อาชญากรรม

สงครามเย็นที่แท้! 2 โรงน้ำแข็งเมืองกรุงเก่าเดือด เปิดศึกยิงถล่มกลางเมือง ปมทับเส้นทาง

โดย petchpawee_k

9 ส.ค. 2565

135 views

เดือดจัด 2 โรงน้ำแข็ง เมืองกรุงเก่า เปิดศึกยิงถล่ม กลางเมืองปม ทับเส้นทาง ลูกค้าเจ้าเก่ากับเจ้าใหม่ ด้านกำนันแจง พกปืนไประงับเหตุช่วยตำรวจ ปัดเป็นหุ้นส่วนโรงน้ำแข็งและผู้มีอิทธิพล


วงจรปิด เหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดนี้ ไม่ใช่การถ่ายหนัง แต่เป็นเหตุการณ์อุกอาจ ยิงถล่มกันกลางเมือง พระนครศรีอยุธยา กว่า 20 นัด ชาวบ้านแตกตื่นวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น


ดยภาพวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ รถกระบะคันหนึ่ง จอดขวางรถน้ำแข็งจากนั้น มีรถส่วนบุคคล ยี่ห้อ แฮมเมอร์สีแดง ขับไปแทรกกลาง และมีรถตู้สีดำมีชายฉกรรจ์ใส่เสื้อกั๊กกรมการปกครอง ลงมาพร้อมอาวุธปืนและเกิดเสียงปืนยิงถล่มกันดังสนั่นทั่วเมือง  สิ้นเสียงปืน ตร.ก็เข้าควบคุมตัวชายวัยรุ่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และผู้บาดเจ็บที่วิ่งหนีไปหลบในป่าใกล้ที่เกิดเหตุ


เหตุการณ์นี้ต้องบอกว่าก่อเหตุ อย่างอุกอาจ ใจกลางเมือง บริเวณ หมู่ที่ 3 บนถนน วัดใหญ่ชัยมงคล-วัดพนัญเชิง ใกล้ทางกั้นรถไฟ ห่างจากวัดพนัญเชิง ราว 300 เมตร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา


หลังเกิดเหตุไม่ถึง 30 นาทีตำรวจเข้าควบคุมตัว ชายทั้งหมด 12 คน คุมตัวมาสอบสวน 9 คน และได้รับบาดเจ็บ 3 คน ตำรวจต้องให้ทุกคนนอนราบกับพื้นใส่กุญแจมือ และต้องเรียกกำลังเสริมพร้อมอาวุธปืนมาควบคุมสถานการณ์


พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าว ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาในที่เกิดเหตุทันทีเป็นชายวัยรุ่นได้ 3 คน พร้อมรถยนต์กระบะ โตโยต้า สีดำ ทะเบียนป้ายนครราชศรีมา ตรวจค้นในรถพบอาวุธปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 2 กระบอก ขนาด.38 จำนวน 2 กระบอก เป็นกลุ่มของโรงน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.อุทัย


และที่บริเวณกลางถนน พบรถยนต์กระบะ โตโยต้าสีขาวตอนเดียวทะเบียน พระนครศรีอยุธยา สภาพด้านหน้าถูกชนพังเสียหาย ฝากระโปรงรถมีรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืน เป็นรถของโรงน้ำแข็งแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา พบปลอกกระสุนปืนขนาดต่างๆ จำนวนมากเกลื่อนถนน  


ส่วนคนบาดเจ็บถูกยิงที่ขา ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ก่อนจะอายัดตัวทราบชื่อ คือ นายสหชาติ มานะเปรม อายุ 34 ปี ภูมิลำเนา จ.สิงห์บุรี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา


ตำรวจควบคุมตัวที่เหลือทั้งหมด มาสอบปากคำ ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา พบรถยี่ห้อแฮมเมอร์ สีแดง หมายเลขทะเบียน กจ 9 สิงห์บุรี ไปจอดอยู่ที่บริเวณหน้า สภ.นครศรีอยุธยา มีรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณกระจกหน้ารถ สภาพรถ ด้านหน้ามีรอยเฉี่ยวชน ยังมีรถกระบะบรรทุกน้ำแข็ง สีขาว ของโรงน้ำแข็ง อ.อุทัย มีรอยเฉี่ยวชนด้านหน้า พร้อมกับคนขับรถเข้ามาแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกาย


