สาวถูกมิจฉาชะตุ๋นเปื่อยกว่าแสน วอนสื่อช่วย

 วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 นางจิตวิสา เพชรพล อายุ 46 ปี ชาวบ้านอำเภอพรมพิราม จังหวัดพิษณุโลก วอนผู้สื่อข่าวให้ช่วยเหลือ หลังถูกมิจฉาชีพปลอมไลน์คนรู้จัก แล้วหลอกยืมเงิน ไปจำนวน 120,000 บาท พร้อมทั้งส่งหลักฐานทั้งหมดที่มีให้กับทางผู้สื่อข่าว เพื่อหวังจะได้เงินคืน และเป็นการเตือนภัย โดยมิจฉาชีพ ได้ทำการทักไลน์สนทนา ซึ่งผู้เสียหายเองก็ไม่ได้เอะใจ เพราะเห็นเป็นคนรู้จักทักมายืมเงิน โดยตอนแรกอ้างว่าติดธุระจำเป็นต้องใช้เงินชำระหนี้ด่วน นางจิตวิสา เพชรพล หลังจากที่มีการการสนทนาทางไลน์กันแล้ว จึงทำการโอนเงิน จำนวน 3,000 บาท จำนวน 2 ครั้ง และตามไปด้วยยอดเงิน 10,000 บาท ยอดเงิน 20,000 บาท สุดท้าย เงินที่โอนไปให้ยืมมีจำนวนถึง 120,000 บาท โดยมิจฉาชีพ อ้างว่า ไม่เกิน บ่าย 2 ครึ่งจะโอนเงินคืนให้ทั้งหมด เมื่อถึงเวลา ผู้เสียหายจึงทำการทักไปสอบถาม ผลปรากฏ หน้าไลน์ กลายเป็นหน้าว่างเปล่า เจ้าตัวจึงโทรศัพท์ไปสอบถามกับคนที่ยืมเงิน ปรากฏว่า ผู้เสียหายอีกคนที่ถูกปลอมไลน์ไม่รู้เรื่องด้วย นางจิตวิสา เพชรพล จึงมั่นใจว่าโดนมิจฉาชีพหลอกเอาเงินไปซะแล้ว จึงได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เพราะผู้เสียหายทำงานอยู่ที่อำเภอนั้น ซึ่งเหตุการณ์เสียรู้มิจฉาชีพ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 11.00 น.ของวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 หรือเมื่อวานนี้

โดยวันนี้เจ้าตัวเองอยากวอนผู้สื่อข่าวช่วยเหลือเพราะอยากจะติดตามเอาเงินคืน เนื่องจากเงินก้อนนี้ เจ้าตัวเก็บเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว และเป็นทุนการศึกษาของลูก ๆ ถ้าไม่ได้คืนครอบครัวเดือดร้อนแน่ ขณะผู้เสียหายเองยอมรับว่าตนเองสับเพล่าที่ไม่ได้โทรศัพท์สอบถาม เพราะเห็นว่าเป็นคนรู้จัก แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นมิจฉาชีพ ที่ปลอมไลน์คนรู้จักมาหลอกเอาเงินแบบนี้

จากการสอบถาม นางจิตวิสา เพชรพล เล่าว่า ตนเองถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินเวลาประมาณ 11.25 น. โดยใช้ไลน์คนรู้จักในหมู่บ้าน คือเป็นคนสนิท หลอกให้โอนเงินเข้าทรูวอลเล็ต โอนตอนแรก 3 พัน และก็หลอกให้โอนครั้งที่ 2 อีก 3 พัน เขาอ้างว่าจะโอนเงินเข้าไปปั่นหุ้น ตัวมิจฉาชีพ เขาเปลี่ยนหมายเลขบัญชีของทรูวอลเล็ต ให้โอนด้วย ซึ่งตนเองเพราะไว้ใจจึงโอนเงินไปให้ซึ่งจากการสนทนา มิจฉาชีพที่ปลอมไลน์ อ้างกับตนว่าไม่เกิน บ่าย 2 จะโอนเงินคืนมาให้ทั้งหมด ตนยังถามไปว่าแล้วไม่กลัวเสียเงินเหรอ จะได้เงินคืนเหรอ ซึ่งมิจฉาชีพก็อ้างว่าไม่เสีย เพราะตั้งแต่เล่นหุ้นมามีแต่ได้กับได้ จนกระทั่งเวลาบ่าย 2 มิจฉาชีพกลับเงียบ ตนจึงตัดสินใจโทรไลน์ไปหา แต่มิจฉาชีพก็ไม่รับสาย ตนจึงโทรไปเบอร์โทรปกติ ผลเจ้าตัวไม่รู้เรื่อง ระบุเพียงว่าตนเองถูกแฮกเฟซบุ๊ก เท่านั้นตนจึงรู้ทันนี้ว่าถูกมิจฉาชีพตุ๋นเงินไป 120,000 บาท แล้ว