อาชญากรรม

12 วันหลังเกิดเหตุยิง ‘น้องหยอด - ครูเจี๊ยบ’ จับได้แล้ว 2 คน พบแก๊งสังหารพ่นสีรถ ตบตาตำรวจหลบหนี

โดย paweena_c

23 พ.ย. 2566

179 views

เข้าสู่วันที่ 12 หลังเกิดเหตุยิง ‘น้องหยอด - ครูเจี๊ยบ’ เสียชีวิต ตร.ออกหมายจับได้ 5 คน และจับได้แล้ว 2 คน รวมถึงตามจับทีมสังหาร คดียิงเด็กอุเทนฯ ที่หน้าคณะเภสัช จุฬาฯ เมื่อเดือน ม.ค.ได้ด้วย

วานนี้ (22 พ.ย. 2566) ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล บุกจับนายพฤฒิพล ราชญาณ หรือ เอย อายุ 22 ปี ที่หน้าตึก 5 เคหะเอื้ออาทรบางบัวทอง ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ขณะกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากที่พัก หมายจับที่ตำรวจนำมาควบคุมตัวเป็นคดีร่วมกันยิงนักศึกษาอุเทนฯ ที่บริเวณหน้าคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคดีนี้ นายพฤฒิพลทำหน้าที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์พามือปืนไปก่อเหตุ

จากนั้นคุมตัวขึ้นไปค้นห้องพัก ซึ่งตอนนั้นมีเพื่อนนอนอยู่ในห้องอีก 1 คน ซึ่งเพื่อนที่อยู่ในห้องก็เป็นอดีตนักศึกษาที่เลิกเรียนกลางคันจากเทคโนโลยีปทุมวันเช่นกัน เมื่อตรวจค้นในห้องพักไม่ได้พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จากการตรวจมือถือของนายพฤฒิพล พบข้อความในกลุ่มไลน์ที่มีชื่อว่า “ปทุมวัน 890” มีสมาชิก 103 คน และมีข้อความหนึ่งคาดว่าเป็นรุ่นพี่พิมพ์ส่งมาว่า “พี่ขอแสดงความยินดีกับน้อง ช.ก.90 ที่พาน้อง ช.ก.91 ไปเกิดได้อย่างสมศักดิ์ศรีช่างกลปทุมวัน” และจากการสืบสวนของตำรวจพบว่า ในคดียิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด นักศึกษาอุเทนถวาย นายพฤฒิพลเป็นผู้ช่วยวางแผน และช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายในการก่อเหตุโดยทำหน้าที่เป็นเหรัญญิก รวบรวมเงินของกลุ่ม

จุดที่ 2 ที่เข้าค้นเป็นบ้านหลังหนึ่ง ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จับนายวรงชัย กัณฑ์ศรี อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด หรือซ่องโจร มีรายงานว่า นายวรงชัยร่วมวางแผน และคอยคุ้มกันกลุ่มผู้ก่อเหตุยิงน้องหยอดและครูเจี๊ยบเสียชีวิต

จุดที่ 3 เป็นเซฟเฮ้าส์ ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวในซอยวงศ์สว่าง 19 แยก 2 กรุงเทพ จุดนี้พบวัยรุ่นชาย 6 คน ซึ่งเคยเป็นอดีตนักศึกษาของเทคโนโลยีปทุมวันอยู่ภายใน ได้แก่ นายวุฒิพงษ์ ผลคำ อายุ 25 ปี, นายสัญปกรณ์ พรรณานนทศักดิ์ อายุ 24 ปี, นายสหัสวรรษ ภักดีนอก อายุ 23 ปี, นายจิรายุส สุวรรณศุภ อายุ 23 ปี, นายธนากร พันทองคำ อายุ 22 ปี และนายอภิเดช นาคประกอบ อายุ 21 ปี ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันสบคบกันตั้งแต่ 5 คน กระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด "ซ่องโจร" และจากการตรวจค้น ยังสามารถตรวจยึดของกลางได้ 12 รายการ เช่น เสื้อ กางเกง หัวเข็มขัด รถยนต์ และระเบิดปิงปอง อีก 2 ลูก ซึ่งภายในเซฟเฮ้าส์ พบภาพรูปหน้าศพของของภูมิ อดีตนักศึกษาเทคโนโลยีปทุมวันที่ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ติดอยู่ที่ประตูด้วย

และจากการสืบสวนของตำรวจพบว่า 1 ใน 6 คนนี้ คือนายสหัสวรรษ ภักดีนอก อายุ 23 ปี เคยร่วมก่อเหตุขี่รถมอเตอร์ไซค์ดูลาดเลาภายในซอยสุทธิพงศ์ 1/1 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2565 ก่อนจะให้ทีมสังหารเข้าไปกราดยิงในงานแต่งงานของอดีตนักศึกษาอุเทนถวาย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 4 คน ซึ่งครั้งนั้นอัยการสั่งไม่ฟ้องนายสหัสวรรษ

และเมื่อวานนี้ช่วงเย็นตำรวจออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดียิงครูเจี๊ยบได้อีก 1 คน แต่ขณะที่ตำรวจกำลังนำหมายจับจะเข้าไปจับกุม ปรากฏว่าผู้ต้องหามีอาการช็อก ต้องส่งตัวเข้าโรงพยาบาล จึงยังไม่สามารถจับกุมมาแจ้งข้อกล่าวหาได้ เท่ากับว่าขณะนี้ในคดีครูเจี๊ยบตำรวจออกหมายจับไปแล้ว 5 หมาย จับได้ 2 คน นายวรงชัย กัณฑ์ศรี ทำหน้าที่เป็นชุดคุ้มกันทีมสังหาร และอีก 1 คนที่อยู่ในโรงพยาบาลทำหน้าที่ร่วมวางแผน

