อาชญากรรม

พบแพชูชีพ ร.ล.สุโขทัย ไม่ทำงาน ลอยในทะเล - สลด ยืนยันร่าง 'จ่าก็อต' ผู้อัดคลิปเราจะรอด ก่อนเรืออับปาง

โดย nattachat_c

28 ธ.ค. 2565

68 views

จากกรณี วันที่ 18 ธ.ค. 2565 เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ขณะกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  โดยเวลา 17.16 น. มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ ต่อมาเครื่องไฟฟ้าดับ จนเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน เป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็ว จนเรือเอียงในเวลาต่อมา จนเมื่อเวลา 23.46 น. วันที่ 18 ธ.ค. 2565 เรือหลวงสุโขทัยได้จมลงใต้ผิวน้ำ และอับปางในที่สุด ทั้งนี้ มีกำลังพลทั้งหมดบนเรือ 105 นาย


วานนี้ (27 ธ.ค. 65) เข้าสู่วันที่ 9 ในการติดตามค้นหากำลังพลที่สูญหาย


เวลา 10.00 น. พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ใกล้เกาะสาก ในพื้นที่ จ.ชุมพร ตรวจพบโดย UAV หรืออากาศยานไร้คนขับ ซึ่งขณะนี้มีชาวประมงคอยดูแลอยู่และกำลังนำเรือ 611 ของกรมประมงเข้าไปรับ เบื้องต้นผู้เสียชีวิตแต่งกายด้วยชุดหมี ซึ่งมีส่วนบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัย ในตำแหน่งช่างกลหรือช่างไฟฟ้าอาวุธ


เวลาประมาณ 11.00 น. มีรายงานว่า อากาศยานตรวจพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1ราย บริเวณเซ็กเตอร์ 9A หรือพื้นที่ อ.เมือง จ.ชุมพร ค่อนมาทางชายฝั่ง โดยเรือหลวงนราธิวาส กำลังส่งเรือยางเข้าตรวจสอบ โดยบริเวณจุดนี้ อยู่ใกล้เคียงกับ ร่างผู้เสียชีวิตบริเวณเกาะสาก อ.เมือง จ.ชุมพร

-------------

ทั้งนี้ 1 ใน 2 ร่าง ที่พบ พิสูจน์อัตลักษณ์แล้วพบว่าคือ จ่าตรี สิริธิติ งามทอง หรือจ่าก๊อต คือผู้ที่บันทึกคลิปตัวเอง พร้อมเพื่อนๆ ที่อยู่บนเรือ ก่อนที่เรือหลวงสุโขทัยจะอับปาง โดยในคลิป จ่าก๊อต กล่าวว่า “ถ้าคลิปนี้เผยแพร่ออกไปแสดงว่าเรายังมีชีวิตรอดกันอยู่” และกล่าวทิ้งท่ายก่อนจบคลิปว่า “รอด...วันนี้ ขอให้รอด”


ในขณะที่ผลการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล 2 ใน 3 ราย ยืนยันตัวบุคคลแล้ว คือ จ่าโท สหรัฐ อีสา ที่ดำเนินการเก็บกู้ร่างได้เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. และ จ่าตรี สิริธิติ งามทอง ที่เก็บกู้ร่างได้เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (27 ธ.ค.) ในขณะที่ 1 ร่างที่สามารถเก็บกู้ได้เมื่อวานนี้ (27 ธ.ค.) เช่นกัน อยู่ในระหว่างการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคล


ทั้งนี้ สรุปยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิตจำนวน 76 นาย เสียชีวิตรวม 21 ราย และสามารถระบุชื่อได้แล้ว 20 นาย รอพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล 1 ร่าง เหลือผู้สูญหายอีกจำนวน 8 นาย

-------------

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่พบอุปกรณ์แพช่วยชีวิต หรือ แพชูชีพ ของเรือหลวงสุโขทัยหมาย 4 อยู่ในสภาพไม่ได้ใช้งาน และลอยมาติดชายฝั่งในเขต จังหวัดชุมพร ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดแพชูชีพนี้ไม่ทำงาน ทั้งที่เกิดเหตุ จึงอาจเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่สามารถช่วยชีวิตกำลังพลได้


ประเด็นนี้ พลเรือโทพิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการกอลทัพเรือที่1 อธิบายว่า กรณี ที่ตรวจพบนั้นไม่สามารถยืนยันว่า เหตุใดแพช่วยชีวิตถึงไม่ทำงาน ต้องมีการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยในเรือหลวงสุโขทัย จะมีแพช่วยชีวิต อยู่บริเวณกาบเรือ ซ้ายและขวา ข้างละ 3 ลำ รวมเป็น 6 ลำ 1 ลำจะนั่งได้ 16 คน มีน้ำ มีอาหาร อุปกรณ์ช่วยชีวิต ซึ่งกรณีนี้เป็นแพหมายเลข 4 คาดว่าจะอยู่บริเวณกาบเรือฝั่งซ้าย และขณะไม่ทราบว่าเพราะอะไรแพตัวนี้จึงคงไม่ทำงาน


