเงินสด 2 หมื่น5 พันบาท ส่วนที่เหลือ 1 หมื่น 5 พันบาท จ่ายให้กับนายหน้า ที่ประสานซื้อขายรถคันนี้ ส่วนมือถือของผู้ตาย ก็นำไปขายในราคา 3500 บาท


เมื่อได้เงินสดแล้ว นายอู๋ ก็นั่งแท๊กซี่ไปที่ร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน นำเงินไปฝากเจ้าบัญชีตนเอง จากนั้นก็ โอนเงินจากแอปพิเคชั่นธนาคารของตนเอง เข้าบัญชี นางสาวปนัดดา แฟนสาว จำนวน 2 หมื่น 5 พันบาทถ้วน แล้วส่งสลิปไปที่ไลน์แฟนสาว ซึ่งตั้งชื่อไลน์ว่า ผัวสุดที่รัก นายอู๋ ส่งสลิปแล้วก็พิมม์ต่อว่า อย่างอลเยอะ


จากนั้นแฟนสาวก็นำแชทที่มีสบิปการโอนเงินมาอัพสตอรี่ พร้อมข้อความว่า “รับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้นค่ะ” ซึ่งเงินทั้ฃหมด ก็มาจากการไปฆ่าและชิงรถไปขาย เพื่อนำเงินมาให้แฟนสาว ซึ่งพึ่งคบกันได้ไม่นาน
--------------------------------------------------------

ในส่วนของคนรับซื้อรถของผู้ตายที่นายอู๋ นำไปขายตำรวจ สภ.บางบัวทอง เชิญตัว นางสาวเอ (นามสมมติ) วัย 45 ปี ซึ่งเป็นบุคคลที่รับซื้อ รถของผู้ตาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนอยากจะซื้อรถยนต์อยู่แล้ว เพราะตนได้เคยสอบถามไปยังในกลุ่มของพวกรถหลุดจำนำ เพราะรถประเภทนี้ราคาจะถูกมาก ต่อมา นายอู๋ ได้ติดต่อขายรถคันดังกล่าวผ่านนายหน้าคนกลาง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 ม.ค. 66  โดยอ้างกับตนว่าว่ามีรถหลุดจำนำมาขายโดยมีทั้ง บัตรประชาชน และสำเนารถเล่มรถโดยผ่านคนกลางที่ติดต่อเข้ามา และมีการนัดรับรถยนต์ ที่ปั๊มแห่งหนึ่งย่าน เอกชัย - บางบอน


ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะรถรุ่นนี้ ราคาขายกันจะไม่เกิน 50,000 บาท รวมไปถึงมีเอกสารเกี่ยวกับรถและเลขตัวรถตรงกับเอกสาร และตกลงซื้อขายกันในราคา 40,000 บาท


ซึ่งระหว่างที่รับรถ นายอู๋ได้นำเอกสารคู่มือรถมาให้ตรวจสอบ ตนก็ดูเลขตัวถังรถ กับคู่มือรถ ตรงกัน ไม่ใช่รถสวมทะเบียน จึงไม่เกิดข้อสงสัย อีกทั้งราคาถูกจึงไม่ได้สงสัยตัดสินใจซื้อในราคา 4 หมื่นบาท โดยให้เงินสดกับนายอู๋ 25,000  บาท และโอนให้กับนายหน้าที่รู้จักกันอีก 15,000  บาท


ระหว่างทำการซื้อขาย นายอู๋ ไม่ได้มีพิรุธใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะยืนหลบมุม และเมื่อรับเงินแล้ว ก็ไม่นับ และตนก็ตรวจสอบรถ ก็เริ่มสงสัยว่า ทำไมยังสัมภาระหลัง ไม่เหมือนกับคนตั้งใจนำรถมาขาย และเช้าวานนี้ ก็ขับรถคันนี้กำลังจะไปทำงาน ก็ถูกตำรวจจับและพึ่งรู้ว่าเป็นรถที่เจ้าของถูกฆ่าแล้วนำมาขาย

-----------------------

ด้าน ครอบครัวผู้เสียชีวิต วานนี้ ลูกสาวผู้ตาย อายุ  21 ปี เดินทางมาที่ สภ.บางบัวทอง เปิดเผยว่า วันที่ 14 ม.ค. 66 แม่ของตนเอง รับงานจากลูกค้า ผ่านแอปพลิเคชั่น ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. จากนั้นเวลา 11.00 น. คุณพ่อได้คุยกับแม่และได้สอบถามกับแม่แล้วว่าคนที่นั่งอยู่บนรถกับแม่เป็นผู้หญิงจริงๆ และเขารอให้เพื่อนอีกคนมาจ่ายเงินเพราะคนที่นั่งอยู่บนรถไม่มีเงิน


จากนั้น แม่เงียบหายไปผิดสังเกต จึงไปเช็คคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับมือถือของแม่ พบว่าสัญญาณสิ้นสุดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง พื้นที่ สภ.ราชพฤกษ์ ทางครอบครัว เพื่อนๆ จึงเริ่มออกตามหาแม่ตั้งแต่ช่วงเย็น วันที่ 14 ม.ค. 66 จนกระทั่งมาทราบข่าวแม่เสียชีวิต


ส่วนตัวแล้วตนไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่บนรถเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่คุณแม่ยืนยันว่าขึ้นมาคนเดียว ซึ่งปกติทุกครั้งที่แม่รับผู้โดยสาร จะระวังตัวหากเป็นผู้โดยสารผู้หญิง แม่จะสบายใจ หากเป็นผู้ชายจะมีเพื่อนที่เป็นผู้หญิงโดยสารมาด้วย ซึ่งคุณแม่เพิ่งจะมาขับรถแบบนี้ได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น โดยแม่เพิ่งหันมาประกอบอาชีพนี้ เพื่อหารายได้เสริมช่วยครอบครัว และไม่ได้ขับแกร็บคาร์แต่เป็นลักษณะของการขับผ่านแอปฯ Zello Walkie Talkie


ซึ่งตนเชื่อว่าเหตุการณ์นี้คนในครอบครัวคิดว่าแม่รับผู้โดยสารเป็นผู้หญิง ไม่มีใครรู้ว่าเป็นผู้ชาย จึงคาใจว่าผู้ก่อเหตุทำเพียงคนเดียว หรือมีผู้รู้เห็นร่วมมือด้วยหรือไม่   ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และอยากขอร้องให้ตำรวจ ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำอีก


----------------------------

ขณะที่ แกร็บ ประเทศไทย ออกแถลงการณ์ กรณีที่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมชิงทรัพย์ที่เกิดขึ้นกับคนขับหญิงซึ่งให้บริการเรียกรถยนต์ส่วนบุคคลผ่านแอปพลิเคชัน 

แกร็บ ประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงว่า ภายหลังการตรวจสอบข้อมูล ทั้งชื่อและนามสกุล รวมถึงทะเบียนรถที่ปรากฏตามรายงานข่าว ไม่พบข้อมูลของผู้เคราะห์ร้ายในฐานข้อมูลพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ โดยบริษัทฯ ได้ประสานงานเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินคดีทันทีตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (16 ม.ค.)


ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และขอยืนยันว่า ในฐานะผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งได้รับการรับรองแอปพลิเคชันสำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากกรมการขนส่งทางบก แกร็บให้ความสำคัญสูงสุดกับการรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัย โดยมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ และกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/gVNjzc9kH7k

คุณอาจสนใจ

Related News