อาชญากรรม

สารภาพติดพนันบอล รวบ ตร.ขโมยปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด กว่า 100 กระบอก คนซื้อย่องมาคืนแล้ว 27 กระบอก

โดย thichaphat_d

21 ต.ค. 2565

435 views

รวบแล้ว ดาบตำรวจ ขโมยปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด ไปขายกว่า 100 กระบอก ขณะเตรียมหนีออกนอกประเทศที่จังหวัดหนองคาย สารภาพดอดขโมยไปขายทีละ 1- 2 กระบอก นำเงินใช้จ่าย และเล่นพนันฟุตบอล ผบ.ตร.รับโรงพักมีความบกพร่อง ผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุ ถือกุญแจคลังอาวุธนาน 18 ปี สั่งย้ายผู้กำกับฯ – ตั้งกรรมการสอบ


ภายหลังมีการยืนยันว่า สามารถจับกุมตัว ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ตำรวจสังกัด สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในฐานความผิด “ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ” จากการก่อเหตุขโมยปืนหลวง 100 กว่ากระบอกได้แล้วที่ จ.หนองคาย ใกล้ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างกำลังหลบหนีออกนอกประเทศไปเวียงจันทร์ สปป.ลาว

ก่อนที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 จะไปรับตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ กลับมาสอบสวนโดยละเอียดที่สโมสรตำรวจ เพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. /  พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี ดำเนินการสอบสวน

ต่อมาเวลาประมาณ 21.15 น. ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหามาถึงสโมสรตำรวจ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า เอาปืนไปขายที่ไหน / ขายให้กับใคร / ในราคาเท่าใด  / นำเงินที่ได้ไปทำอะไร ไปใช้หนี้พนันเนื่องจากว่าติดการพนันใช่หรือไม่ รวมทั้งสอบถามว่าทำแบบนี้มานานแล้วหรือยัง ผู้ต้องหาไม่ตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด เดินเข้าห้องสอบสวนในทันที

จากนั้น พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าขโมยปืนหลวงจริง ตอนนี้รู้เป้าหมายที่นำไปขายแล้วประมาณ 9 จุด เป็นลักษณะทั้งรายบุคคลและร้านค้าที่รับซื้อ จากข้อมูลตอนนี้มีเพียงแค่ปืนอย่างเดียวไม่มีกระสุนปืน ปืนที่หายไปคือปืนกล็อก / ปืนซิกซาวเวอร์ และปืนลูกโม่ ส่วนปืน M4 อยู่ระหว่างสอบสวน ซึ่งได้นำไปขายและจำนำกระบอกละประมาณ 20,000 บาท เท่าที่ถามคือต้องการนำเงินไปเล่นการพนัน  

เมื่อถามว่าคนที่รับซื้อแล้วนำปืนมาคืนมีความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.พนัญชัย ระบุว่า “โทษหนักก็จะเป็นเบา ถ้าโทษเบาก็อาจจะกันไว้เป็นพยาน ถ้ารีบมาภายใน 2-3 วันนี้”

จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมาถึงสโมสรตำรวจ เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาก่อเหตุเพียงคนเดียว มีหน้าที่ดูแลคลังอาวุธโรงปืน จากนี้ต้องขยายผลต่อไปว่ามีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่ โดย ผกก.สภ.ปากเกร็ด ไล่ตรวจสอบอาวุธปืนจนทราบว่าปืนหายไปจำนวนมาก ประมาณ 120 กว่ากระบอก แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่ามากกว่า 120 กระบอก ซึ่งตัวผู้ต้องหาเองหมดปัญญาจะเอาปืนมาคืนจึงหลบหนีไปอยู่แถวชายแดนได้ 7-8 วันแล้ว แต่ข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อบ้านไม่ได้ จนติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด

ทั้งนี้ ในส่วนของผู้บังคับบัญชาไล่ลงมาตั้งแต่ ผกก. / รอง ผกก.ป. เป็นต้น พบว่ามีความบกพร่องในหน้าที่ ปล่อยปละละเลย ที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุลักษณะนี้ที่ จ.ระยอง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนเก่า และตนสมัยเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.เคยกำชับเป็นหนังสือกันเรื่อยมาแต่ก็เกิดขึ้นอีก โดยพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์. ผบ.ตร. กำชับต้องตามปืนกลับมาให้ครบ โดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันเหตุร้าย

ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. ระหว่างที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สอบปากคำผู้ต้องหาอยู่นั้น ตำรวจชุดสืบสวนได้ข้อมูลมาว่ามีประชาชนนำปืนที่รับซื้อไป 27 กระบอก มาคืนไว้ที่หน้าสโมสรตำรวจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปนำปืนดังกล่าว ซึ่งบรรจุไว้ภายกระเป๋าเดินทางสีแดงเลือดหมูขนาดใหญ่ลงมายังห้องสอบปากคำ

ภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ผู้ต้องให้การรับสารภาพทั้งหมด และให้การเป็นประโยชน์ว่า เอาปืนไปขายและจำนำที่ไหน อย่างไรบ้าง ผู้ต้องหาระบุว่าทำแบบนี้มา 4-5 ปีแล้ว ซึ่งการนำปืนออกมา นำออกมาทีละ 2-3 กระบอก ซึ่งเป็นจำนวนน้อย ไม่จำเป็นต้องหลบหลีก ถ้าหากผู้บังคับบัญชาไม่ตรวจสอบโดยละเอียดก็จะไม่รู้ว่าปืนหายไป

เมื่อถามว่าหากผู้ต้องหาทำแบบนี้มา 4-5 ปี อาจบางช่วงที่ปรับเปลี่ยนผู้บังคับบัญชา ไม่มีการตรวจสอบเลยใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ถือว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียน ต้องเป็นบทเรียนให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือผู้กำกับทุกสถานีต้องเข้มงวดกวดขัน จริง ๆ แล้วตามหลัก มีกฎเกณฑ์อยู่แล้วแต่ขึ้นอยู่กับคนปฏิบัติ และความใส่ใจ

จากนี้ต้องตื่นตัวกับทุกเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องอาวุธปืน แต่อาวุธปืนถือเป็นสิ่งอันตราย  เมื่อไปอยู่ในมือของคนไม่ดี ก็อาจจะใช้นำไปก่อเหตุอาชญากรรมหรือเหตุต่าง ๆ ได้ และจากนี้หากพบว่าผู้กำกับคนไหนมีความบกพร่อง ก็จะมีหนังสือสั่งย้ายทันที พร้อมยอมรับว่า วันนี้ความเชื่อมั่นของประชาชนอาจจะไม่ไว้วางใจ แต่ตำรวจก็ต้องทำให้มีหลักเกณฑ์ กติกา ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อบกพร่องต้องลงโทษตามข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ มั่นใจว่าภายใน 2-3 วัน จะสามารถนำปืนกลับมาได้จนครบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปูพรมค้นหาตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา และจะทำการสอบสวนให้แล้วเสร็จ และนำฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรีวันนี้ก่อนเวลา 12.00 น.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ยังระบุอีกว่า ตอนนี้ได้ปืนกลับคืนมาแล้ว 27 กระบอก จากการที่มีประชาชนนำมาวางไว้ที่สโมสรตำรวจ แต่ยังไม่ทราบว่าใครนำมาวางไว้ แม้ว่ายังไม่สามารถระบุตัวตนได้ แต่เจ้าหน้าที่สามารถไล่ดูได้หมดอยู่แล้วว่าเป็นใคร ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ต้องรอให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบโดยละเอียดทั้ง DNA / ลายพิมพ์นิ้วมือ ลายพิมพ์ฝ่ามือ ฯลฯ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ยังฝากถึงประชาชนที่รับซื้อปืนไป ที่ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ สามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำปืนมาคืนได้ ทางตำรวจก็จะได้สอบปากคำว่ารับไว้ด้วยเจตนาใด แต่เบื้องต้นมีความผิดอยู่แล้ว  เช่น ข้อหารับของโจร


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/OCVzU-2fIdk

คุณอาจสนใจ

Related News