อาชญากรรม

รวบ ‘อาหยง’ นายทุนแดนมังกร หัวโจกหลอกคนไทยทำงาน ‘คอลเซ็นเตอร์’ สุดเหี้ยม หากขัดขืนถูกโกนหัว-ไฟฟ้าช็อต

โดย petchpawee_k

1 พ.ย. 2565

110 views

ตำรวจสอบสวนกลาง รวบ ‘อาหยง’ นายทุนแดนมังกร หัวโจกเครือข่ายหลอกคนไทยไปทำงาน คอลเซ็นเตอร์ สุดเหี้ยม หากไม่ทำตาม ถูกโกนหัว-ไฟฟ้าช็อต


 วานนี้ (วันที่ 31 ต.ค.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการ ปคม และคณะ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา นายหวง เทียนหยง หรือ อาหยง อายุ 33 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1112/2564 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2564


ผู้ต้องหาทำความผิดฐาน 1. สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ /2. ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกองค์อาชญากรรมกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานฯ


จับกุมบริเวณลานจอดรถย่าน ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ


การจับกุมครั้งนีั เนื่องจาก เมื่อช่วงตั้งแต่เดือน ม.ค.- พ.ค.2564 เครือข่ายขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติที่ประกอบด้วย คนจีน ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า รวม 19 คนได้สมคบและร่วมกันกระทำความผิดเป็นขบวนการค้ามนุษย์ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำหลอกลวงคนไทยไปทำงานด้วยวิธีการลงโฆษณาในอินเตอร์เน็ต เมื่อมีการสมัครงานหลอกว่ามีการจัดหาคนไปทำงานที่ชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก  เมื่อมีผู้เสียหายหลงเชื่อและเดินทางไปที่จุดนัดพบ กลับถูกบังคับพาข้ามไปทำงานที่ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมาร์  


จะใช้วิธีเดินเท้าผ่านป่าไปข้ามแม่น้ำเมย เมื่อไปถึงจะถูกพาไปที่บริษัท JinXin Holdings จำกัด เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ หลังจากนั้นผู้เสียหายจะถูกเครือข่ายผู้ต้องหาบังคับใช้แรงงานให้ทำงานเป็น Scammer (การหลอกลวงเพื่อเอาผลประโยชน์จากผู้อื่นทางอินเตอร์เน็ต) พูดหลอกลวงลูกค้าให้มาลงทุนทำธุรกิจเงินดิจิตอล (บิทคอยท์) เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งเป็นคนไทยได้จำนวน 7 คน เป็นผู้หญิง 5 คน ผู้ชาย 2 คน


จากการสอบปากคำผู้เสียหายให้การว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะทำการสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมาในแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น Tinder, Badoo, Blumboo, Jaumo Dating ฯลฯ แล้วให้กลุ่มผู้เสียหายใช้พูดคุยหลอกถามข้อมูลบุคคล และชักชวนคนมาลงทุน  ออกแนงบักษณะ คุยให้รัก ให้ตายใจ เมื่อมีคนสนใจทักกลับมาจะส่งต่อให้หัวหน้าทีมซึ่งเป็นชาวมาเลเซียและฟิลิปปินส์เป็นคนดำเนินการ


ส่วนวิธีการกับกลุ่มผู้เสียหาย เมื่อหลงเชื่อมาทำงาน ด้วยแล้ว จะบังคับให้ทำงานวันละ 12 ชม. ไม่มีวันหยุด ต้องทำยอดให้ได้ตามที่กำหนด หากว่าใครไม่ยอมทำงานหรือทำงานไม่ได้ตามยอดที่กำหนดจะถูกลงโทษ


จะถูกนำตัวไปขังที่ “ห้องดำ” หรือถูกทำร้ายร่างกายโดยการโกนผมและใช้ไฟฟ้าช็อตทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถขัดขืนได้ ถ้าผู้เสียหายคนใดต้องการกลับมาประเทศจะต้องนำเงินมาจ่ายเป็นค่าไถ่ตัวจำนวน 50,000 บาท ถึงจะได้รับการปล่อยตัว กลุ่มผู้เสียหายบางรายได้ติดต่อญาติให้เอารถไปจำนำ บางรายได้มีการกู้เงินนอกระบบแล้วโอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้รับการปล่อยตัวออกมา


จนกระทั่งผู้เสียหายทั้ง 7 คนได้เดินทางข้ามพรมแดนกลับมายังประเทศไทยด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก


แล้วได้ถูกจับกุมตัวตาม พรบ.คนเข้าเมืองฯ โดยระหว่างถูกกักตัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ สอบปากคำกลุ่มผู้เสียหายทั้ง 7 คนที่ถูกหลอกไปทำงานให้กับกลุ่มผู้ต้องหาจนพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีค้ามนุษย์ข้ามชาติ เป็นเครือข่ายกระบวนการกระทำผิดระหว่างคนไทย จีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาตามกฎหมาย จนนำไปสู่การออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด 19 หมาย


โดยเป็นคนจีน 3 ราย / คนมาเลเซีย 1 ราย /คนฟิลิปปินส์ 1 ราย / คนพม่า 3 ราย /คนไทย 11 ราย ทั้งหมดนี้ มีนายอาหยงและเพื่อนชาวจีน เป็นหัวหน้าและนายทุน ซึ่งมีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาไปแล้วจำนวน 7 ราย จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ทราบว่าอาหยง (ผู้ต้องหา) ได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 เพื่อมาทำธุรกิจฟอกเงิน


 โดยเปิดค่ายมวยชื่ออาหยงยิมส์ และเป็นโปรโมเตอร์ในการจัดต่อยมวยตามเวทีต่างๆ ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางไปบริเวณลานจอดรถย่านถนนรามอินทรา ในวันที่ 29 ต.ค.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม. จึงได้เดินทางไปตรวจสอบและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ และนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคม.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา


ทั้งนี้ช่วงก่อนแถลงข่าว ตำรวจได้ควบคุมตัวอาหยงไปฝากขัง ช่วงที่เดินผ่านนักข่าว นักข่าวสอบถามว่า ได้ทำผิดตามที่ถูกแจ้งข้อหาหรือไม่ นาย อาหยง ตอบเป็นภาษาไทยเสียงดัง ฟังชัดว่า “ตนไม่ได้ทำ  ตร.จับมาเรื่องอะไรยังไม่รู้ มีพยานหลักฐานทั้งหมด และขอสาบาน”


ทั้งนี้ตำรวจจะนำหลักฐานทั้งหมด ขยายผู้ร่วมขบวนการกับนายอาหยง และขอเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อกับการชักชวนทำงานทางอินเตอร์เน็ต ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด หากต้องไปทำงานต่างประเทศ ควรตรวจสอบบริษัทจัดหางาน ข้อมูลตำแหน่งงาน ลักษณะงาน ตลอดจนประเทศที่จะไปทำงาน จากเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน ก่อนตัดสินใจทุกครั้ง


อย่าหลงเชื่อข้อความโฆษณาทางโซเชียลมีเดีย เนื่องจากอาจเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่หวังฉวยโอกาสหลอกลวงไปทำงานในลักษณะที่ผิดกฎหมายได้



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Gpu2ooOGAcA

คุณอาจสนใจ

Related News