ตามหลักการทำงานของแพชูชีพ แค่เหยียบ หรือกระตุก แพจะกางออกเองอัตโนมัติพร้อมใช้งาน ดังนั้นกรณีนี้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ขณะใช้งาน หรือจมลงไปกับตัวเรือหลวงสุโขทัยแล้ว หลุดลอยออกมา ซึ่งรายละเอียดอุปกรณ์ต่างๆ ในเรือหลวง ที่ตรวจเก็บได้ จะมีการตรวจสอบทั้งหมด และจะมีการชี้แจงอีกครั้ง

-------------

วานนี้ (27 ธ.ค. 65) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมีผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารเรือ เข้าร่วมประชุม


จากนั้น พล.อ.เฉลิมพล กล่าวชื่นชม การปฏิบัติงานของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย เนื่องจากสภาพที่เกิด สิ่งสำคัญคือการแสดงถึงกำลังพลในเรือหลวงสุโขทัยที่พยายามดูแลรักษายุทโธปกรณ์หลัก ที่มีความสำคัญอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเชื่อมั่นว่าอยู่ในขีดความสามารถที่จะแก้ไขอุบัติการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเรือหลวงสุโขทัยได้


จนถึงเวลาสภาพลมฟ้าอากาศมีความรุนแรงต่อเนื่องจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุกับเรือ ตามที่ประชาชนและสื่อได้เห็นและได้รับทราบการดำเนินการของกำลังพลที่มีความเข้มแข็ง มีความสามารถที่พยายามช่วยเหลือคนอื่นๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถ บางส่วนก็ทำให้เกิดการสูญเสียกับกำลังพลซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เแก้ไขปัญหาและค้นหาผู้สูญหายมาโดยตลอด ปัจจุบันเหลืออีก 10 นาย ซึ่งเราก็จะดำเนินการต่อไป


"ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นความเสียใจอย่างที่สุดกับกองทัพเรือและครอบครัวของกำลังพลผู้สูญเสีย ขณะเดียวกันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็นำมาซึ่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความสมัครสมานสามัคคีของกำลังพล ที่จะร่วมดำเนินการเพื่อให้เหตุการณ์ดังกล่าวคลี่คลาย และดูแลครอบครัวและการดำเนินการต่างๆ ของกองทัพเรือในต่อไป เราก็เตรียมสนับสนุนการดำเนินการต่างๆ ขอแสดงความคารวะกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัย ที่ได้เสียชีวิตในการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้”


นอกจากนี้ ก่อนการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ผมได้เชิญผู้เข้าร่วมประชุมได้ยืนไว้อาลัย กำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่เสียชีวิตด้วย

-------------

ความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กของพลหหารวรพงษ์ บุญละคร สังกัดหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ 1 ในกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางกลางอ่าวไทย


ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นเวลา 2 วัน ก่อนเรือหลวงสุโขทัยจะอับปางกลางอ่าวไทย โดยพลทหารวรพงษ์ ได้โพสต์ภาพตนและกลุ่มเพื่อนในชุดทหาร ซึ่งถือว่าเป็นโพสต์สุดท้ายของพลทหารวรพงษ์ พร้อมข้อความระบุว่า “เฟี้ยวไม่เฟี้ยวก็ทำแฟนคุณเลี้ยวได้อ่ะ"


และย้อนกลับไปวันที่ 1 พ.ย. เจ้าตัวเคยโพสต์และปักหมุดโพสต์ไว้ด้วย ซึ่งเป็นภาพขณะที่ซ้อมยิงปืน พร้อมสวมเครื่องแบบทหาร พร้อมข้อความระบุว่า “ถ้ามีความกล้า ความกลัวมันก็จางหายไปเอง”


ขณะเดียวกันผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Baifern Patcha Kf” พี่สาวของพลทหารวรพงษ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กไว้อาลัยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระบุข้อความว่า

“R.I.P. หลับให้สบายนะน้องชายสุดที่รัก  พลทหาร วรพงษ์ บุญละคร

ขอให้โลกใบใหม่ใจดีกับน้องชายของพี่ ครั้งหนึ่งเราเคยเติบโตมาด้วยกัน

ชาติหน้าพบหน้าขอให้เราเกิดมาเป็นญาติพี่น้องกันเหมือนเดิมนะ #เรือหลวงสุโขไทย”

-----------

หลังจากที่เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (27 ธ.ค.) กองทหารเกียรติยศ รับศพผู้เสียชีวิต พลทหารศราวุธ นาดี กำลังพลของ ร.ล.สุโขทัย กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 1 ที่เสียชีวิต ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา เดินทางกลับบ้านเกิดอย่างสมเกียรติ


