อาชญากรรม

เมียแฉผัวตำรวจ เจ้าชู้ทำสาวท้อง ให้อภัยช่วยเลี้ยงลูกจนโต ไม่สำนึกทำร้ายบีบคอ-กัดหน้า-ครกทุบหัว

โดย paweena_c

3 ก.ค. 2567

191 views

ภรรยาร้องเพจโหนกระแส ถูกสามีทำร้ายหนัก ทั้งกัดหน้า บีบคอ ใช้ครกทุบหัว ไม่เคยยอมรับผิดในการกระทำ วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ได้พูดคุยกับ คุณเอ (นามสมมุติ) ผู้ร้องเรียน เล่าว่า ตนคบหากับสามีซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจมาหลายปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ระหว่างที่คบหากันสามีแอบไปมีหญิงอื่นอีกหลายคน

หลังจากนั้นเธอเพิ่งมาทราบภายหลังว่าสามีแอบไปจดทะเบียนสมรส กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่สัญชาติไทย ส่วนฝ่ายหญิง มีอาการป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง และมีลูกด้วยกันอีกหนึ่งคน อายุได้ เดือนกว่าๆ เป็นภาวะเลือดจาง

พอเธอรับรู้ ฝ่ายหญิงได้สารภาพว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ผู้ชายมีเมียอยู่แล้ว จึงขอโทษและบอกว่าจะไปจดทะเบียนหย่า ด้วยความดี ตนจึงเห็นใจและสงสาร จึงบอกว่าไม่ต้องหย่า จะได้ใช้สิทธิ์เบิกค่ารักษาต่าง ๆ ของสามีของเธอที่เป็นข้าราชการตำรวจได้

ด้วยความสงสารทั้งแม่ทั้งลูก แม่ก็ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นโรคเลือดจาง ต้องทำงานเลิกดึกดื่น รายได้ไม่เยอะ ส่วนลูกก็ต้องไปเรียน ต้องไปหาหมอ ด้วยความสงสาร เธอจึงดูแลเด็กคนนี้มาโดยตลอดตั้งแต่อายุเดือนกว่า จนปัจจุบันอายุ 8 ขวบ เด็กก็เรียกเธอว่าแม่

ส่วนสามีไม่มีความรับผิดชอบ ไปรับ-ส่งลูก เวลาลูกต้องไปหาหมอตามนัด สามีก็จะไม่อยู่ บางครั้งเธอถามหรือมีการพูดเรื่องลูก สามีก็ไม่พอใจเธอ มีบางครั้งเธอโมโห ก็ต่อว่าเรื่องที่สามีนำเงินไปให้ภรรยาใหม่อีกคน แทนที่จะนำมาดูแลลูก พอเธอพูดเรื่องเงินสามีก็ไม่พอใจ

คุณเอ บอกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สามีก็มีการทะเลาะจนถึงขั้น ได้ทำร้ายร่างกายเธออย่างหนัก ทั้งกัดหน้า บีบคอ ใช้ครกทุบหัว ต่อยหน้า ถึงขนาดที่เธอต้องวิ่งหนีตายจนไปชนกระจก ทำให้ได้รับบาดเจ็บ เย็บหลายสิบเข็ม มีบางครั้งสามีทุบโน้ตบุ๊กของเธอจนพังเสียหาย

แต่ละครั้งที่เธอโดนสามีทำร้ายร่างกาย ก็จะเข้าไปแจ้งความทุกครั้ง มีทั้งที่ สน.บางยี่เรือ และ สน.บางขุนนนท์

คุณเอ บอกว่าที่ผ่านมา เธอให้อภัยสามีมาโดยตลอด และได้ยื่นคำขาดกับสามีว่าอย่าให้มีครั้งที่ 3 เพราะเธอจะไม่ยอม และจะเดินหน้าดำเนินคดี อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายครั้งที่ 3 ก็เกิดขึ้น ทำให้เธอทนพฤติกรรมของสามีไม่ไหว

เธอจึงเข้าร้องเรียนทางต้นสังกัดของสามี หวังให้มาพูดคุยไกล่เกลี่ยเรื่องเงินค่าเสียหาย ยอมรับและสำนึกผิดในการกระทำ ได้รับโทษตามสมควร จากนั้นจะเธอขอแยกย้ายและจบกันไป ซึ่งเงินที่ตนเรียกไปก็ไม่ได้มากมาย ประมาณ 200,000 บาท และอนาคตอาจต้องใช้เงินจำนวนนี้ เพื่อดูแลลูกของสามีด้วย

แต่หากสามียังดึงดันเหมือนที่ผ่านมา เธอก็จะเดินหน้าเอาผิด ทั้งทางคดีความและทางวินัยอย่างถึงที่สุด

นอกจากนี้คุณเอ ยังบอกว่า ที่เธอร้องเรียนต่อสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม และหวังให้ช่วยเป็นกระบอกเสียง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดี


https://youtu.be/rCL0-W3SdAg

คุณอาจสนใจ