สังคม

สั่งพักราชการ หน่วยสวาท 15 นาย ปมเด็กเอ็นฯ ร้องถูก 4 ชายฉกรรจ์ อ้างเป็น ตร.ร่วมหลับนอนฟรี ซ้ำขู่รีดเงิน

โดย weerawit_c

30 ส.ค. 2567

1.4K views

สาว 27 ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจซื้อบริการ อ้างไม่เสร็จกิจขอเงินคืน ซ้ำถูกข่มขู่รีดเงิน ล่าสุดสั่งพักราชการหน่วยสวาท 15 นาย เอาไว้ก่อน ในระหว่างที่ยังหาตัวชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจรีดไถเงินผู้เสียหาย


วานนี้ (29 ส.ค.67) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้ง เพจสายไหมต้องรอด   พา น.ส.เอ  อายุ 27 ปี  เข้าพบ พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  แจ้งความดำเนินคดีกับชาย 4 คน  ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซื้อบริการทางเพศแล้วไม่จ่ายเงิน  แถมยังถูกข่มขู่รีดทรัพย์


นายเอกภพ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ว่าเมื่อวันที่ 26 ต่อเนื่องวันที่ 27 ส.ค.67   ได้รับการติดต่อจากชายคนหนึ่งให้มาเอ็นเตอร์เทนและลงท้ายด้วยการร่วมหลับนอน โดยนัดหมายมาพบกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้กับวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา ตกลงค่าบริการอยู่ที่ 1,500 บาท  หลังเสร็จกิจ  ชายที่มาซื้อบริการอ้างว่า ไม่สำเร็จความใคร่  ขอเงิน 1,500 บาทคืน  พร้อมกับอ้างว่าเป็นตำรวจและโชว์บัตรประจำตัว  ทำให้ น.ส.เอ แปลกใจที่ตกลงกันแล้ว ให้บริการแล้วยังจะมาขอเงินคืน  จึงไม่ยอมคืนเงิน ชายคนดังกล่าวขู่ว่า หากไม่คืนเงิน จะคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในข้อหาค้าประเวณี


จากนั้นชายคนดังกล่าว โทรหาเพื่อนที่อยู่อีกห้อง  ซึ่งพาผู้หญิงมาใช้บริการเหมือนกัน โดยนำตัว น.ส.เอ กับผู้หญิงคนดังกล่าว ไปที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษ  ตั้งอยู่ในกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ซึ่งที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ พบว่ามีชายอีก 3 คนอยู่ในห้องด้วย ชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจ ยังพยายามติดต่อให้ญาติของผู้หญิงทั้ง 2 คน  มาร่วมรับทราบข้อกล่าวหา ทำให้ น.ส.เอ ยิ่งกลัว เพราะเกรงว่าญาติจะรู้ว่ามาทำงานแบบนี้ จึงตัดสินใจยอมคืนเงิน  1,500 บาท เพื่อตัดปัญหา


แต่ชายทั้ง 4 คนที่อ้างเป็นตำรวจ ยังจะดำเนินคดีต่อ พร้อมยื่นข้อเสนอ ให้จ่ายเงิน 20,000 บาท เพื่อส่งให้ “นาย” แลกกับการปิดคดี   แต่ น.ส.เอ ทราบว่า คดีค้าประเวณีมีโทษแค่ปรับ จึงบอกไม่มีเงินมากถึง 20,000 บาท  จึงเกิดการต่อรองกัน และกลุ่มชายทั้งหมด ยอมลดให้ เหลือ 5,000 บาท  โดยจ่ายเป็นเงินสดไป 4,000 บาท ที่เหลืออีก 1,000 บาท โอนเงินเข้าบัญชี ซึ่งมีชื่อ-มีหลักฐานการโอนชัดเจน


แต่แทนที่เรื่องจะจบ  กลุ่มชายทั้งหมดยังข่มขู่อีกว่า  จากนี้ไปต้องจ่ายเป็นรายเดือนด้วย และยังพยายามให้ น.ส.เอ ไปหลับนอนกับผู้ชายคนอื่นด้วย แต่ น.ส.ไม่ยอม และหลังจากนั้นก็ถูกข่มขู่หลายครั้ง จนเกิดความกลัว และสุดทนกับพฤติกรรมของกลุ่มชายที่อ้างเป็นตำรวจ ที่รีดไถ ข่มขู่   น.ส.เอ จึงตัดสินใจร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด  ทางเพจจึงประสานกับ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ให้พาเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี เพื่อสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง  หากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง  จะรายงานให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ทราบ  โทษหนักถึงให้ออกจากราชการ  แต่ทั้งนี้ต้องสอบสวนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายก่อน  


