อาชญากรรม

ใครจริงใครลวง! 'นายจ้าง' แฉกลับ 'ลูกจ้าง' ทำร้ายตัวเอง อดีตพนักงานช่วยยัน นายจ้างไม่เคยทารุณ

โดย paweena_c

26 ต.ค. 2566

1.1K views

กรณีที่ลูกจ้างสาวของร้านอาหารญี่ปุ่นรายหนึ่ง ร้องเรียนผ่านเพจสายไหมต้องรอด ว่าถูกนายจ้างสองสามีภรรยาทำร้ายร่างกายอย่างทารุณและบังคับใช้แรงงานหนัก ไม่จ่ายค่าจ้างและให้กินข้าววันละมื้อ จนทนไม่ไหวต้องแอบปีนฝ้าเพดานหนี ไปขอความช่วยเหลือจากร้านข้างๆ

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ คุณนฤชา กมุทโยธิน เดินทางไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นดังกล่าว อยู่บริเวณ พุทธมณฑลสาย 1 ได้พบกับเจ้าของร้าน บอกว่านางสาวเอ เคยมาเป็นพนักงานที่ร้านตั้งแต่ปี 2561 ทำงานอยู่ได้เกือบ 1 ปี หลังจากนั้น นางสาวเอ มีประวัติเกี่ยวกับคดีลักทรัพย์ ตอนนั้นจึงให้สิ้นสุดสภาพพนักงานไป ต่อมาปี 2563 ตนได้รับเขากลับเข้ามาทำงานอีกรอบ เนื่องจากเขาตั้งครรภ์ เขาบอกว่า สาเหตุที่ตั้งครรภ์ เพราะถูกผู้ชายข่มขืน อยากให้ตนช่วยเหลือให้กลับมาทำงานอีกครั้ง ตนเองจึงตัดสินใจรับกลับมาทำงานอีกรอบ

ระหว่างตั้งครรภ์ ตนก็พยายามดูแล นางสาวเอ เนื่องจากอาของ นางสาวเอ ได้ฝากให้มาทำงานที่ร้าน ตนจึงพยายามช่วยเหลือ ดูแลเหมือนคนในครอบครัว โดยการพาไปฝากครรภ์ และพาไปโรงพยาบาลทำตามขั้นตอนของแพทย์ จนถึงช่วงที่เขาคลอดลูก นางสาวเอ นำลูกกลับมาเลี้ยงที่หอพักใกล้ ๆ ร้าน แต่กลับไม่ดูแลลูก ตนจึงประสานให้ไปอยู่ที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนส่งลูกนางสาวเอ ไปอยู่มูลนิธิฯ

จนช่วงเดือน ธันวาคม 2564 นางสาวเอ มีปัญหากับ นางสาวปอ เพื่อนร่วมงาน โดย นางสาวเอ กล่าวว่าว่า ปอ (นามสมมติ) เป็นชู้กับชายสูงอายุที่เดินผ่านหน้าร้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล ก่อนมีปากเสียงกัน เปิดฉากทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งตอนนั้นตอนนั้นก็ตรวจพบว่าเขามีการใช้ยาเสพติดร่วมด้วย ซึ่งตอนนั้นตนเข้าใจผิดคิดว่าปอเสพยาเสพติด จึงไล่ออกจากงาน และให้เอ ทำงานต่อ

หลังจากนั้นพฤติกรรมเขาก็เริ่มหนักขึ้น เช่น มีพฤติกรรมที่นัดพบผู้ชายออกไปนอกร้านตอนกลางคืน และเริ่มมีการขโมยสิ่งของภายในร้าน ซึ่งตนจับได้ ตักเตือนไปหลายครั้ง จนไม่ไหวต้องแจ้งความให้ตำรวจ นางสาวเอ ก็ยอมรับผิดและยังส่งคลิปมาขอโอกาส ขอไม่ให้เอาเรื่อง

เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นยังบอกอีกว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา นางสาวเอ ก็ยังก่อเหตุขโมยของในร้านอีก ตนจึงต้องไปแจ้งความอีกรอบและรอบนี้จะไล่ออกจริงๆ ทำให้ นางสาวเอ วิดีโอคอลมาหาตนและพยายามทำร้ายร่างกายตัวเอง ใช้คัตเตอร์กรีดหน้าตัวเอง ผ่านวิดีโอคอล เพื่อไม่ให้เจ้าของร้านไล่ออกหรือดำเนินคดี ส่วนร่องรอยบาดแผลที่เห็น นางสาวเอ อ้างว่า ถูกพวกแก๊งค์บัญชีม้าทำร้ายร่างกาย เพราะนางสาวเอ ไปรับจ้างเปิดบัญชีม้าและไปบิดเงินพวกแก๊งค์นี้มา