และหลังจากเสร็จพิธี นายสมยศ นาดี บิดา และนางละมุน นาดี มารดา กล่าวว่า รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาเป็นล้นพ้น ที่ได้รับเกียรติสูงสุด และที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานพวงมาลา พระราชทาน 12 พวง กับลูกชาย และรับงานศพลูกชายไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์


ส่วนหลังจากนี้ไปยังทำใจไม่ได้ กับการสูญเสีย ที่เกิดขึ้น ซึ่งกล่าวว่าวันเกิดเหตุ ตนเองได้โทรหาลูกชาย ลูกชายก็บอกว่าผมปลอดภัยดีครับแม่ มีเรือมารับ 2 ลำแล้วครับ แต่กับพูดแปลกๆ ว่า อย่าลืมมารับด้วยล่ะ พ่อเลยถามว่าทำไมต้องไปรับด้วย ในเมื่อตามปกติ จะไปไหนมาไหน ก็มีเรือของหน่วยต้นสังกัด พาไปไหนมาไหนอยู่แล้ว


ตอนนั้นก็ไม่เอะใจเพราะคิดอะไร เพราะคิดว่าหยอกกันเล่น เพราะชอบพูดเล่นประจำ และถามว่าปีใหม่จะกลับบ้านไหมก็บอกว่ายังไม่รู้ และอาจจะคงไม่ได้กลับบ้าน เพราะติดเข้าเวร ส่วนควาสูญเสียที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่เรียกร้องอะไร เพราะถือว่าเป็นการทำงานในหน้าที่ ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ทางต้นสังกัดจะดำเนินการ และเชื่อว่าคงเป็นเรื่องที่คงจะมีการพิจารณาให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว

----------

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 ธ.ค.65 น.ส.กัลยา ประสิทธิ์ภาคย์ นายอำเภอนิคมพัฒนา จ.ระยอง พร้อมด้วยข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เดินทางไปวัดปกรณ์ธรรมาราม ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เพื่อรับศพ พลทหารจีราวัฒน์ ธูปหอม สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ หนึ่งในลูกเรือที่เสียชีวิต จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย อัปปาง เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา


นางผ่องศรี เปิดเผยว่า ยังจำคำพูดประโยคสุดท้าย ของลูกชายได้ดี ก่อนลูกจะขึ้นเรือ ลูกชายบอกทางโทรศัพท์ว่า “แม่ฝากดูแลแนนซึ่งเป็นแฟนด้วยนะ หนูจะลงเรือสุโขทัยไปชุมพร 3 วัน คงไม่ได้คุยกันหลายวันเพราะในทะเลไม่มีคลื่น”


ต่อมาลูกชายได้ถ่ายรูปสวมแว่นตาดำอยู่บนเรือมาให้ ซึ่งเป็นรูปสุดท้าย และ เป็นเสียงสุดท้ายของลูกชาย เสียใจมาก แต่ก็ต้องทำใจ ขอให้ลูกชายไปสู่ภพภูมิที่ดี ส่วนความช่วยเหลือของทางกองทัพเรือ ทางครอบครัวพอใจ


ส่วน น.ส.เจนจิรา เปิดเผยว่า น้องชายแชทมาหาก่อนลงเรือว่ากลัวเรือล่ม ก็รู้สึกเป็นห่วงมาก จนกระทั่งมาเกิดเหตุขึ้น เสียใจมากที่น้องชายต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

----------

ครอบครัวของพลทหาร วรพงษ์ มีคุณแม่ คุณตา คุณยาย คุณน้า และญาติๆ ร่วมฟังสวดอภิธรรม ซึ่งบรรยากาศยังคงเป็นไปด้วยความโศกเศร้า


โดยคุณแม่สมคิด บุญละคร คุณแม่ของพลทหารวรพงษ์ เล่าว่า ลูกไม่ได้บอกว่าจะขึ้นเรือ แต่บอกว่าจะเข้าป่า ไปยิงปืน จึงไม่ทราบว่าลูกชายขึ้นเรือออกไปปฏิบัติหน้าที่ จึงทำให้วันที่เกิดเหตุการณ์เรืออับปาง ตนไม่ได้ติดต่อลูกเลย มารู้อีกทีตอนเจ้าหน้าที่ โทรมาแจ้งเหตุการณ์ในวันที่ 19 ธ.ค. แต่ตนทราบเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ว่าลูกชายเสียชีวิต โดยมีเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือ โทรมาแจ้ง ตั้งแต่เกิดเหตุพอทราบว่าลูกคือ 1 ในคนที่สูญหาย ก็มีความหวังและภาวนาตลอด หวังว่าลูกจะยังมีชีวิตอยู่ หวังว่าลูกจะกลับมา