ด้าน พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มารับแจ้งความพร้อมพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า  จากการฟังคำบอกเล่าของผู้เสียหาย  ส่วนแรกจะต้องดำเนินคดีเกี่ยวกับการค้าประเวณี  ซึ่งเป็นฐานความผิดเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์  ต้องมีเจ้าหน้าที่ พม.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาร่วมสอบสวนด้วย


ส่วนที่ 2 คือต้องเร่งสืบสวนสอบสวน กลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องสืบทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่  หากเป็นตำรวจจริง เป็นการกระทำความผิดส่วนตัวหรือใช้อำนาจหน้าที่ในการกระทำความผิด ก็จะมีข้อหาที่แตกต่างกันตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ  โดยจะสืบสวนจากคำบอกเล่าของผู้เสียหาย สถานที่ และเรื่องการโอนเงินที่มีหลักฐานปรากฎ โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


จากนั้น เจ้าหน้าที่พา น.ส.เอ ไปชี้จุดที่ห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา ใกล้วัดพนัญเชิง โดยผู้เสียหายนำชี้จุดต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะห้องพักเลขที่ 11 ที่ผู้เสียหายมาเปิดห้องพักรอชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจ เพื่อรอให้บริการ เจ้าหน้าที่ยังเก็บภาพกล้องวงจรปิดภายในโรงแรมไปด้วย โดยเป็นภาพเมื่อวันที่ 26 ส.ค. เวลาประมาณ 22.21 น. จะเห็นรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งวิ่งเข้ามาในโรงแรม และเข้าไปจอดหน้าห้องพักหมายเลข 11 โดยมีพนักงานโรงแรมช่วยโบกรถให้  จากนั้นเวลาไล่เลี่ยกัน 22.23 น. มีรถเก๋งสีดำอีกคัน ที่ขับเข้ามาและจอดห้องที่เยื้องๆ กัน  


นอกจากนี้ น.ส.เอ ยังไปชี้จุดที่ถูกคุมตัวมาที่อาคารหน่วยปฎิบัติการพิเศษ ของกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยจุดนี้เป็นจุดที่ถูกพามานั่งพูดคุยเจราต่อรอง ข่มขู่ เรียกรับเงิน


พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ชุดสืบสวนได้เก็บหลักฐานกล้องวงจรปิดดังกล่าว ซึ่งจับภาพรถเก๋งของชาย 2 คนที่อ้างเป็นตำรวจแล้ว และสั่งชุดสืบสวน ไปไล่กล้องวงจรปิดเพิ่มเติมอีกทุกมิติ เพื่อเป็นหลักฐานสืบให้ได้ว่า รถสองคันนี้ เป็นรถของใคร ใครใช้ และเป็นตำรวจจริงหรือไม่ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังมีสลิปการโอนเงิน ที่ระบุชื่อเจ้าของบัญชีชัดเจน ดังนั้นจึงหาตัวไม่ยากว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้างและเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ส่วนคดีจะเร็วหรือช้าต้องรอการสืบสวนสอบสวนอย่างรอบคอบก่อน


ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีคำสั่งพักราชการตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือ หน่วยสวาท กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 15 นายไว้ก่อน ในระหว่างที่ยังหาตัวชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจรีดไถเงินผู้เสียหาย และให้ชุดสอบสวน เก็บหลักฐาน และสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด โดยจะประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมกับสอบสวนด้วย โดยในวันที่ 2 ก.ย.นี้ จะนำรูปตำรวจหน่วยสวาททั้ง 15 นาย มาให้ผู้เสียหายชี้ตัวว่า เป็นตำรวจที่ก่อเหตุตามที่ผู้เสียหายอ้างหรือไม่  



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/CzhECJwnMDw

คุณอาจสนใจ