คุณหอม อายุ 53 ปี แม่ค้าร้านข้าวมันไก่ ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่ลูกค้ากำลังมาทานอาหารกลางวัน ตอนแรกได้ยินเสียงรถชนกัน ก็เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่สักพัก เสียงปืนดังรัวขึ้นหลายสิบนัด ตอนนั้นตนออกมาหน้าร้านและบอกลูกค้าว่าเขามีปืน ทุกคนวิ่งหลบหนีกันจ้าละหวั่น ไม่คิดจะเกิดขึ้นแบบนี้เห็นแต่ข่าวที่อุบลฯ ที่นั่นยังเป็นสถานบันเทิงแต่ที่ อยยุธยา นี่ใจกลางเมือง และเกิดเหตุตอนกลางวันด้วย


ทางด้าน เจ้าของบ้านที่ใกล้ที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่า หลังสิ้นเสียงปืน กลุ่มชายที่ยิงถล่มกันนั้น วิ่งเข้าไปหลบ ในป่าข้างบ้านตนเอง และตำรวจก็มาตามจับในเวลาต่อมา

------------------------------------------------------

ชายรถตู้ดำ ถือปืนเข้าไปที่เกิดเหตุ ยืนยันเป็น ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ไประงับเหตุ ไม่ใช่คู่อริ


หลังมีการจับกุมคนร้ายและระงับเหตุเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่า เกิดคำถามสังคมสงสัยว่าในขณะเกิดเหตุมีรถตู้สีดำคันหนึ่งมาจอดประกบที่เกิดเหตุ จากนั้นชายฉกรรจ์สวมเสื้อกั๊กสีดำข้างหลังเขียนว่ากรมปกครอง


 ทีมข่าวเราไปสอบถามเรื่องนี้กับ ชายในคลิป คือนายพิษณุ แก้วกระจ่าง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.เกาะเรียน เปิดเผยว่า ตนคือชายในคลิปที่ถือปืนลงไป ปืนก็เป็นปืนลูกซองยาวที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง ขณะเกิดเหตุ พบว่ากลุ่มวัยรุ่นของโรงงานน้ำแข็งอโยธยาและโรงงานแห่งหนึ่งในอ.อุทัย มีปัญหากันมาก่อนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการขับรถไปส่งน้ำแข็งในต.เกาะเรียน และนำพรรคพวกขับรถตามไป6-7คัน ก่อนจะมีเรื่องไม่พอใจโรงงานของอโยธยา


จากนั้นก็มีปัญหาถึงขั้นทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 6 ส.ค. และมีการนำปืนมาโชว์ ตนในฐานะผู้ใหญ่บ้านจึงไประงับเหตุ และพยายามปราบและลงบันทึกประจำวันไว้

จนกระทั่งสายวันที่ 8 ส.ค. ลูกบ้านซึ่งทำงานโรงน้ำแข็ง บอกว่าถูก คู่อริ กลุ่มเดิม มาดักทำร้ายร่างกายกัน ที่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะขับรถไล่กันมาและยิงถล่มกัน


ซึ่งเหตุที่ตนถือปืนลงไประงับเหตุเพราะอีกฝั่งมีปืน และยิงมาทางตนจึงต้องป้องกันตัว และช่วงนั้นตร.ก็เดินทางมาถึง ยืนยันว่าไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ หรือยิงใคร แต่ไประงับเหตุ และป้องกันตัว


นอกจากนี้ ยังมีประเด็นว่าแท้จริงแล้วกำนัน ตำบลเกาะเรียน ชายที่นั่งรถตู้สีดำ กับผู้ใหญ่บ้านนั้น ไม่ได้ไประงับเหตุ แต่เป็นหุ้นส่วนโรงงานน้ำแข๋งและนำพวกไปถล่ม


ด้าน นายไชยณรงณ์ จันทร์สีดา กำนันตำบลเกาะเรียน ชี้แจงว่า ไม่มีหุ้นส่วน และไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับโรงน้ำแข็งอโยธยา เเต่รู้จักกับเจ้าของโรงน้ำเเข็งในพื้นที และ “ยอมรับว่า มีคนเเถวบ้าน ญาติพี่น้องทำงานอยุ่ที่โรงน้ำเเข็ง เเต่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือได้รับเงินจากโรงงานน้ำเเข็งเเม้เเต่บาทเดียว”