ส่วนเส้นการเป็นทหารเรือของลูกชาย คุณแม่สมคิด กล่าวว่า ลูกสมัครเป็นทหาร เพิ่งสมัครไปเมื่อช่วงเดือน เม.ย. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เป็นผลัดแรก อีกอย่างลูกมีความฝันอยากเป็นทหารอยู่แล้ว ไม่ว่าสังกัดอะไรก็ได้ และมีความฝันว่าอยากเรียนต่อ ซึ่งการเป็นทหารเรือครั้งนี้ เพิ่งเป็นทหารมายังไม่ถึง 1 ปี ก็มาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ส่วนเรื่องว่ายน้ำลูกว่ายน้ำเป็นแต่ไม่ถึงกับเก่ง


ทั้งนี้ คุณแม่เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์เรืออับปาง ตนมีลางสังหรณ์ เป็นการฝันเมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. ว่า ลูกชายสะพายกระเป๋า แต่งตัวดี มาหาตน ในฝันลูกไม่ได้พูดอะไร เอาแต่เรียกแม่ๆ อย่างเดียว และตนอยากบอกลูกว่าภูมิใจในตัวลูก ภูมิใจที่ลูกทำหน้าที่ชายชาติทหาร มีเกียรติยศ ทำหน้าที่ได้ดี ไม่เสียชาติเกิด


ส่วนตอนนี้ทางกองทัพเรือ ยังไม่แจ้งว่าจะเยียวยาอย่างไร บอกเพียงแค่ว่าให้เสร็จพิธีก่อน ขณะเดียวกันนั้นยังอยากรู้และอยากฟังคำชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดจากทางทัพเรือว่าแท้จริงแล้วเหตุการณ์เป็นอย่างไร


ด้านนายวิทยา บุญละคร น้าชายของพลทหารวรพงษ์ กล่าวทั้งน้ำตาคลอ ว่า ทางครอบครัวตั้งใจและสนับสนุนให้หลานชายเดินเส้นทางสายนี้อยู่แล้ว อีกอย่างหลานชายก็มีความฝันอยากเป็นทหารด้วย ซึ่งส่วนตัวตนติดใจประเด็นการช่วยเหลือที่ล่าช้า สังคมก็ดูออกว่าการช่วยเหลือช้าเกินไป อีกอย่างก็เป็นประเด็นเรื่องของชูชีพที่มีไม่เพียงพอ


สงสารและคิดถึงหลานชาย การสูญเสียใครไม่อยู่จุดนี้คงไม่มีทางรู้ แต่อย่างไรตอนนี้มองว่าหลานชายคงไปดีแล้ว

----------

จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่่ผ่านมา ขณะนี่้พบศพผู้เสียชีวิต และ มีการพิสูจน์อัตลักษณ์อย่างเป็นทางการ 20 ท่าน หนึ่งในนั้น คือ น้าชู จ.อ.ชูชัย เชิดชิด เมื่อวานนี้ (27 ธ.ค.) ในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่เรื่องราว ชีวิตการทำงานบนเรือหลวงสุโขทัย ที่น้าชู ได้ทำ และ กลายเป็นความทรงจำสุดประทับใจของกำลังพลบนเรือลำนี้


โดยเฟซบุ๊ค ของ Kritsada Sripariyuth (ผู้ที่เคยโพสต์ถึงต้นเรือพลับ เมื่อก่อนหน้านี้) ได้โพสต์เล่า เรื่องราวของน้าชู ว่า


"ขอแสดงความอาลัย แด่ "น้าชู" สหโภชน์ที่แสนดีของกำลังพลสุโขทัย... น้าชู (จ.อ.ชูชัย เชิดชิด) มีหน้าที่ดูแลข้าวปลาอาหารให้ทุกคนประจำเรือ โดยจะต้องตื่นก่อน นอนทีหลัง อยู่ตลอดเวลา เพราะหน้าที่ของหัวหน้าคนครัวเป็นเช่นนั้น.... แต่ถึงเป็นเช่นนั้นน้าชูก็ไม่เคยปริปากบ่น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ แม้ว่าน้าชูจะเมาเรือหนักขนาดไหน อาหารก็ยังพร้อมสำหรับทุกคนเสมอ จนถึงวันแห่งความโศกเศร้า ... น้าชูได้จากไปพร้อมกับเรือที่ตนเองรักจนวาระสุดท้าย....


...ต้นหนยังคงนึกถึงรสชาติอาหาร และความอ่อนโยนของน้าชูตลอดเวลาแม้จะย้ายไปปฏิบัติราชการที่เรือลำอื่น.... ต้นหนขอให้บุญกุศลที่ได้กระทำ นำพาน้าชูเดินทางสู่สุคติภพเถิด...

----------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/oCU3oM4FD38

คุณอาจสนใจ

Related News