อาชญากรรม

ทสภ.ชี้ บุกรุกเข้าเขตการบิน-พกอาวุธ โทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต

โดย kanyapak_w

4 พ.ค. 2565

719 views

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงว่า ผู้ก่อเหตุ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และพกอาวุธ ฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัย บุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน ซึ่งหลังได้รับแจ้งเหตุ ศูนย์รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตลอดเหตุการณ์ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับรถยนต์สายตรวจเข้าตามสกัดจับผู้บุกรุก แต่เนื่องจากผู้บุกรุกมีอาวุธทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังในการควบคุม



โดยสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในเวลา 12.03 น. และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ก่อนที่ผู้บุกรุกจะพยายามหนีเข้าไปในสะพานเทียบอากาศยาน โดยผู้ก่อเหตุทราบชื่อภายหลัง คือ นายวัชระ คำบุตร อายุ 34 ปี ขณะจับกุมมีอาการมึนเมาจากการเสพยาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลาง เป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนสั้น และขวานเหล็ก กรรไกร พร้อมด้วยยาบ้า 1 เม็ด



โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ส่งผลต่อการให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้เข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที แต่เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธ ทำให้ ผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 4 ราย



ส่วนผู้ก่อเหตุ ได้ถูกควบคุมตัวส่งดำเนินคดีแล้ว ซึ่งนอกจากจะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยานแล้ว ยังจะต้องถูกดำเนินคดีจากข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 19 ด้วยข้อหาใช้อาวุธ หรือ วัสดุอื่นใด กระทำการอันอาจเป็นอันตราย หรือ น่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ซึ่งมีระวางโทษหนัก อาจถึงประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 ถึง 800,000 บาท



นอกจากนี้ยังมีความผิดในการทำลายทรัพย์สินของท่าอากาศยาน จนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีความผิดเนื่องจากเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอีกด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ประตูกระจกตรงช่องทางเข้าอาคารเทียบเครื่องบิน แตกเสียหาย 2 บาน เนื่องจากผู้บุกรุกได้ขวานทุบกระจกเพื่อพยายามหลบหนีเข้าไปในอาคาร แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดจับได้เสียก่อน โดยยืนยันว่า ทสภ.ปฏิบัติตามขั้นตอนด้านการรักษาความปลอดภัยโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และ ผู้โดยสารเป็นสำคัญ

คุณอาจสนใจ

Related News