อาชญากรรม

อดีตสาวโรงงาน ถูกมิจฉาชีพหลอกเป็นสรรพากร แฮ็กมือถือ ดูดเงินเก็บทั้งชีวิต สูญหลักล้าน

โดย petchpawee_k

11 ม.ค. 2566

31 views

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 10 มกราคม 65 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ผู้เสียหาย น.ส.กานต์ อายุ 43 ปีพร้อมสามี เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยติดตามคดีหลังตนเอง ถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร สามารถช่วยเหลือไม่ให้เสียภาษีย้อนหลังได้ ก่อนถูกแฮกข้อมูลสูญเงินในบัญชี 1,090,000 บาท จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว


คุณกานต์เล่าว่า ตนเองมาเป็นสาวโรงงานนานกว่า 20 ปี ตนและสามี ใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บหอมรอมริบ จนซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์แห่งหนึ่งในย่านจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อลาออกจากสาวโรงงานมา ก็มาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าบ้าน แต่ขายได้ไม่ถึง 1 ปี มาเจอสถานการณ์โควิดทำให้ค้าขายขาดทุน เลยตัดสินใจขายบ้านที่มีอยู่ไปในราคา 1,500,000 บาท และย้ายครอบครัวกับภูมิลำเนาเดิมที่จังหวัดเชียงราย ยึดอาชีพเกษตรกรปลูกพริกขาย ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตามประสาคนบ้านนอก


ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 65 เวลา 17.00 น. มีโทรศัพท์ปลายทางเป็นเสียงผู้ชาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร พร้อมบอกตนเองว่าระหว่างเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว มีการใช้แอปคนละครึ่งให้กับลูกค้า ทำให้ต้องเสียภาษีย้อนหลังเป็นจำนวนมาก หากไม่อยากเสียภาษีเขาสามารถช่วยเหลือได้


จากนั้นเขาก็ทักไลน์มาพูดคุยและส่งลิงค์เป็น App ให้ตนกดเข้าไปดู พร้อมพูดคุยสอบถามให้คำปรึกษาถึงแนวทางที่ไม่ต้องเสียภาษีย้อนหลัง ตนเองซึ่งระวังตัวอยู่แล้ว ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลทั้งเลขบัตรประชาชนและเลขบัญชีธนาคารแต่อย่างใด จนกระทั่งชายคนดังกล่าววางสายไป ช่วงนั้นโทรศัพท์ของตน รู้สึกว่ารวนทำธุรกรรมไม่ได้อยู่พักใหญ่ พอตนกดเช็คยอดบัญชีในโทรศัพท์พบว่าเงินสดถูกถอนออกไป 2 ครั้ง ครั้งแรก 1 ล้านบาทครั้งที่ 2 เป็นเงิน 90,000 บาท เหลืออยู่เพียง 700 บาทติดบัญชี


ตอนนั้นตกใจมากเล่าให้สามีฟัง และเชื่อว่าน่าจะถูกมิจฉาชีพแฮ็กเงินในบัญชีออกไปแต่ก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าเงินถูกแฮ็กออกไปได้อย่างไรทั้งๆที่ตนไม่ได้ให้หมายเลขบัตรประชาชนหรือเลขบัญชีไปเลย

ต่อมาตนจึงนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่พูดคุยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เทิงจังหวัดเชียงราย จากนั้นจึงรีบติดต่อธนาคาร เพื่ออธิบายและชี้แจงว่าตนถูกถอนเงินออกไปได้อย่างไรเพราะตอนที่ตนฝากเงินตนได้ทำข้อตกลงไว้ว่าสามารถเบิกถอนเงินในบัญชีได้ครั้งละเพียง 30,000 บาทต่อวันเท่านั้น แต่ทำไมคนร้ายหรือมิจฉาชีพถึงสามารถดูดเงินหรือถอนเงินจากบัญชีตนได้ครั้งละ 1 ล้าน และ 90,000 บาทในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 10 นาที แต่ได้รับการปฏิเสธความรับผิดชอบจากทางธนาคาร


ส่วนคดีที่แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวนผ่านมาแล้วกว่า 1 เดือนก็ไม่เคยได้รับการติดต่อหรือความคืบหน้าของคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย จึงต้องมาร้องทุกข์กับทนายรณรงค์เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมและช่วยเหลือครอบครัวตนเองด้วย


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/j7SkK2y-qoU

คุณอาจสนใจ

Related News