มอบหมาย! สภ.แวงน้อย ทำคดี ด.ญ.13 ถูกขืนใจ ‘น้าเดช’ ยันเสียงแข็งไม่ได้ทำ เร่งพิสูจน์คราบสีแดงบนเบาะ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายแล้ว ให้ สภ.แวงน้อย ทำคดีเด็กหญิง 13 ปี ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ขณะนั่งรถตู้โดยสารจากขอนแก่น ไปหาพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ ตำรวจตรวจรถตู้เจอคราบสีแดงที่เบาะรถ แต่ต้องรอตรวจพิสูจน์ว่าเป็นเลือดหรือไม่ ขณะที่คนขับรถตู้ ยืนยันเสียงแข็ง ไม่ได้ทำ

กรณีย่าวัย 63 ปี ร้องสื่อหลังส่งหลานสาวอายุ 13 ปี ไปหาพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ ช่วงปิดเทอม โดยใช้บริการรถตู้โดยสาร ที่พ่อเด็กเป็นคนติดต่อนัดให้มารับในช่วงค่ำวันที่ 1 ตุลาคม แต่กลับถูกนายเดช คนขับรถตู้ข่มขืน หลังตระเวนส่งคนอื่นจนหมด แล้วเอาน้ำให้หลานกิน จนสะลึมสะลือ ไม่มีแรงขัดขืน แล้วขืนใจจนเลือดออกเต็มเบาะ จากนั้นหลานไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็สว่างแล้ว พบว่าตัวเองนอนในเบาะรถตู้ ซึ่งขับวนไปหลายที่ โดยหลานได้ถ่ายคลิปไว้ ก่อนนายเดชพาไปส่งพ่อแม่

กระทั่งวันที่ 30 ตุลาคม พ่อส่งลูกสาวอายุ 13 ปี พร้อมลูกชายอายุ 16 ปี กลับขอนแก่น โดยเรียกรถตู้คันเดิมมารับช่วงค่ำ พอเด็กหญิงเห็นคนขับรถตู้ ก็ผวา ร้องไห้ไปกอดแม่ โดยพ่อแม่เข้าใจว่า ลูกสาวคิดถึงพ่อแม่ ไม่อยากกลับ ก็ปลอบใจแล้วส่งขึ้นรถตู้ โดยรถไปส่งถึงบ้านที่ขอนแก่น ตอน 9 โมงเช้า ของวันที่ 31 ตุลาคม

โดยย่าสังเกตเห็นหลานสาว มีอาการผิดปกติ เหม่อลอย กลางคืนไม่ยอมนอน เอาแต่พนมมือ พูดพร่ำ เอ่ยชื่อคนขับรถตู้ "น้าเดช อย่าทำ" ย่าจึงพยายามพูดคุย จนหลานสาวยอมเล่าเรื่องทั้งหมด นอกจากนี้หลานสาวเหมือนคนมีอาการทางประสาท สติแตก โดยเฉพาะตอนที่เห็นภาพคนขับรถตู้ หลานสาวจะกรีดร้อง และบอกว่า "บักนี่มันเป็นปีศาจ"

จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.แวงน้อย ส่วนลูกชายกับลูกสะใภ้ไปแจ้งความที่ สน.บางกอกใหญ่ หลานถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.แวงน้อย ผลตรวจเบื้องต้น ระบุว่า เยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาด และเป็นแผลที่เกิดขึ้นนานแล้ว ส่วนอาการเหม่อลอยเหมือนเสียสตินั้น อาจเกิดจากการถูกวางยา แต่หลังจากนั้นคดีไม่คืบหน้า เพราะ 2 โรงพักต่างบอกว่า ตัวเองไม่ใช่เจ้าของคดี ย่ากลัวว่า หากปล่อยไว้นาน กลัวคนก่อเหตุจะไหวตัวหลบหนี

ล่าสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายแล้ว ให้ สภ.แวงน้อย รับผิดชอบคดี โดย พันตำรวจเอก สมมาตย์ มั่งไธสง ผู้กำกับการ สภ.แวงน้อย เผยว่า ล่าสุดตำรวจสืบสวนนครบาล ได้ลงพื้นที่มาร่วมสืบสวนกับ สภ.แวงน้อย ซึ่งตอนนี้ยังสอบปากคำเด็กหญิง 13 ปีไม่ได้ แต่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งสืบสวนสอบสวนในส่วนอื่นไปก่อน ทั้งญาติเด็ก นายเดช คนขับรถตู้ และได้นำรถตู้ที่รับส่งเด็ก ส่งให้ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 ตรวจสอบแล้ว

เบื้องต้นพบคราบเหลวสีแดงในรถตู้ แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นเลือด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว ปกติจะใช้เวลาในการตรวจประมาณหนึ่งเดือน แต่ได้เร่งรัดให้เร็วขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่า คราบเหลวสีแดงนั้นคือสารอะไร

เบื้องต้นคนขับรถตู้ยังไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา และยังไม่มีการแจ้งข้อหากับนายเดช การสอบปากคำเป็นในฐานะพยาน ที่เป็นเจ้าของรถตู้ และเป็นคนขับรถตู้ในวันดังกล่าว จากนั้นจะเรียกสอบผู้โดยสารบนรถตู้ทั้งหมด เพื่อหาความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนนายเดช คนขับรถตู้ เมื่อวานนี้เข้าพบตำรวจ สภ.แวงน้อย สอบปากคำเบื้องต้น ก่อนถูกส่งไปที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 เพื่อเก็บดีเอ็นเอไปตรวจสอบ เบื้องต้นนายเดช ยืนยันเสียงแข็งกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา ที่มาพบตำรวจ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ตอนนี้ขอเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายก่อน ยังไม่พร้อมให้ข่าว

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/-yZUDHIB-cQ