แจ้งความทนายขืนใจเด็กวัย 16 ปี ทนายตั้มแฉคนเคยช่วยเด็กเรียกทรัพย์ผู้ก่อเหตุจบคดี อีกฝั่งโต้ เป็นเงินเยียวยา

วันนี้ (9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ สน.สุทธิสาร ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน, นายกันต์ จอมพลัง และหมอปลา นำเด็กสาวผู้เสียหาย อายุ 16 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดี กับหนึ่งในทนายความของลุงพล ในข้อหา "ข่มขืนกระทำชำเราเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี"


โดยยืนยันว่าเด็กถูกข่มขืนตั้งแต่อายุ 16 ปี ในปี 2564 โดยถูกกระทำหลายครั้ง เบื้องต้นวันนี้ ทางทีมสหวิชาชีพได้เดินมาสอบปากคำที่ สน.สุทธิสาร ด้วย


ทั้งนี้ ทนายษิทรา ระบุว่า สิ่งที่ตกใจจากการได้พูดคุยกับเด็กผู้เสียหาย พบว่ามีการแสวงหาผลประโยชน์จากการที่เด็กถูกกระทำ ซึ่งเป็นคนที่เป็นตาเคยช่วยเหลือเด็กจากทนายความโดยใช้วิธีเรียกทรัพย์ หรือตบทรัพย์จากทนายความคนดังกล่าว เพื่อให้จบเรื่องจบคดี แต่จากการสอบถามเด็กผู้เสียหายว่าเด็กไม่รู้มาก่อนว่า ทนายความได้โอนเงินให้กับตาคนที่เคยช่วยเหลือ


ด้าน นายกันต์ ยืนยันว่า พบสลิปโอนเงิน 50,000 บาทในแชตสนทนา และพบข้อความที่น่าตกใจ จากคนที่เป็นห่วงเป็นใย แต่กลับมามีพฤติการณ์ตบทรัพย์ ซ้ำหากินบนความทุกข์ของเด็ก


ซึ่งจากการพูดคุยกับเด็ก ยังพบว่า มีการขอส่วนแบ่งเงินชดใช้ค่าเสียหายจากคนที่กระทำชำเราเด็ก 12,000 บาท จาก40,000 บาทที่เด็กได้รับ ซึ่งตอนนี้ได้ประสาน ก.พัฒนาสังคมฯ รับเด็กไปดูแล และประสานก.ศึกษาธิการรับเด็กไปเรียนต่อ


ส่วนการดำเนินคดีวันนี้ นายษิทรา ระบุว่าจะดำเนินคดีกับทนายความที่ล่วงละเมิดทางเพศเด็กกับทนายความของลุงพลเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเก่า ส่วนผู้ดูแลที่เคยช่วยเหลือเด็ก ขอกลับไปดูรายละเอียดว่ามีหลักฐาน ข้อมูลอย่างไร

ขณะที่นายภวิศ ชาวสมุทรปราการ อาชีพทนายความ ซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ เด็กสาวอายุ 16 ปี มาตั้งแต่แรก ได้เดินทางมาที่ สน. พร้อมกล่าวยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นคนหาผลประโยชน์ จากการที่ เด็กอายุ16ปี ถูกข่มขืน โดยยอมรับว่า ทนายความคู่กรณี มีการโอนเงินมาผ่านบัญชีของตนเองจริง จำนวน 10,000 บาท ค่าหอพักเด็ก และหลังเกิดเหตุการณ์ข่มขืน เด็กได้เรียกค่าเสียหาย 100,000 บาท (มีคลิปเสียง) ซึ่งทนายคู่กรณี 20,000 บาท เป็นค่าเยียวยาของเด็ก ซึ่งตนก็ได้โอนต่อให้เด็กเป็นจำนวน 18,000 บาท ส่วน 2,000  บาท เป็นค่าน้ำมันที่พาเด็กไปดำเนินเกี่ยวกับคดีที่เด็กถูกข่มขืนก่อนหน้านี้ ที่จังหวัดปราจีน  


ขณะเดียวกันทนายคู่กรณีได้ขอให้ตนช่วยเจรจาลดค่าเสียหาย เหลือ 50,000 บาท แต่หลังจากกลายเป็นข่าว เด็กได้เข้ามาปรึกษาตนว่าจะขอเรียกเงินค่าเสียหายเพิ่มเป็นหลักล้านบาทได้หรือไม่ ตนจึงแนะนำว่าสามารถเรียกร้องได้ แต่ก็ไม่ได้ตามเรียกร้อง


ส่วนเงินเยียวยาที่ได้มาจากกระทรวงยุติธรรม จำนวน 45,000 บาท ก็โอนเข้าบัญชีเด็กโดยตรง แต่เด็กได้โอนต่อให้ตน 10,000 บาท เพื่อนำไปใช้หนี้ที่ตนได้ไปยืมคนอื่นมาช่วยเด็กในระหว่างดำเนินคดี ไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัวหรือหักเปอร์เซ็นต์จากเรื่องของเด็กแต่อย่างใด


ตนสาบานว่าไม่ได้ โกหกเพราะทุกคนรู้ดีว่าตนเป็นคนตรงไปตรงมา และบริสุทธิ์ถ้าไม่เชื่อให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้หรือให้ออกจากโรงพักแล้วโดนรถชนตายหรือยิงตายก็ได้


ทั้งนี้ตนมองว่า เรื่องราวที่ตนเองถูกกล่าวหานั้น เป็นการที่ทนายตั้มหลอกให้รออยู่ที่สำนักงานทนายความ และบอกว่าจะพามาแจ้งความพร้อมกัน แต่กลับทิ้งตนเองไว้แล้วมาให้สัมภาษณ์กล่าวหากัน ซึ่งหลังจากนี้ตนเองจะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายกับทนายตั้ม เพราะมองว่าเป็นการกล่าวหาตนเอง