เหตุที่เกิดขึ้น ทุกอย่างมีการบันทึกประจำวันก่อนที่จะมีการเข้าระงับเหตุ และตำรวจพื้นที่ก็รับรู้ว่า มีการบาดหมางกันสองกลุ่มมาก่อนเกิดเหตุยิงถล่ม


ทีมข่าว ลงพื้นที่ไปยังโรงงานงานน้ำเเข็งอโยธยา ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ในอำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา พยายามสอบถามถึงเจ้าของโรงงานเพื่อให้ชี้เเจงปัญหาความขัดเเยงที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ได้รับข้อมูลว่า เจ้าของโรงงานน้ำเเข็ง เป็นชาวต่างชาติ ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ และปัดให้ข้อมูล โดยอ้างว่าให้กำนันเป็นคนชี้แจง


ทางด้านโรงงานน้ำแข็งพันล้าน อ.อุทับ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นฝั่งโรงงานน้ำแข็งพันล้านไม่ได้เป็นคนเริ่มต้น พร้อมนำคลิปเหตุการณ์ ขณะที่เกิดเหตุถูกล้อมรถไปไม่ได้ จึงต้องตามหัวหน้ามาช่วย และเกิดการยิงกัน ในคลิปจะเห็นว่า มีฝั่งขายเสื้อแดง ยืนเรียงรายล้อมรถ ก่อนจะมีการขับฝ่าออกไป จุดนี้คือก่อนเกิดเหตุยิงกัน


 โรงน้ำแข็งพันล้าน ให้ข้อมูลว่า แต่ก่อนทำธุรกิจโรงงน้ำแข็งที่จ.สิงห์บุรี ขยายกิจการ ทำโรงน้ำแข็ง ในพื้นทึ่อ.อุทัย  จ.พระนครศรีอยุธยา เริ่มเปิดกิจการเมื่อวันที่10 ก.ค 65 โดยตระเวนขายลูกค้าในจังหวัด พระนครศรีอยุธยา


วันที่ 5 ส.ค. รถส่งน้ำแข็งไปส่งน้ำแข็งเขตพื้นที่ ต.เกาะเรียน ซึ่งเป็นถิ่นของโรงงานคู่อริ อโยธยา ที่เปิดมาก่อน ถูกรถน้ำแข็งของคู่อริตามประกบ ทำให้ลูกน้องที้ขับรถเกิดความหวาดกลัว


วันที่ 6 ส.ค. ลูกน้องโรงงานน้ำแข็งพันล้านไปส่งลูกค้า เขต ต.เกาะเรียนอีกคราวนี้ มีปัญหาทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกาย ชกต่อย ลูกน้องบาดเจ็บ 3 ราย และไปแจ้งความ ระบุว่า คนก่อเหตุทำร้ายร่างกาย คือ นายไชยณรงค์ จันทร์สีดา กำนันตำบลเกาะเรียน


วันที่ 7 ส.ค. ลูกน้องไปส่งน้ำแข็งตามร้านที่ต้องการรับจากโรงน้ำแข็งพันล้าน ระหว่างทางขับรถผ่าน ต.เกาะเรียน พื้นที่ของโรงงานน้ำแข็งอโยธยาคู่กรณี ถูกตามประกบขับไล่ จนลูกน้องขับหนีออกมาได้


 วันที่ 8 ส.ค. ลูกน้องออกมาส่งน้ำแข็งปกติ แต่ถูกรถของโรงน้ำแข็งอโยธยา ตามประกบซ้ายขวา ปิดทาง ลูกน้องจึงโทรตามหัวหน้าที่โรงงาน ขับรถแฮมเมอร์สีแดงออกมาช่วย จังหวะนั้น รถวิ่งออกมาก็ถูกรถของคู่อริ มาจอดขวาง จึฃพยายามเบี่ยงรถหนี แต่ถูกสกัด และเปิดฉากยิง จนค้องวิ่งหนีตายไปที่ป่าข้างบ้านของชาวบ้านแถวนั้น และก็กลายเป็นคนร้าย


 ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะเกิดเหตุ ฝั่งโรงงานพันล้านมีปืนหรือไม่ ทางตัวแทน ไม่สามารถตอบได้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/xHxJ-PLkaMw

คุณอาจสนใจ

Related News