ส่วนนายพฤฒิพล ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดียิงนักศึกษาอุเทนถวาย เมื่อวันที่ 14 ม.ค. จับตามหมายค้างเก่า ตำรวจ สน.ปทุมวัน เตรียมนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว และ 6 คนที่จับได้ในเซฟเฮ้าส์ ไม่มีหมายจับ แต่ถูกดำเนินคดีข้อหาซ่องโจร ถูกส่งตัวไปที่ สน.ทุ่งมหาเมฆแล้ว

และช่วงบ่ายวานนี้ พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบรถยนต์อเนกประสงค์ สีทองสลับฟ้าที่ถูกนำมาซุกซ่อนในป่าไผ่ ริมถนนโยธาธิการวัดต้นเชือก คลองหนึ่ง อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี หลังพบว่าน่าจะเป็นรถที่ใช้ขนรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ขี่ไปยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด

ทีมข่าวอาชญากรรมพบว่า จุดนี้ไม่มีบ้านเรือนประชาชน และไม่มีกล้องวงจรปิด ถือว่าเป็นจุดอับสายตา และจากการตรวจค้นในรถพบซองปืน ยาแก้ปวดที่สามารถนำไปผสมเป็นยาเสพติดชนิด 4คูณ100 ได้ ป้ายทะเบียนรถกุญแจรถจักรยานยนต์ และบุหรี่ อยู่ในรถคันดังกล่าว จึงเก็บไปตรวจสอบเพื่อหาลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอ

พลตำรวจตรี ธีร์เดช กล่าวว่า การทำงานของอดีตนักศึกษากลุ่มนี้มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมที่แข็งแรง การทำงานที่ซับซ้อน โดยมีสมาชิกที่มีอุดมการเดียวกันถึง 84 คน และมีการแต่งตั้งหัวหน้าองค์กร ที่ตำรวจมีข้อมูลสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปถึงผู้ลงมือก่อเหตุแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ นอกจากนี้พบว่ายังมีองค์กรในลักษณะคล้ายกับองค์กรนี้อีกหลายกลุ่ม

ล่าสุดตำรวจพบจุดที่เปลี่ยนสีรถมอเตอร์ไซค์แล้ว พบว่าขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่ป่าหญ้าข้างทาง ในตำบลโคกช้าง อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วใช้สีสเปรย์พ่นใส่รถมอเตอร์ไซค เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน และพ่นสีรองเท้าและหมวกกันน็อกด้วยสีแดง แล้วขี่หลบหนีออกมา โดยคนร้ายทั้ง 2 คน ก็เปลี่ยนเสื้อและหมวกกันน็อค ก่อนจะขี่รถมอเตอร์ไซค์หลบหนี ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพทั้งคู่ได้อีกทีที่บริเวณจุดกลับรถสวนเกษตรเรือนไทย ต.มะค่า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ช่วง 12.19 น.ของวันที่ 11 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ก่อเหตุยิงน้องหยอดและครูเจี๊ยบ เมื่อตอนประมาณ 9.00 น.กว่า

วันนี้ (23 พ.ย. 2566) ทีมข่าวอาชญากรรมโทรศัพท์สอบถาม รศ.ดร.เสถียร ธัญญศรีรัตน์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กล่าวว่า ขณะนี้ทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้วและได้สั่งการให้ฝ่ายทะเบียนเช็คข้อมูลแล้วว่า เด็กทั้ง 9 คน พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาหมดแล้ว ส่วนพวกรุ่นพี่ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าเป็นกลุ่มคนที่ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุจนทำเป็นขบวนการนั้น อธิการบดีเชื่อว่า น่าจะเป็นกลุ่มคนที่แอบอ้างเอาชื่อสถาบันไปก่อเหตุมากกว่า เพราะจากหลายกรณีในอดีตที่พบว่ามีการอ้างว่าเป็นศิษย์เก่าเทคโนปทุมวัน แต่พอไปตรวจสอบกับไม่พบว่าเคยมีประวัติเรียนที่สถาบัน หรืออาจจะเคยลงทะเบียนเรียนที่สถาบันจริง แต่เป็นการเรียนในระยะสั้นหรือมาสมัครเพื่อเอารุ่น หรือเคยเป็นนักศึกษาจริงแต่ถูกไล่ออกพ้นสภาพออกไป ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้ก็มักจะเอาชื่อสถาบันไปแอบอ้างเพื่อก่อเหตุ พร้อมย้ำว่า บุคคลที่จะขึ้นชื่อเป็นศิษย์เก่าในทะเบียนของสมาคมศิษย์เก่าได้ จะต้องสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรที่กำหนด ถึงจะสามารถเรียกเป็นศิษย์เก่าเทคโนปทุมวันได้จริง

สำหรับนักศึกษาปัจจุบันตอนนี้ ไม่พบว่ามีใครที่ตั้งกลุ่มเป็นนักเลงมีเรื่องกับสถาบันคู่อริ ทางสถาบันเองก็ตรวจสอบและมีกฎระเบียบที่ชัดเจน หากตรวจพบว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็มีโทษสถานเดียวคือไล่ออก ส่วนการออกไปตั้งกลุ่มภายนอกรั้วสถาบันนั้น เรื่องนี้ทางสถาบันอาจจะไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องภายนอก และในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) ทางสถาบันจะประชุมกับคณะผู้บริหารและสภาสถาบัน เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Duk8UBndOcY



คุณอาจสนใจ

Related News