ส่วนเรื่องการกินอยู่ภายในร้าน เดิมทีนางสาวเอ เช่าห้องอยู่ใกล้กับร้านอาหาร แต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เขาอ้างว่ามีปัญหากับคนที่หอพัก จึงขออนุญาตตนมาพักอาศัยอยู่ภายในร้านเป็นครั้งคราว ตนก็ให้อาหารกินครบ 3 มื้อไม่ใช่ให้กินแค่มื้อเดียวกับไข่ 2 ฟองตามที่ นางสาวเอ กล่าวอ้าง พร้อมยืนยันว่าไม่ได้กักขังหน่วงเหนี่ยวหรือใช้แรงงานเยี่ยงทาสตามที่กล่าวหา ขณะที่เรื่องเงินเดือนที่บอกว่าไม่เคยได้รับเงินเลย เจ้าของร้านยืนยันว่า จ่ายเงินค่าจ้างปกติ

ส่วนที่อ้างว่า ตนทำร้ายร่างกายนั้นยืนยันว่า ไม่ได้ทำร้ายอย่างที่กล่าวอ้าง ถ้าตนทำจริง ชาวบ้านห้องข้างๆ ยังไงก็ต้องได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ด้วยสภาพของร้านของตน ไม่สามารถที่จะก่อเหตุแบบนี้ได้ ถ้าจุดไฟเผาคงเกิดไฟไหม้ห้องไปแล้ว

เจ้าของร้าน ยังบอกอีกว่า ส่วนที่ นางสาวเอ ปีนฝ้าเพดานหลบหนี เพราะกลัวความผิดที่ขโมยของในร้าน และทำลายกล้องวงจรปิด

ขณะที่ น.ส.ปอ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี อดีตพนักงานร้านอาหารเดียวกับ นางสาวเอ บอกว่า ตนและนางสาวเอ เคทะเลาะกันที่ร้าน ตอนปี 2564 หลังทราบข่าว รีบเดินทางมาที่ร้านทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร้านจะไล่ออก ที่มาวันนี้ก็เพื่อมายืนยันว่า เจ้าของร้านไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับ นางสาวเอ หรือ ตนเลย เต็มที่ก็แค่ดุด่าเท่านั้น

ส่วน พฤติการณ์ของ นางสาวเอ จากการอยู่ร่วมกันมา ก็มองว่า เขาเป็นเด็กดื้อมาก ชอบลักเล็กขโมยน้อย จนติดเป็นนิสัย แต่ตนนั้นก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขา คอยช่วยเหลือดูแลตลอด จนกระทั่งปี 2564 เกิดเหตุทะเลาะกัน เพราะเขากล่าวหาว่า ตนไปเป็นชู้กับลุงแก่ๆที่เดินผ่านหน้าร้าน

นางสาวปอ บอกว่า หากนางสาวเอ ถูกทำร้ายร่างกายจริงๆ เหตุใดถึงไม่ลาออกจากงาน ทำไมยังทนทำมาได้เป็นปีๆ อีกทั้งเขาก็เป็นคนถือกุญแจร้านสามารถล็อกประตูเองได้ สามารถหนีออกไปตั้งแต่ก่อนล็อกร้านก็ได้ เหตุใดถึงไม่หนีออกไปตั้งแต่ตอนนั้น

ส่วนเรื่องที่บอกว่าเจ้าของร้านให้กินแค่ไข่ 2 ฟองกับข้าว เรื่องนี้ร้านไม่เคยเลี้ยงอด ๆ อยาก ๆ สามารถเดินไปบอกเจ้าของร้านได้ว่าอยากกินอะไร วัตถุดิบในร้านก็สามารถนำมาทำอาหารกินได้

นางสาวปอ บอกว่า อยากบอกว่า เจ้าของร้านเป็นคนให้โอกาสคน ไม่เคยไม่จ่ายเงินเดือน เพราะตนได้รับเงินเต็มจำนวนตลอด

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พานางสาวเอ เข้าพบ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรม

โดยนายกองตรี เปิดเผยว่า เรื่องนี้ต้องมีคนใด คนหนึ่งโกหก ซึ่งมีประเด็นที่นายจ้างบอกว่า เอ ติดยาเสพติด วันนี้ตนเองจึงประสานไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ส่งตัวน้องไปตรวจเส้นผมหาสารเสพติดทันที จะได้ทราบข้อเท็จจริงไปทีละเรื่อง

ส่วนเรื่องบาดแผลที่นายจ้างบอกว่า น้องทำร้ายร่างกายตนเอง ซึ่งตนเองตั้งข้อสังเกตุว่า บาดแผลบางจุดที่เป็นการใช้ไฟรน มองว่าคนทั่วไปจะกล้าทำขนาดนั้นหรือไม่ และหลาย ๆ ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายให้การไม่ตรงกันมันสามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจในการแสวงหาข้อเท็จจริงที่ทางน้องเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ เชื่อว่า ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว หากใครโกหกให้การเท็จก็ต้องรีบผิดชอบ


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/u9xkkh57sL0

คุณอาจสนใจ

Related News