อาชญากรรม

'อัจฉริยะ' จี้ตรวจคราบเลือดบนเรือใหม่ จ่อปล่อยคลิปเด็ดคดีแตงโม 'ไป 6 กลับ 5'

โดย thichaphat_d

24 พ.ค. 2565

29 views

วานนี้ (23 พ.ค.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสมชาย แสวงการ ประธานกรรมาธิการวุฒิสภา เพื่อประสานไปยังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำเรือลำเกิดเหตุคดีแตงโม ไปตรวจคราบเลือดใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่ ที่เชื่อว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง


แต่หาก DSI ไม่ไปตรวจคราบเลือดให้เรา ก็จะแสดงให้เห็นว่า เขาจะไม่รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งตนเชื่อว่าไม่มีทางที่บนเรือจะไม่มีคราบเลือด เพราะว่า 1 ใน 5 คนบนเรือ มาให้ข้อมูลกับเราแล้ว แม้จะใช้น้ำยาล้างก็ยังน่าจะมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ หากเขาจริงใจ เขาก็ต้องดำเนินการตรวจสอบให้ แต่ถ้าเขาไม่ทำ ก็ชี้ชัดเจน 99.99 ว่า เขาเกรงใจตำรวจ แล้วจะไม่รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ


นายอัจฉริยะ ยังขยายความเรื่องหลักฐานดังกล่าวว่า ก็เหมือนกับที่ทนายเดชา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มี หลักฐานอันเชื่อได้ว่า มีการทำร้ายร่างกายแตงโมบนเรือ ซึ่งมีมานานแล้ว ตนก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงไม่แจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าคดีนี้ไม่ใช่การประมาท แต่เป็นคดีที่มีการทำร้ายร่างกายกัน ที่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน เหตุใดจึงไม่ทำหน้าที่ทนายความที่ดี และต้องให้ตนเป็นคนเปิด


ส่วนกรณีที่แม่แตงโม เชื่อว่าคดีนี้อาจเป็นการฆาตกรรม นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ยังไม่อยากให้คุณแม่เชื่อตนขนาดนั้น เพราะเกรงว่าจะไปกระทบจิตใจคนอื่น หน้าที่ของตนคือพิสูจน์ความจริง ส่วนทนายความก็ควรทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ใช่ดีแต่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่ามีภาพมีคลิปที่มีการซ้อมแตงโม แต่ไม่เอาให้ตำรวจ หรือให้อัยการ "นี่คือ หน้าที่ของทนายความที่ดีไม่ใช่มาเ..่าหอนทุกวัน โดยที่ไม่ยอมทำหน้าที่ของทนายความ" นายอัจฉริยะ กล่าว


นายอัจฉริยะ ยังกล่าวต่อด้วยว่าขั้นตอนที่กำลังดำเนินการขณะนี้คือ ต้องเจอคราบเลือด เจอมีด หรือเจอวัตถุพยานสำคัญ ที่จะมัดคนในกระบวนการนี้ทั้งหมด ซึ่งตนมีทั้งภาพและคลิปต่างๆ อยู่แล้ว แต่ต้องเชื่อมโยงว่าจะมัดยังไง เพื่อเอาให้ได้ เบื้องต้นอาทิตย์เราจะใช้โดรนใต้น้ำ ตั้งแต่สะพานซังฮี้ไปจนสะพานพระราม 8 เพื่อหามีด


ส่วนเรื่องของคลิปที่มีอยู่ จะเริ่มทยอยเปิดบ้างส่วนในวันนี้ (24 พ.ค.) โดยใช้หัวข้อ "ไป 6 กลับ 5" ซึ่งจะเห็นได้ชัดเลยว่า ในคลิปกับสิ่งที่ตำรวจแถลงมันคนละเรื่องกัน ทั้งเรื่องเวลาตกและจุดตก มั่นใจว่าจะทำให้การแถลงข่าวของตำรวจเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา เป็นเฟคนิวส์ทั้งนั้น เป็นเรื่องที่มโน โดยใช้นิติไสยศาสตร์ ไม่ใช่นิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานพวกนี้ตำรวจมีอยู่แล้วแต่เขาไม่ทำอย่างตรงไปตรงมา แต่ไม่คิดว่ามีเรื่องของการรับเงินรับทองเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะเป็นเรื่องของฝีมือไม่ถึงมากกว่า และในส่วนของตนมีหน้าที่พิสูจน์ความจริง ไม่ใช่หน้าที่ทนายความ เพื่อให้เห็นว่า สิ่งที่คนบนเรือพูดไม่มีความน่าเชื่อถือ และเข้าข่ายให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน


นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเปิดเผยคลิปและภาพใน Facebook ของแตงโม ว่า ส่วนใหญ่เป็นภาพเก่าและบางส่วนมีการตัดต่อที่ไม่น่าเชื่อถือ ส่วนที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตนไปเกี่ยวข้องกับบังแจ็คซึ่งเป็นคนปล่อยข้อมูล


"ตั้มมันเลอะเทอะ คนที่มี Account คุณแม่บอกว่ามี 3 คน ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว ผมยังไม่เคยเจอคุณแม่เลย ไม่เคยเห็นไม่เคยเจอกันด้วย แล้วเขาจะเอามาให้ผมได้ยังไง Account ซึ่งบังแจ็คไม่มีราคาสำหรับผมหรอก ไอ้พวก 18 มงกุฎ คนละเกรดกัน ถ้าผมจะทำผมเปิดเองดีกว่า ถ้าผมมีนะ ผมเปิดเองไม่ได้ผิดกฏหมายอะไรอยู่แล้ว และผมเปิดได้ดีกว่าคนที่เปิดอีก ถ้าผมมีข้อมูล ทำไมต้องให้บังแจ็คเปิด ผมมีเครดิตมากกว่าบังแจ็คเป็นร้อยเท่า และคนเชื่อถือผมมากกว่าบังแจ็คอีก"


นายอัจฉริยะ ยังเชื่อว่าคนที่เปิดข้อมูลผ่าน Facebook เป็นคนดี ที่อยู่ในประเทศไทย และเปิดเผยอยู่ในไทยไม่ใช่ต่างประเทศ และไม่ใช่บังแจ็ค จากประสบการณ์เชื่อว่า ไม่ใช่ 3 คนที่เข้าถึง account นี้ได้ตามที่แม่แตงโมบอก มันไม่มีเหตุผลพอที่เขาจะทำ ดังนั้น เชื่อว่าคนที่ปล่อยคือ เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่ขอเจาะจงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดี่ยวจะถูกฟ้องอีก


ส่วนที่เหลืออีกไม่กี่วันอัยการจะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล นายอัจฉริยะ เชื่อว่า เขายังไม่สั่งฟ้อง ในวันที่ 27 พฤษภาคม เหมือนกับที่ทนายเดชาออกมาระบุ เพราะหาอีก 2 วัน มีภาพปรากฏชัดว่าทำร้ายร่างกาย แล้วจะเป็นคดีประมาทได้อย่างไร จึงเชื่อว่าอัยการจะทำสำนวนให้ละเอียดรอบคอบและยังไม่สั่งฟ้องในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ เวลายังมีอีกเยอะ ฟ้องวันสุดท้าย ก็ยังทัน อัยการคงไม่เอาชื่อเสียงของตนเองมาแลก เพราะถือว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์คดีนึง อะไรที่ยังไม่ชัด และอะไรที่ไปฟ้องและศาลยกฟ้อง คงไม่ทำอยู่แล้ว


เมื่อถามถึงสิ่งที่เคยพูดว่า หลังจากนี้หากเปิดหลักฐานออกไปแล้ว ไม่จริงจะยอมให้โดนเหยียบหน้า นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนพูดถึงผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี หากไม่สามารถย้ายเขาออกจากพื้นที่ได้ ให้แตงโมมาเหยียบหน้าตนได้เลย เป็นเรื่องของผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี คนอื่นไม่เกี่ยว ซึ่งเขาได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตน และตนจะได้มีการดำเนินคดีกับเขาในวันนี้ (24 พ.ค.) เวลา 10.00 น.


และตอนนี้ยืนยันว่า ไม่มีคนข่มขู่แต่อย่างใด เพราะตนไม่กลัวใครอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือการพิสูจน์ความจริงให้กับแตงโมและคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งวันหน้าอาจจะเกิดคดีแบบแตงโมอีก หากให้ปล่อยเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือในกระบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จ เอาคำพูดคนรวยมาเป็นตัวตั้งคดี ต่อไปความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร


ทั้งนี้ ตนไม่อยากเชื่อกระทรวงยุติธรรม เพราะจากประสบการณ์ 10 ปีที่ผ่านมา และตั้งแต่ตั้งอธิบดีคนใหม่มา 6 เดือน ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน


"ไม่มีผลงานห่าอะไรเลยเป็นชิ้นเป็นอัน ที่ทำมาถึงวันนี้พูดตรงๆ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่เอาคดีน้องแตงโมลองทำสักคดีนึง เอาแทบไม่ต้องทำห่าอะไรเลย เพราะทุกอย่างมาจากผมหมด มาจากทีมงานของผมแม้กระทั่งหมอพรทิพย์ก็เป็นพยานในคดี หมอธวัชชัย ก็เป็นพยานในคดีนี้ และหมอนิติเวชอีกคนก็เป็นพยานในคดีนี้



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/9TG3Q6JBytw

คุณอาจสนใจ